ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวนบทที่ 322 คับแค้นใจ

บทที่ 322 คับแค้นใจ

ตอนที่​ 322 คับแค้นใจ​

ต้อง​เป็น​เพราะ​เขา​ขา​หัก​อย่าง​แน่นอน​ ตอนนี้​แม่เถาจึงเห็น​ว่า​เขา​หมด​ประโยชน์​แล้ว​ และ​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​เขา​จะสามารถ​เลี้ยงดู​นาง​ได้​ในอนาคต​ เช่นนี้​นาง​จึงคิด​รัก​สือ​โถว​มากกว่า​!

หาก​สิ่งนี้​เกิดขึ้น​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​ จางเป่า​เกิน​คง​ไม่มีวัน​อิจฉา​สือ​โถว​

แต่​ตอนนี้​ขา​ของ​จางเป่า​เกิน​บาดเจ็บ​ และ​หัวใจ​ของ​เขา​ก็​เต็มไปด้วย​ความทุกข์​ ใน​ตอนนี้​เขา​จึงรู้สึก​ว่า​ตนเอง​ไร้ประโยชน์​ พอ​มาได้ยิน​คำพูด​เช่นนั้น​ หัวใจ​ก็​คล้าย​กับ​ถูก​บีบรัด​จน​อึดอัด​

เขา​รู้สึก​ว่า​ต่อให้​เมื่อ​มอง​โดย​ผิวเผิน​แล้ว​แม่เถาจะใจดี​กับ​ตน​ แต่​เขา​ก็​เริ่ม​หมดกำลังใจ​แล้ว​

ความคิด​นี้​ทำให้​จางเป่า​เกิน​ยิ่ง​รู้สึก​อึดอัด​มากขึ้น​

จางเป่า​เกิน​ล้มโต๊ะ​ข้าง​กาย​อย่าง​เกรี้ยวกราด​ ซึ่งบน​โต๊ะ​มีของ​บางอย่าง​วาง​อยู่​ ทั้งหมด​ล้วน​เป็น​สิ่งที่​แม่เถาตระเตรียม​เอาไว้​เพื่อให้​จางเป่า​เกิน​สามารถ​หยิบ​จับ​ทุกอย่าง​ได้​โดยสะดวก​

สิ่งของ​ทั้งหมด​ร่วงหล่น​ลงพื้น​จน​เกิด​เสียง​ดังสนั่น​

เมื่อ​แม่เถาได้ยิน​เช่นนั้น​ นาง​ก็​มอง​เข้าไป​ใน​ห้อง​ด้วย​แววตา​เจ็บปวด​ “เป่า​เกิน​ เจ้าเป็น​อะไร​ไป​?”

“ต่อให้​ข้า​ตาย​ก็​ไม่ต้องการ​ให้​ท่าน​มาดูแล​!” จางเป่า​เกิน​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​โกรธจัด​

แม่เถาตกตะลึง​ไป​ชั่วขณะ​ก่อน​จะเริ่ม​ร้องไห้​ออกมา​

จางซิ่ว​เอ๋อ​เฝ้ามอง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ หลังจากนั้น​นาง​ก็​ไม่ได้​สนใจ​อีกต่อไป​ นาง​เริ่ม​ก้าว​ขา​และ​เดิน​ออกจาก​บ้าน​

ใน​ตอนนี้​เอง​แม่เถาถึงได้​รับรู้​ว่า​จางซิ่ว​เอ๋อ​อยู่​ตรงนี้​ นาง​เงยหน้า​ขึ้น​พร้อมกับ​จับจ้อง​จางซิ่ว​เอ๋อ​ด้วย​โทสะ​ “นัง​ตัว​ขาดทุน​น้อย​! เจ้ามอง​อะไร​!”

จางซิ่ว​เอ๋อ​ถอนหายใจ​อย่าง​เย็นชา​ “ข้า​เพียงแต่​อยาก​บอ​กว่า​หาก​ป้า​สะใภ้สามยังมี​เรี่ยวแรง​โกรธเคือง​ข้า​ได้​เช่นนี้​แล้ว​ เหตุใด​จึงไม่เอา​เวลา​ไป​ดูแล​ลูกพี่ลูกน้อง​ข้า​ให้​ดี​เล่า​!”

ใบหน้า​ของ​แม่เถาถึงกับ​ซีดเซียว​เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ นาง​จับจ้อง​จางซิ่ว​เอ๋อ​อย่าง​เดือดดาล​

จางซิ่ว​เอ๋อ​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​เงียบเชียบ​ แม้ว่า​แม่เถาต้องการ​จะตำหนิ​นาง​อีกครั้ง​ก็​ไม่อาจ​ทำได้​ นาง​จึงต้อง​เก็บ​ความโกรธ​นั้น​ไว้​ใน​ใจ

ขณะที่​จางซิ่ว​เอ๋อ​อารมณ์ดี​ ในขณะนั้น​เอง​ก็​มีคน​ ๆ หนึ่ง​ปรากฏตัว​ตรงหน้า​เพื่อ​ขวางทาง​นาง​ไว้​

“ซิ่ว​เอ๋อ​! เป็น​เจ้าจริง ๆ​ด้วย​!” คน​ผู้​นั้น​คล้าย​จะดีใจ​ยิ่ง​ที่​ได้​พบ​กับ​จางซิ่ว​เอ๋อ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​สตรี​ตรงหน้า​ด้วย​ท่าทาง​งุนงง​เล็กน้อย​ “รุ่ย​เซียง?​ เจ้ากลับมา​แล้ว​หรือ​?”

จางซิ่ว​เอ๋อ​ยัง​คิด​ไม่ตกว่า​เมื่อใด​นาง​จะหาทาง​จัดการ​ซ่องโสเภณี​ลับ​นั้น​ได้​ นาง​อ่อนแอ​เกินไป​และ​ไม่สามารถ​จัดการ​เรื่อง​นี้​ได้​เพียงแค่​ใช้ความคิด​ นอกจากนี้​นาง​ยัง​เจ็บป่วย​อยู่​ จึงไม่ได้​เข้า​เมือง​เพื่อ​ไป​พังทลาย​สถานที่​อโคจร​นั้น​

จางซิ่ว​เอ๋อ​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​เมื่อ​ได้​พบ​กับ​รุ่ย​เซียง​ ซึ่งตอนนี้​อีก​ฝ่าย​ควรจะ​ยังอยู่​ใน​ซ่องโสเภณี​

“ใช่ ข้า​กลับมา​แล้ว​! แล้ว​เจ้าไม่ได้​กลับมา​ที่นี่​เช่นกัน​หรือ​? ซิ่ว​เอ๋อ​ ข้า​เป็นห่วง​เจ้าแทบ​แย่​ หลังจาก​ข้า​กลับมา​แล้ว​ จึงทราบ​ว่า​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​หา​เจ้าไม่พบ​ ข้า​จึงคิด​ว่า​คง​มีบางอย่าง​เกิด​ขึ้นกับ​เจ้า” รุ่ย​เซียง​กล่าว​อย่าง​เป็นกังวล​

อาจ​ด้วย​เพราะ​รุ่ย​เซียง​เป็น​สาวใช้​ใน​ตระกูล​ใหญ่​มามากกว่า​ 2 ปี​ ผิวพรรณ​ของ​รุ่ย​เซียง​จึงขาว​กระจ่าง​กว่า​สตรี​ใน​หมู่บ้าน​คนอื่น​ ๆ อยู่​มาก​

ยิ่งไปกว่านั้น​ นาง​ยังมี​โครงหน้า​งดงาม​ไม่น้อย​ แม้ว่า​ใน​ตอนนี้​นาง​จะสวมใส่​เสื้อผ้า​เนื้อ​หยาบ​ที่​เต็มไปด้วย​รอย​ปะ​เป็น​หย่อม ๆ​ แต่​มัน​ก็​ไม่อาจ​บดบัง​รัศมี​ความงาม​จาก​ร่างกาย​นาง​ได้​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​รุ่ย​เซียง​พร้อม​กล่าวตอบ​ “ข้า​ขอโทษ​ด้วย​ที่​ทำให้​เจ้ากังวล​ แต่​ข้า​ก็​ออก​มาจาก​ที่นั่น​ได้​แล้ว​”

จากนั้น​จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​อุทาน​อย่าง​ประหลาดใจ​ “เมื่อ​ครู่​เจ้าพูดว่า​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​งั้น​หรือ​? เจ้าหมายถึง​มีคน​จาก​สำนัก​ปกครอง​บุก​เข้า​ทำลาย​ซ่องโสเภณี​นั้น​หรือ​?”

“ซิ่ว​เอ๋อ​ อย่า​เพิ่ง​คุย​กัน​ตรงนี้​เลย​ ไป​ที่​แม่น้ำ​แล้ว​ค่อย​คุย​เถิด​” รุ่ย​เซียง​พา​จางซิ่ว​เอ๋อ​ไป​ที่​แม่น้ำ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​รู้สึก​ว่า​เป็นการ​ไม่เหมาะ​นัก​ที่​ทั้งสอง​จะยืน​พูดคุย​กัน​ข้าง​ถนน​เช่นนี้​ ดังนั้น​นาง​จึงเดินตาม​รุ่ย​เซียง​ไป​ที่​แม่น้ำ​

ยามเช้าตรู่​ น้ำ​ใน​แม่น้ำ​ยังคง​เย็น​อยู่​ อีก​ทั้ง​ริมตลิ่ง​ใน​ตอนนี้​ยัง​ไม่มีใคร​อยู่​ หาก​ใคร​สัก​คน​คิด​จะตัก​น้ำ​ พวกเขา​จะมาตัก​กัน​ใน​ตอนกลางคืน​ ส่วน​ใคร​ที่​ต้องการ​ซัก​เสื้อผ้า​นั้น​ก็​ยัง​ไม่อาจ​ทำได้​ เพราะ​ต้อง​รอ​ให้​ถึงเวลา​เที่ยง​เสีย​ก่อน​ เนื่องด้วย​ใน​ยาม​นี้​น้ำเย็น​เกินไป​

รุ่ย​เซียงลด​เสียง​ลง​พร้อม​กล่าว​ต่อ​ “เจ้าไม่รู้เรื่อง​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​หรือ​? ใน​เมื่อ​เจ้าไม่ได้​ถูก​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​พา​ออกมา​ แล้ว​เจ้าออกจาก​ที่นั่น​ได้​อย่างไร​?”

แน่นอน​ว่า​จางซิ่ว​เอ๋อ​ไม่อาจ​บอกกล่าว​เรื่องราว​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ได้​ นาง​ไตร่ตรอง​อยู่​ครู่​ก่อน​จะตอบ​ “ข้า​ค้นพบ​หนทาง​ที่จะ​หลบหนี​ด้วย​ตนเอง​น่ะ​”

“อ้อ​ ข้า​เพิ่ง​ถูก​ส่งตัว​กลับมา​เมื่อคืนนี้​ มีเจ้าพนักงาน​พา​พวกเรา​ไป​สอบสวน​ และ​พวกเขา​ก็​ไม่ยอมให้​เรา​กลับมา​จนกระทั่ง​เมื่อวาน​นี้​” รุ่ย​เซียง​เล่า​ต่อ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​รุ่ย​เซียง​พร้อม​กล่าว​ “เจ้าคง​ทรมาน​ไม่น้อย​”

รุ่ย​เซียง​ถอนหายใจ​ “มัน​จบ​แล้ว​ล่ะ​ อย่า​กล่าวถึง​มัน​อีก​เลย​”

เมื่อ​กล่าวถึง​เรื่อง​นี้​ รุ่ย​เซียง​ก็​มอง​จางซิ่ว​เอ๋อ​ “ซิ่ว​เอ๋อ​ ข้า​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​จาก​แม่ของ​ข้า​ เจ้าแต่งงาน​แล้ว​งั้น​หรือ​?”

จางซิ่ว​เอ๋อ​พยักหน้า​ “ใช่ ข้า​แต่งงาน​แล้ว​”

“เจ้าคง​ไม่ได้​เป็น​แม่ม่าย​จริง ๆ​ ใช่ไหม​?” รุ่ย​เซียง​ถามอีกครั้ง​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​รุ่ย​เซียง​และ​รู้สึก​ว่า​ไม่ใช่เรื่อง​สมควร​นัก​ที่​อีก​ฝ่าย​จะพูด​เรื่อง​นี้​ต่อหน้า​นาง​ แต่​นาง​ก็​คิด​ว่า​รุ่ย​เซียง​ไม่ได้​กลับมา​ที่​หมู่บ้าน​ชิงสือ​นาน​แล้ว​ จึงไม่รู้​ถึงสถานการณ์​ปัจจุบัน​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​

สิ่งที่​บอกเล่า​จาก​ปาก​ผู้อื่น​ ก็​ไม่แม่นยำ​เท่า​สิ่งที่​มาจาก​ปาก​ของ​เจ้าตัว​ ดังนั้น​นาง​จึงถามคำ​เหล่านี้​ออกมา​

หรือ​บางที​รุ่ย​เซียง​อาจจะ​เป็น​คน​เถรตรง​ก็ได้​

กล่าว​สั้น​ ๆ ก็​คือ​จางซิ่ว​เอ๋อ​เอง​ก็​ไม่ได้​ถูกตราหน้า​ว่า​เป็น​แม่ม่าย​ ดังนั้น​รุ่ย​เซียง​จึงถามออกมา​เช่นนี้​ ถึงอย่างไร​จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​ไม่รู้สึก​อึดอัด​ใด​ ๆ นาง​เพียง​รู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​เท่านั้น​ แต่​ถึงกระนั้น​ก็​ยัง​พยักหน้า​ยอมรับ​

การ​เป็น​ม่าย​มีอะไร​งั้น​หรือ​? นาง​ไม่ได้​ทำ​สิ่งใด​ผิด​! แล้ว​นาง​ก็​คิด​ว่าการ​เป็น​ม่าย​นั้น​ไม่ใช่เรื่อง​ผิด​อะไร​

รุ่ย​เซียง​มอง​จางซิ่ว​เอ๋อ​ด้วย​แววตา​เห็นอกเห็นใจ​ “ซิ่ว​เอ๋อ​ ข้า​ขอโทษ​ด้วย​ สิ่งที่​แม่บอกกล่าว​ข้า​ไม่คิด​เชื่อถือ​ ข้า​ไม่คาดคิด​มาก่อน​ว่า​เจ้าจะเป็น​… แม่ม่าย​ตั้งแต่​ยัง​เยาว์​”

รอยยิ้ม​จางปรากฏ​ที่​มุมปาก​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​ “ไม่เป็นไร​หรอก​”

“ซิ่ว​เอ๋อ​ เจ้าก็​ยัง​จิต​ใจดี​เช่นเคย​” รุ่ย​เซียง​ถอนหายใจ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​ถอนหายใจ​เล็กน้อย​เมื่อ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ น่าเสียดาย​ที่​ร่างกาย​ทั้งหมด​ยัง​คงเดิม​ แต่​วิญญาณ​ภายใน​เปลี่ยนไป​เป็น​คนละ​คน​

“รุ่ย​เซียง​ แล้ว​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​ค้นพบ​คน​เหล่านั้น​ได้​อย่างไร​หรือ​?” จางซิ่ว​เอ๋อ​รู้สึก​ว่า​มีเพียง​นาง​เท่านั้น​ที่​ถูก​พา​ออกมา​ แถมคน​จาก​สำนัก​ปกครอง​ก็​ไป​ที่นั่น​ นาง​จึงรู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​มีบางอย่าง​แปลก​ไป​

“ข้า​ก็​ไม่รู้​เช่นกัน​ ทันทีที่​พวกเรา​ตื่นขึ้น​มา ก็​พบ​ว่า​คน​จาก​สำนัก​ปกครอง​อยู่​ที่นี่​แล้ว​” รุ่ย​เซียง​ไม่ทราบ​ถึงความนัย​นี้​ นาง​จึงไม่ได้​บอก​จางซิ่ว​เอ๋อ​ว่า​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​พัง​ประตู​เข้าไป​โดย​ไม่มีปี่มีขลุ่ย

จางซิ่ว​เอ๋อ​รู้สึก​ว่า​เรื่องราว​ทั้งหมด​มัน​ไม่ควร​ง่ายดาย​เช่นนั้น​ แต่​จะเป็นเรื่อง​ไหน​ที่​ไม่ธรรมดา​นั้น​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​ยัง​สับสน​

ไม่สิ จางซิ่ว​เอ๋อ​อาจจะ​มีคำตอบ​อยู่​ใน​ใจแล้ว​ เพียงแต่​นาง​ยัง​ไม่ยอมรับ​เท่านั้น​

“รุ่ย​เซียง​ ไม่ว่า​จะเกิด​อะไร​ขึ้น​ มัน​ก็​โชค​ดีแล้ว​ที่​พวกเรา​ทุกคน​กลับมา​ได้​” จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​รุ่ย​เซียง​และ​เอ่ย​ปลอบโยน​ รุ่ย​เซียง​นั้น​แตกต่าง​จาก​นาง​ แม้ว่า​นาง​จะถูก​จับกุม​ แต่​นาง​ก็​รอดพ้น​จาก​อันตราย​มาได้​ ทว่า​รุ่ย​เซียง​นั้น​ไม่ได้​โชคดี​เหมือน​นาง​…

แถมรุ่ย​เซียง​ยัง​เป็น​สตรี​ใน​ยุค​โบราณ​ เรื่อง​ทั้งหมด​นี้​ย่อม​เป็น​บาดแผล​อยู่​ใน​ใจของ​นาง​อย่าง​แน่นอน​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​ได้​นอกจาก​พยายาม​ปลอบใจ​รุ่ย​เซียง​ให้​มาก​ที่สุด​

รุ่ย​เซียง​พยักหน้า​รับ​ “ถูกต้อง​ ได้​กลับมา​ก็​ดีแล้ว​ อ้อ​ ซิ่ว​เอ๋อ​ เจ้าอาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ผีสิง​หลัง​นั้น​จริง ๆ​ หรือ​?”

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset