ตอนที่ 318 กังวล
ในขณะนี้แม่เล้าเจิ้งกำลังเจ็บปวดจนทั้งร่างกายสั่นกระตุกแต่นางก็ไม่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมา
หลังจากที่เนี่ยหย่วนเฉียวทำเช่นนั้น เขาก็หันหลังกลับพร้อมผละออกจากพื้นที่แห่งนี้ไปพร้อมกับเถี่ยเสวียนอย่างรวดเร็ว
ส่วนเหล่าสตรีที่ถูกขังอยู่ด้านในแม้จะได้ยินเสียงจากด้านนอก พวกนางก็ไม่กล้าที่จะออกมาดู
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนีไปได้ แม่เล้าเจิ้งจึงต้องตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
เคยมีคนคิดอยากลองดี กระทั่งสุมไฟเอาไว้ แต่ไม่ว่าผู้ใดที่คิดหลบหนี สุดท้ายแล้วมักมีจุดจบที่ไม่งดงาม
คนเหล่านี้ถูกมัดรวมกันเอาไว้ ไม่มีใครกล้าออกไปจากกรงที่ถูกกักขัง
ยังไม่ทันรุ่งสาง คนจากสำนักปกครองก็มาถึง ตอนนั้นเองที่พวกเขามั่นใจว่าตนเองรอดพ้นแล้วจริง ๆ
เพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้หลบหนี เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนจึงเฝ้าอยู่ด้านนอก
เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่นำตัวคนเหล่านั้นออกไป เถี่ยเสวียนจึงหันมากล่าวว่า “เจ้านาย พวกเรากลับกันได้หรือยังขอรับ?”
แววตาของเนี่ยหย่วนเฉียวเผยความเย็นชาออกมา “มีอีกคนหนึ่งที่ต้องได้รับบทเรียน”
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่คิดจะมอบคนที่ลักพาตัวจางซิ่วเอ๋อให้กับคนของสำนักปกครอง หากมันถูกส่งตัวให้กับสำนักปกครอง จางซิ่วเอ๋อจะต้องถูกพบเจอแน่นอน
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ต้องการให้คนที่ทำลายชีวิตสงบสุขของจางซิ่วเอ๋อหลุดลอยไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เถี่ยเสวียนก็นึกถึงชายวัยกลางคนที่แขนหักไปเมื่อก่อนหน้า นี่เจ้านายของตนยังไม่ได้ให้บทเรียนกับคนผู้นั้นอีกหรือ?
เขาคิดไปว่านั่นคือบทเรียนเสียอีก
จางซิ่วเอ๋อหลับไหลไปอย่างยาวนาน เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าเวลาผ่านไปกว่าสามวันแล้ว
ทันทีที่ลืมตาขึ้น นางก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ข้าง ๆ
จางซิ่วเอ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกะพริบตาถี่เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ตอนนั้นเองนางจึงจดจำได้ว่าคนตรงหน้าคือท่านหมอเมิ่ง
มือของท่านหมอเมิ่งแตะอยู่บนหน้าผากของนาง เมื่อเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อตื่นแล้ว เขาก็ไม่ได้ดึงมือกลับแต่อย่างใด เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง?”
จางซิ่วเอ๋อขยับตัวพร้อมกล่าวเสียงเบา “ยังปวดตัวอยู่บ้างเจ้าค่ะ”
“เจ้าคงหวาดกลัวจนเป็นไข้ ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ หากกินให้ตรงเวลา สักพักก็คงหายดี” ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋อพร้อมกล่าวเบา ๆ ก่อนจะชักมือกลับไป
จางซิ่วเอ๋อเอื้อมมือไปแตะหน้าผากตนเอง ตอนนี้เองนางจึงตระหนักได้ว่าตนเองมีไข้
“ท่านอาเมิ่ง เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?” จางซิ่วเอ๋อไม่ได้คาดหวังว่าท่านหมอเมิ่งจะอยู่ที่นี่
ท่านหมอเมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้ามาที่หมู่บ้านของเจ้าก็เพื่อรักษาผู้คน บังเอิญข้าได้พบกับชุนเถา นางบอกว่าเจ้าป่วย ข้าจึงมาดูอาการ”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มอย่างประหม่า “ข้าขออภัยด้วยที่รบกวนท่าน”
“ไม่ได้ลำบากอะไรเลย แต่เจ้าหวาดกลัวสิ่งใดกัน ในเมื่อเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนั้น?” ท่านหมอเมิ่งถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะบอกว่านางถูกลักพาตัวไปขายในซ่อง ทุกสิ่งควรเป็นความลับ แม้ว่านางจะไว้ใจท่านหมอเมิ่ง แต่เรื่องทั้งหมดก็จบลงแล้ว อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้ผู้อื่นรับรู้ เช่นนี้จางซิ่วเอ๋อจึงกล่าวตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันจบไปแล้วเจ้าค่ะ”
ดวงตาของท่านหมอเมิ่งฉายแววผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
เขาช่วยห่มผ้าให้จางซิ่วเอ๋อก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวตอบ “ข้าสบายดีเจ้าค่ะ”
หลังกล่าวจบ จางซิ่วเอ๋อก็พยายามลุกขึ้นนั่ง “ท่านอาเมิ่ง ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว เช่นนั้นอยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนเถิด”
“เจ้ากำลังป่วย ข้าจะไม่รบกวน รีบนอนลงเร็วเข้า” ท่านหมอเมิ่งกดจางซิ่วเอ๋อให้นอนลงอีกครั้ง
แม้ท่านหมอเมิ่งจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้กระทำรุนแรง ความกังวลในแววตาของเขาทำให้จางซิ่วเอ๋อไม่อาจต้านทานได้
จางซิ่วเอ๋อกล่าวเสียงค่อย “ท่านใจดีกับข้านัก”
ท่านหมอเมิ่งเอื้อมมือไปลูบผมยุ่งเหยิงของจางซิ่วเอ๋อพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้าเด็กน้อย”
ใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อแดงเรื่อ นางเหลือบมองท่านหมอเมิ่งเงียบ ๆ
ท่านหมอเมิ่งลุกขึ้นพร้อมกับหันหลังเดินออกไป
จางซิ่วเอ๋อไม่ทันสังเกตว่าท่านหมอเมิ่งดูมีท่าทางอึดอัดเล็กน้อย
ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในลานบ้าน พวกเขาเห็นว่าท่านหมอเมิ่งเดินออกมาจากบ้านของจางซิ่วเอ๋อ
ดวงตาของเนี่ยหย่วนเฉียวหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะมองท่านหมอเมิ่งและถามว่า “เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?”
คำถามนี้มีสิ่งต้องพึงระวัง ทว่าเนี่ยหยวนเฉี่ยวไม่ทันตระหนัก
ท่านหมอเมิ่งยิ้มอย่างสัตย์ซื่อ “ซิ่วเอ๋อมีไข้ ข้าจึงมาดูอาการ”
เนี่ยหย่วนเฉียวถึงกับตื่นตระหนก “นางมีไข้งั้นหรือ?”
ทันทีที่กล่าวจบ เนี่ยหย่วนเฉียวจึงขยับตัวคิดเดินเข้าบ้านจางซิ่วเอ๋ออย่างรวดเร็ว
เถี่ยเสวียนมองภาพตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาอยากถามเจ้านายเหลือเกินว่าเขาสามารถพูดตรง ๆ ได้หรือไม่? การวิ่งเข้าบ้านสตรีเช่นนี้มันเหมาะสมแล้วงั้นหรือ?
ท่านหมอเมิ่งขวางเนี่ยหย่วนเฉียวเอาไว้ไม่ให้เขาเข้าไปด้านใน
เนี่ยหย่วนเฉียวเงยหน้ามองท่านหมอเมิ่ง ทั้งสองจับจ้องกันอย่างไม่วางตา
ท่านหมอเมิ่งยังมีคงท่าทางสงบนิ่งและกล่าวเสียงเรียบ “นางต้องพักผ่อน”
เนี่ยหย่วนเฉียวพยักหน้าเมื่อได้ยินคำนั้น เขายอมปฏิบัติตามคำของท่านหมอเมิ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังพูดจบ เขาไม่คิดจะเดินต่อ จากนั้นจึงหันหลังและเดินออกไป
เถี่ยเสวียนที่อยู่ข้าง ๆ หันไปมองท่านหมอเมิ่งอยู่หลายรอบโดยไม่วางตา เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าท่านหมอเมิ่งในตอนนี้ถึงมีท่าทางแปลกไปกันนะ?
ริมฝีปากของเถี่ยเสวียนคล้ายจะขยับ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา
จางชุนเถาเดินออกมาจากครัวพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านอาเมิ่ง ท่านอยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนเถิด ตอนนี้พี่สาวข้าทำอาหารไม่ได้ แต่ข้าทำเสร็จแล้ว”
ท่านหมอเมิ่งลังเลอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
ในเวลานี้ เขาไม่คิดรอให้จางชุนเถายกอาหารออกมา เถี่ยเสวียนรีบรุดเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยเหลือทันที
มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเขาอดอาหารมานานแค่ไหน
เพื่อที่จะกลับมาที่นี่อย่างเร่งรีบ พวกเขาไม่ได้กินแม้กระทั่งมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน! และเมื่อคืนนี้เจ้านายก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย อีกทั้งยังไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย
มันเป็นหนึ่งคืนที่วุ่นวายยิ่ง และตอนนี้เขาหิวมาก
แม้เขาจะรู้สึกว่าฝีมือของจางชุนเถาแย่กว่าจางซิ่วเอ๋อเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องยอมรับเลยว่าอาหารของจางชุนเถาดีกว่าอาหารที่คนอื่นทำมากนัก
“ไอ้หยา! ช้าหน่อยเถิด เดี๋ยวน้ำแกงหก” เสียงของจางชุนเถาดังออกมาจากในครัว
เถี่ยเสวียนยกหม้อและสิ่งของต่าง ๆ ออกจากครัวมาอย่างเร่งรีบ “วางใจเถิด”
“เร็วเข้า ๆ วันนี้ชุนเถาทำน้ำแกงปลาด้วย แค่ดูก็อร่อยแล้ว!” เถี่ยเสวียนกล่าวอย่างตื่นเต้น
เนี่ยหย่วนเฉียวและท่านหมอเมิ่งนั่งลงได้ไม่นาน บัณฑิตจ้าวและลูกชายของเขาก็เข้ามาร่วมทานอาหารด้วย วันนี้จางชุนเถาทำอาหารเพียงสองจาน แต่มันก็ใหญ่เพียงพอสำหรับทุกคน
หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว ท่านหมอเมิ่งก็ไม่ได้รีบร้อนจะจากไป แต่เขาขอให้จางชุนเถานำอาหารไปส่งให้แม่โจวเสียก่อน ส่วนตัวเขาเองกำลังวางโถยาลงบนเตาขนาดเล็ก ทั้งหมดก็เพื่อปรุงยาให้จางซิ่วเอ๋อเป็นการส่วนตัว