บทที่ 313 รังหมาป่า
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าต้องกินให้อิ่มถึงจะมีแรงหนี
แต่เวลานี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่อยากกินอะไรที่ไม่รู้ที่มาที่ไป
ในที่แบบนี้ ใครจะรู้ล่ะว่าคนพวกนี้จะเอาอะไรให้พวกนางกินบ้าง?
โดยเฉพาะเพื่อให้ได้ค้าประเวณีต่อไป มันมีวิธีมากมายเลยล่ะที่ป้องกันไม่ให้สตรีเหล่านี้ตั้งครรภ์! ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะไม่เคยเผชิญเรื่องแบบนี้ แต่นางก็เคยเห็นอะไรมามาก รู้ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อย่ากินของพวกนี้ดีกว่า
แน่นอนว่าเป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อไม่รู้สึกหิวด้วย ถ้าหิวจนหมดแรงจริง ๆ นางคงไม่คิดอะไรมากมายแบบนี้
จางซิ่วเอ๋อนั่งดูสตรีพวกนั้นเข้าไปรับถ้วยมาทีละคนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะตักข้าวเต็มถ้วยและส่งเข้าปากตัวเอง
เห็นชัดว่าแม่เล้าเจิ้งคนนี้เลี้ยงสตรีเหล่านี้เหมือนหมู จุดประสงค์ก็เพื่อให้พวกนางขาวขึ้นอวบขึ้น ฟังจากที่ผู้ดูแลเจิ้งพูด สตรีลักษณะแบบนี้เรียกลูกค้าได้ง่ายกว่า
หลังจากทุกคนกินกันเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็หิ้วถังและถ้วยออกไป
แม่เล้าเจิ้งโยนชุดผ้าโปร่งอันเบาบางให้จางซิ่วเอ๋ออีกชุด
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกต่อต้านกับชุดผ้าโปร่งแบบนี้มาก “ข้าไม่ใส่”
“ถ้าเจ้าไม่ใส่ ข้าก็มีวิธีทำให้เจ้าต้องใส่” แม่เล้าเจิ้งพูดพลางยิ้มบาง
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รู้ว่าต่อให้ตนไม่ใส่ สุดท้ายก็ต้องใส่อยู่ดี และอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานอีกด้วย
นางจึงได้แต่รับชุดนั้นมา
แม่เล้าเจิ้งกล่าวเสียงเย็น “เปลี่ยนสิ”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบซ้ายแลขวา ภายในห้องล้วนมีแต่ผู้คน แต่โชคดีที่คนในห้องนี้ล้วนเป็นสตรี และไม่มีใครมองมาทางตนเลย
จางซิ่วเอ๋อถอดชุดตัวนอกของตนออก รุ่ยเซียงเหมือนมองออกว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังรู้สึกอับอาย จึงช่วยกางชุดตัวนอกไว้เพื่อบดบังสายตาของทุกคน
แม่เล้าเจิ้งแค่นเสียงเย็น “ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะไว้ตัวแบบนี้ได้ถึงเมื่อใด?”
จางซิ่วเอ๋อเงียบไป ถ้าต้องอยู่ในที่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ หลังจากนี้คงไม่อาจไว้ตัวเช่นนี้ได้ตลอดจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อสวมชุดผ้าโปร่งเสร็จแล้วก็ปลอบใจตัวเอง ตอนอยู่ยุคปัจจุบันนางเคยใส่พวกเสื้อตัวสั้นกางเกงขาสั้นมาหมดแล้ว ชุดผ้าโปร่งตัวนี้ถ้าเป็นสมัยปัจจุบันก็เป็นเพียงเสื้อผ้าที่โป๊ไปหน่อยเท่านั้น
แม้ว่าคนทั่วไปไม่ใส่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนใส่
หลังจากปลอบใจตัวเองแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็กระชับชุดผ้าโปร่งสีม่วงนั้นแนบกับตัวเล็กน้อย และนั่งลงโดยโอบแขนตัวเองไว้
แม่เล้าเจิ้งขู่สตรีพวกนั้นเสียงดุอีกครั้ง “พวกเจ้าจงเข้านอนเสีย! ถ้าข้าพบว่ามีใครไม่ยอมนอน ข้าจะจัดการพวกเจ้า!”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็ถอนหายใจ นางเดาถูกจริง ๆ แม่เล้าเจิ้งเลี้ยงคนพวกนี้ให้เป็นหมูจริง ๆ ด้วย
จางซิ่วเอ๋อหลับตาลงพลางคิดในใจ นางอยู่ที่ไหนกันนะ ไม่รู้ว่าชุนเถารู้ตัวหรือยังว่านางยังไม่กลับ ไม่รู้ว่ามีคนรู้ไหมว่านางหายตัวไป หรือจะมีคนออกตามหานางไหม
ในเมื่อดึกขนาดนี้แล้วจางซิ่วเอ๋อยังไม่กลับ ก็ไม่มีทางที่จางชุนเถาจะไม่รู้ตัว!
จางชุนเถายืนอยู่ตรงปากทางเข้าป่าผีสิงและชะเง้อมองไปด้านนอก รู้สึกกระวนกระวายอย่างสุดแสน ทำไมพี่สาวนางถึงยังไม่กลับมาอีกนะ ตอนที่พี่สาวออกไปก็บอกไว้แล้วว่าขากลับจะเอาของกินมาฝาก
แน่นอนว่าจางชุนเถาไม่ได้นึกถึงเพียงของกินหรอก นางกำลังนึกถึงจางซิ่วเอ๋อ รู้ว่าในเมื่อจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้แล้วก็ไม่มีทางไปแล้วไปลับไม่กลับมา ต่อให้มืดแล้วจางซิ่วเอ๋อกลับมาไม่ทันขึ้นรถลากของตาเฒ่าหลี่ นางก็ต้องหาทางจ้างรถลากกลับมาอยู่ดี
อีกคนที่ร้อนใจไม่แพ้จางชุนเถาก็คิอเนี่ยหย่วนเฉียว
ทีแรกเนี่ยหย่วนเฉียวยังพอทำตัวนิ่งไหว รู้สึกเพียงว่าจางซิ่วเอ๋อแค่กลับมาช้าไปนิดหน่อย
แต่ครั้นรอจนฟ้ามืดสนิทแล้วจางซิ่วเอ๋อก็ยังไม่กลับ และไม่มีใครมาส่งข่าว เนี่ยหย่วนเฉียวก็อดร้อนใจไม่ได้
ต่อให้นางอยู่กับคุณชายฉิน แต่ด้วยความห่วงใยที่จางซิ่วเอ๋อมีให้น้องสาวตัวเอง นางก็ต้องส่งคนมาส่งข่าวบ้าง
ทว่าจดบัดนี้แล้วก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไร
เนี่ยหย่วนเฉียวเดินมาอยู่ด้านหลังจางชุนเถา มองจางชุนเถาและกล่าวขึ้น “เจ้ากลับไปเถอะ เด็กผู้หญิงคนเดียวไม่อยู่บ้านในยามกลางคืนกลางค่ำมันอันตราย”
“แต่ว่าพี่…” จางชุนเถาร้อนใจจนตาแดง
ไม่ทันได้พูดจนจบ นางก็ได้ยินเสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวที่เอื้อนเอ่ยอย่างหนักแน่น “ข้าจะไปตามหานางเอง”
ไม่รอให้จางชุนเถามีปฏิกิริยาอะไร เนี่ยหย่วนเฉียวก็ออกไปอย่างเร่งรีบ เนื่องจากเขาผ่านไปทางหมู่บ้านไม่ได้ จึงต้องอ้อมไปทางป่า
เถี่ยเสวียนตามหลังเนี่ยหย่วนเฉียวพร้อมหายใจหอบ “เจ้านาย รอข้าด้วย”
เขาว่าแล้ว! ว่าแล้ว! แม้เจ้านายจะไม่พูดอะไรกับเขา แต่เขาก็เดาได้ว่าเจ้านายต้องออกมาตามหาจางซิ่วเอ๋อแน่นอน
นี่อย่างไรล่ะ สิ่งที่เขาคาดเดาได้กลายเป็นความจริงแล้ว
เนี่ยหย่วนเฉียวเดินทางมาถึงนอกหมู่บ้านและเดินเข้าเมืองอย่างเร่งรีบตามทางกลับหมู่บ้านชิงสือ หากเป็นแบบนี้ก็จะไม่คลาดกันกับจางซิ่วเอ๋อที่เดินทางกลับ
แต่มาถึงเมืองแล้ว เนี่ยหย่วนเฉียวก็ยังไม่พบร่องรอยของจางซิ่วเอ๋อ
เนี่ยหย่วนเฉียวจึงไปยังเรือนหลังน้อยของตระกูลฉินอย่างรู้ทาง
ใช่แล้ว เนี่ยหย่วนเฉียวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของเมืองนี้มาก เขาไม่ต้องการใครอื่นก็รู้ได้ว่าเรือนหลังน้อยของตระกูลฉินอยู่ที่ไหน
ส่วนเถี่ยเสวียน เวลานี้โดนเนี่ยหย่วนเฉียวส่งไปสืบข่าวที่อิ๋งเค่อจวีแล้ว
หลังจากเนี่ยหย่วนเฉียวมาถึงเรือนหลังน้อยของตระกูลฉิน เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติของเรือนตระกูลฉิน ที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกร้างไม่มีผู้ใดอยู่
ดีที่สุดท้ายเนี่ยหย่วนเฉียวก็เจอตวนอู่
ตวนอู่มองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยความอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะถามเสียงแห้ง “คุณ…คุณชายเนี่ย ไม่ทราบว่าทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ขอรับ ถ้าท่านมาหาคุณชายของข้าต้องขออภัยด้วยขอรับ คุณชายของข้าออกจากเมืองชิงสือไปแล้ว”
“คุณชายของเจ้าออกไปตอนไหน?” เนี่ยหย่วนเฉียวถามเสียงเข้ม
เนี่ยหย่วนเฉียวกังวลว่าตอนคุณชายฉินออกไปนั้นได้พาจางซิ่วเอ๋อไปด้วย
ถึงแม้เขาไม่มีสิทธิ์แทรกแซงว่าจางซิ่วเอ๋อไปกับใคร แต่เขาก็ต้องทำให้ตัวเองแน่ใจว่าเรื่องนี้มาจากเจตนารมณ์ของตัวจางซิ่วเอ๋อเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นตัวพิสูจน์ว่าต่อให้คุณชายฉินพาตัวจางซิ่วเอ๋อไป ก็ไม่ใช่ความตั้งใจของจางซิ่วเอ๋อเอง จางซิ่วเอ๋อจะไม่ทิ้งข่าวคราวอะไรให้น้องสาวตัวเองได้อย่างไร?
ตวนอู่ปริปาก “หลายวันแล้วขอรับ”
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ฟังก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที “หลายวันแล้ว?”
ตวนอู่มองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างระแวง “ท่านถามเรื่องนี้ทำไมหรือขอรับ? คุณชายข้าจะไปที่ไหน ไปเมื่อใด ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับท่านนะขอรับ”
เนี่ยหย่วนเฉียวหน้าเสียเล็กน้อย “จางซิ่วเอ๋อได้มาที่นี่ไหม?”
ตวนอู่เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวถามถึงจางซิ่วเอ๋อก็มีสีหน้าดีขึ้น ไม่ได้มาเพราะคุณชายตัวเองหรอกหรือ เขาเอ่ยขึ้น “มาขอรับ”
“นางอยู่ที่ไหนล่ะ?” เนี่ยหย่วนเฉียวถามอีก
ตวนอู่ตอบ “ไปแล้วขอรับ ไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด บอกว่าจะกลับบ้าน แต่ที่ท่านออกมาตามหาจางซิ่วเอ๋อดึกดื่นป่านนี้คงไม่ใช่เพราะจางซิ่วเอ๋อหายตัวไป ท่านจึงคิดว่านางแอบมาพบกับคุณชายของข้านะขอรับ?”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “พูดมาก!”