บทที่ 305 ถูกจ้องมอง
จางซิ่วเอ๋อไหนเลยจะเข้าใจความคิดของเนี่ยหยวนเฉียว
นางมุ่นคิ้วนิด ๆ มองเนี่ยหยวนเฉียวแล้วพูด “ข้ารู้ว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกข้าหรอก!”
พูดจบจางซิ่วเอ๋อก็เดินกลับห้องตนเองไป แสดงออกว่าตนจะไม่สนใจเนี่ยหยวนเฉียวแล้ว
เนี่ยหยวนเฉียวยืนอยู่ที่เดิม มองต่างหน้าของจางซิ่วเอ๋อ มองสักพักเขาก็กลับห้องไปคัดอักษร
ที่จริงเขายังไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อยว่าเหตุใดตัวเองพูดว่าจางซิ่วเอ๋อดูไม่แย่นั้นเหมือนจะทำให้จางซิ่วเอ๋อโกรธกันนะ
แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่ได้พูดออกมาว่านางโกรธตนเอง แต่เนี่ยหยวนเฉียวก็สัมผัสได้ว่าจางซิ่วเอ๋อนั้นไม่พอใจแล้ว
ส่วนจางซิ่วเอ๋อ ตอนนี้นางก็รู้สึกว่าตัวเองประหลาดเช่นกัน
เนี่ยหยวนเฉียวแม้ว่าจะพูดจาไม่น่าฟัง แต่เขาก็พูดตามความจริง ตอนนี้หน้าตาของนางก็คงได้แค่บรรยายออกมาว่าไม่แย่ได้เพียงแค่คำเดียว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกับแค่เรื่องเล็กน้อยนางกลับรู้สึกไม่พอใจกัน?
จางซิ่วเอ๋อนึกไปถึงตอนที่ตนทำท่าทางไม่ปกติตอนอยู่ต่อหน้าเนี่ยหยวนเฉียวนางก็ตื่นตัวขึ้นมา
ว่าแล้วนางก็กล่าวเตือนตัวเองว่าต่อจากนี้ต้องรักษาระยะห่างกับเนี่ยหยวนเฉียว นางไม่ใช่คนในโลกนี้ ขอเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขไปวัน ๆ ก็พอ หลังจากนั้นก็หาคนซื่อ ๆ มาแต่งงานด้วย
แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋ออยากได้คนซื่อ ๆ แต่ไม่ใช่คนซื่อแบบจางต้าหูนั้นแน่! ต่อให้ซื่อก็ต้องซื่อแบบมีขีดจำกัดบ้าง!
เช้าตรู่ในวันถัดมา
จางซิ่วเอ๋อตื่นขึ้นมาแต่เช้า
“ชุนเถาตอนเที่ยงเอาข้าวไปให้ท่านแม่ด้วยนะ ไม่ต้องทำของดีนัก ข้ากลัวว่าเจ้าจะขัดขวางย่ากับอาเราไม่ไหว” เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็พูดเตือน
จางชุนเถาพยักหน้า “งั้นตอนเที่ยงข้าจะต้มโจ๊ก แล้วก็แอบใส่ไข่สองฟอง”
ไข่ไก่นั่นค่อนข้างซ่อนง่าย
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าแล้วพูด “ดี ตอนเที่ยงข้าก็คงจะไม่กลับมาทานข้าวแล้ว ไม่ต้องเหลือส่วนของข้า รอให้ข้ากลับมาแล้วข้าจะนำย่างไก่กลับมาให้พวกเจ้าทาน”
เถี่ยเสวียนได้ยินก็พูดด้วยใบหน้าผิดหวังว่า “ท่านจะไปไหน? ข้าวเที่ยงข้าวเย็นไม่ทำหรือ?”
เถี่ยเสวียนคิดในใจว่าแม้ตอนนี้เขาจะทานของดี แต่สิ่งของดี ๆ กับกับข้าวที่จางซิ่วเอ๋อทำก็ยังห่างชั้นกันอยู่เล็กน้อย เขาก็ยังคงชอบกับข้าวที่จางซิ่วเอ๋อทำอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไรกับไก่ย่างที่จางซิ่วเอ๋อจะนำกลับมา
จางชุนเถาตอบแทนจางซิ่วเอ๋อว่า “พี่สาวข้าจะไปหาคุณชายฉิน”
พอจางชุนเถาเอ่ยออกมาแบบนั้นก็พลันทำให้ทุกคนเงียบสนิท
เนี่ยหยวนเฉียวมองกลับไปมา นัยน์ตานิ่งสงบ ความหมายของเขาคือเถี่ยเสวียนไม่ต้องกังวลใจ เขาจัดการได้
เนี่ยหยวนเฉียวเปิดปากถามว่า “แม่นางซิ่วเอ๋อ คุณชายฉินผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา…เจ้า…”
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดว่าอะไร ข้าวางแผนไว้แล้ว” จางซิ่วเอ๋อตัดบทเนี่ยหยวนเฉียว
ภายในแววตาเนี่ยหยวนเฉียวพลันร้อนรนขึ้นมาทันที จางซิ่วเอ๋อบอกว่าตนเองไม่ใช่คนในอุดมคติ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะชอบคุณชายฉิน?
คุณชายฉินผู้นี้ก็ไม่ค่อยชอบปรากฏตัวออกมาเสียด้วย กระทั่งเขายังเกือบจะลืมหน้าคนผู้นี้ไปแล้วเลย
แต่เขาไม่ยอมรับไม่ได้ว่า คุณชายฉินผู้นี้เป็นคนที่ดึงดูดได้ทั้งบุรุษและสตรีจริง ๆ
เนี่ยหยวนเฉียวขยับปากค้าง ๆ หุบ ๆ เขาอยากจะถามเรื่องระหว่างจางซิ่วเอ๋อและคุณชายฉิน แต่คำพูดก็ได้แต่ค้างติ่งอยู่ที่ริมฝีปาก เนี่ยหยวนเฉียวถอนหายใจแล้วกลับเข้าห้องไป
ไม่ได้ ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ถามเรื่องนี้ไม่ได้
เหมือนคำกล่าวที่ว่ากินน้ำร่องน้ำ เรียนรู้อุปสรรค* หลังจากประสบการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ เนี่ยหยวนเฉียวไม่กล้าถามจางซิ่วเอ๋อว่าคนที่นางสนใจนั้นเป็นใครอีกแล้ว
*หมายถึงการเจออุปสรรคหรือความยากลำบากก็เหมือนได้เรียนรู้
นั่นยิ่งถามไม่ได้ เนี่ยหยวนเฉียวทำได้เพียงเก็บซ่อนไว้ในใจตัวเอง
หลังจากทานข้าวเสร็จจางซิ่วเอ๋อก็เก็บสัมภาระ และนำเครื่องปรุงไปด้วยบางส่วน ก่อนจะเดินจากบ้านมา
เหลือไว้เพียงเนี่ยหยวนเฉียวที่นั่งเหม่ออยู่ภายในห้อง
เถี่ยเสวียนเห็นเนี่ยหยวนเฉียวเป็นแบบนี้ก็รู้แล้ว เจ้านายของตนภายนอกดูนิ่งเฉย และแข็งกระด้าง! แต่เขามองออกว่าแท้จริงภายในใจเขากำลังกังวลอยู่
เพียงแต่ความกังวลนั้นถูกเนี่ยหยวนเฉียวปิดบังได้ไม่เลวเลย
“เจ้านาย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?” เถี่ยเสวียนแม้ว่าจะพอเดาออกแล้ว แต่เขาก็ยังคงถามอีกฝ่าย
เนี่ยหยวนเฉียวถอนหายใจเบาๆ
เถี่ยเสวียนไม่เคยเห็นเจ้านายของตนเองมีท่าทางอับจนหนทางเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนเขาล้มป่วยก็ไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทีแบบนี้เลย
เนี่ยหยวนเฉียวมองออกไปไกล “ข้าเพียงกังวล ถ้านางชอบหมอเมิ่งผู้นั้นก็คงดี แต่ถ้าคนที่นางพึงใจเป็นฉินจ้าวมันจะดีจริงหรือ?”
เถี่ยเสวียนได้ยินก็หรี่ตา เขาลองพูดหยั่งเชิงว่า “ข้าคิดว่าฉินจ้าวก็ไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน แม้ว่าเขาจะดูหลายใจไปหน่อยทั้งยังปฏิบัติอย่างหลุมเครือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนที่น่าชื่นชมผู้หนึ่ง”
“ตระกูลของฉินจ้าวจะต้องไม่ยินยอมให้นางแต่งเข้าเป็นภรรยาเอกแน่ ถ้านางเลือกฉินจ้าวจริง ต่อไปนางคงจะใช้ชีวิตลำบากเป็นแน่” เนี่ยหยวนเฉียววิเคราะห์
“นายท่าน ข้าว่าท่านกังวลเรื่องนี้เกินไปหรือไม่? ถ้าแม่นางจางซิ่วเอ๋อมีคนชอบพอจริง งั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบนางแล้วเช่นกัน สำหรับเรื่องนอกเหนือจากนี้ท่านก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งวุ่นวายใจเลยไม่ใช่หรือ?” เถี่ยเสวียนยิ้มถามอย่างมีเลศนัย
เนี่ยหยวนเฉียวถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูด “ข้าต้องรับผิดชอบนาง ดังนั้นข้าจึงทนไม่ได้หากชีวิตนางต้องลำบาก”
กล่าวถึงตรงนี้ เนี่ยหยวนเฉียวก็เปลี่ยนอารมณ์พูดด้วยน้ำเสียงต่ำลง “อีกอย่าง การที่ข้ายุ่งมากไปหรือไม่นั้นข้าไม่รู้หรอก แต่ข้ารู้แค่ว่าเจ้านั้นแหละที่ยุ่งเกินเรื่องของเจ้าแล้ว!”
เถี่ยเสวียนได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบจอกน้ำชาขึ้นมาจิบปิดบังท่าทางไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง
ไม่ผิด การที่เขาพูดแบบนั้นออกไป ทั้งหมดก็เพียงเพื่อหยั่งเชิงความคิดในใจของเจ้านายตัวเอง
คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้ล้วงข้อมูลลึกไปกว่านี้ก็โดนจับได้เสียก่อน
เขารู้ว่าเจ้านายของตนไร้ความรู้เรื่องเดาอารมณ์สตรีไปสักหน่อย แต่ทีเรื่องของบุรุษ…เขากลับฉลาดเป็นกรด
ตัวอย่างเช่นเขา เขาแค่เขาเผยพิรุจเล็กน้อยนายท่านของเขามองแวบเดียวก็มองออกแล้ว!
ตอนจางซิ่วเอ๋อมาถึงภายในหมู่บ้านใต้ไม้ใหญ่ รถลากของผู้เฒ่าหลี่ก็มีคนอยู่แล้วสองสามคน
นางให้เงินผู้เฒ่าหลี่ก่อนจะขึ้นมานั่งด้านบนรถ
ในตอนนี้เอง จางซิ่วเอ๋อไม่รู้เลยว่าจางเป่าเกินได้มองนางอยู่ก่อนแล้ว
เดิมทีเขาเพียงแค่รู้สึกอบอ้าว จึงออกมาเดินเล่น แต่กลับเห็นจางซิ่วเอ๋อกำลังจะเข้าไปในตัวเมือง
จางเป่าเกินหรี่ตาเล็กเรียว นัยน์ตาออกแววสงสัยขึ้นมาหลายส่วน
ดี นังจางซิ่วเอ๋อในเมื่อเจ้าขวางทางข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าเช่นกัน! ก่อนหน้านี้ยังไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้…ในเมื่อเจ้าจะออกไปจากหมู่บ้านแล้ว งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!
คิดได้เช่นนั้น จางเป่าเกินก็กลับไปเก็บของ แล้วย่องออกจากหมู่บ้าน
จางซิ่วเอ๋อไม่มีทางรู้ว่าการที่นางเผยตัวต่อหน้าตระกูลจางจะทำให้ถูกจับตามองเข้าให้แล้ว