บทที่ 1578 นกพิราบส่งสาร
…………….
บทที่ 1578 นกพิราบส่งสาร
อาโย่วยืนอยู่ข้างนอก และเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะร่าเริงของเจ้านายดังมาจากในห้องก็พลันตกตะลึง หากแต่ปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติอย่างเร็วรี่
อาจั่วและอาโม่ต่างเตือนตัวเองว่าหากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเกิดขึ้น จงอย่าแปลกใจกับรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เป็นนาย
ถ้อยคำของทั้งสองทำให้อาโย่วเกิดความอยากรู้ หญิงเช่นใดกันที่สามารถทำให้ทหารศึกผู้สำเร็จราชการปรากฏรอยยิ้มได้
หญิงผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก
อาโย่วเองก็ได้ยินเสียงร้องของนกพิราบเมื่อครู่นี้ได้ชัดเจน คาดเดาว่ามันต้องเป็นจดหมายที่คุณหนูส่งมาเป็นแน่ หากแต่เขาไม่รู้ว่ามีเนื้อความอย่างไรจึงทำให้เจ้านายหัวเราะเช่นนั้น
ครั้งต่อไป คงต้องถามอาจั่วอย่างระมัดระวังเสียแล้ว
บรรยายกาศในห้องเงียบสงบ ฉินเย่จืออ่านข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และหลังจากลูบจดหมายฉบับนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ม้วนกระดาษจดหมายเก็บอย่างไม่เต็มใจพลางเปิดลิ้นชักทางด้านขวา หยิบกล่องผ้าวิจิตรงดงามใบหนึ่งออกมา ก่อนจะหยิบหยกหรูอี้อันล้ำค่าที่อยู่ข้างในโยนลงบนโต๊ะราวกับสิ่งของไร้ค่า และใส่จดหมายฉบับนั้นลงไปอย่างตั้งใจ
“เจ้าแมวน้อย นี่คือจดหมายรักฉบับแรกที่เจ้าเขียนถึงข้า”
เมื่อหันมองซ้ายแลขวาแล้ว ฉินเย่จือจึงปิดกล่องผ้าอย่างไม่เต็มใจ หลังจากวางกล่องผ้ากลับเข้าที่เดิม ก็หยิบกุญแจดอกเล็กออกมาแล้วห้อยไว้ที่เอว ใช้มือแตะมันเป็นครั้งคราวเพราะกลัวว่ามันจะหลุดหายไป
ฉินเย่จือหลับตาลงพร้อมคลี่ยิ้มสุขใจ “เจ้าแมวน้อย ฝันดีนะ”
กู้เสี่ยวหวานพลิกตัวไปมานอนไม่หลับอยู่บนเตียงพลางคิดถึงสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายเมื่อได้รับจดหมาย ทันใดนั้นก็ราวกับเห็นชายหนุ่มผู้มีแววตาอ่อนโยนปรากฏอยู่ตรงหน้า
ยามที่เห็นจดหมายฉบับนี้ รู้สึกราวกับว่ามีกระแสน้ำอุ่นไหลพัดผ่านร่างกาย
ครั้นนึกถึงจดหมายที่หวงแหน ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็อิ่มอกอิ่มใจ เหม่อมองเพดานหลังคา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่เย่จือ ฝันดี”
หญิงสาวหลับตาลงไม่นานก็ผล็อยหลับพร้อมรอยยิ้มจางที่ประดับบนใบหน้า ราวกับอยู่ในห้วงความฝันแสนหวาน
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เสี่ยวหวานตื่นนอนตรงเวลา แม้จะยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เล็กน้อย หากแต่ก็ยังสงสัยว่าเมื่อคืนตนได้เขียนจดหมายถึงอีกฝ่ายหรือเปล่า แล้วเขาตอบกลับมาหรือไม่
กู้เสี่ยวหวานเดินวนรอบลานราวกับหนูติดจั่น สายตาเหลือบมองที่หน้าต่างเป็นระยะ ๆ ราวกับมองหาบางสิ่ง
“คุณหนู กำลังมองหาสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ?” การได้เห็นกู้เสี่ยวหวานตื่นแต่เช้าตรู่แบบนี้น่าแปลกใจนัก
ดูเหมือนเมื่อคืนนายท่านจะส่งจดหมายมาจริง ๆ มีเพียงนายท่านเท่านั้นที่หยั่งรู้ถึงความคิดของคุณหนูได้
อาจั่วคลี่ยิ้มมีความสุขในใจ แต่เมื่อเห็นคุณหนูเอาแต่จ้องมองหน้าต่างอย่างรอคอย ความไม่เข้าใจก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง คุณหนูกำลังมองหาสิ่งใดกันแน่?
“อ่า ไม่มีสิ่งใดหรอก ข้าก็แค่มองดูไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ข้าไม่เคยดูทิวทัศน์รอบข้างดี ๆ เสียที ขอข้ามองให้หนำใจหน่อยเถอะ” กู้เสี่ยวหวานถูกอาจั่วจับได้จึงแสร้งทำเป็นเงยหน้ามองท้องฟ้า มองนกมองไม้ ทำท่าทีเหมือนไม่เคยเห็นพืชและต้นไม้ในสวนแห่งนี้มาก่อน
อาจั่วปิดปากพยายามกลั้นหัวเราะ แม้ว่าอยากจะหัวเราะมากแค่ไหนก็ตาม ทันใดนั้นก็มีเสียงนกกระพือปีกดังขึ้น อาจั่วเงยหน้าขึ้นก็เห็นนกพิราบตัวสีขาวบินตรงเข้าไปมาในลาน
“เอ๋? นั่นอะไรน่ะ” อาจั่วจ้องมองนกตัวนั้นอย่างใคร่สงสัย พลางมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วถามอย่างตั้งใจ
จากนั้นก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณหนูที่เมื่อครู่ยังเหม่อลอย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน “อาจั่ว จับมันมาให้ข้าเร็วเข้า”
เมื่อคืนปีกของมันดำขลับ หากแต่กลางวันกลับเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แผงรอบคอเป็นสีดำ
นกพิราบขาวบินลงมาเกาะบนโต๊ะหิน อาจั่วรุดขึ้นหน้าและจับมันเบา ๆ พลางพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น “คุณหนู มีบางอย่างอยู่ที่ขาของนกพิราบตัวนี้”
กู้เสี่ยวหวานรีบก้าวไปข้างหน้า “เอามาให้ข้า เอามาให้ข้า”
อาจั่วกลั้นยิ้ม ปลดม้วนกระดาษให้กู้เสี่ยวหวานอย่างฉับไว จากนั้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานถือมันเข้าไปในห้องอย่างมีความสุขเหมือนผีเสื้อท่ามกลางดอกไม้ และปิดประตูลง
อาจั่วไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป และหลุดหัวเราะออกมา
นกพิราบขาวในมือของนางผงกศีรษะเบา ๆ “เจ้าพิราบน้อย เจ้าคือความร่าเริงของคุณหนูจริง ๆ พอเจ้ามาถึง คุณหนูของข้าก็มีความสุขขึ้นมาทันทีเลย”
นกพิราบขาวดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของอาจั่ว
อาจั่วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเจ้านกพิราบขาว จากนั้นหยิบขนมบนโต๊ะมาบิออกแล้ววางตรงหน้ามันเพื่อเป็นรางวัล
หลังจากที่นกพิราบขาวส่งเสียงเรียกอาจั่ว มันก็ก้มหัวลงจิกขนมที่แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ บนโต๊ะอย่างมีความสุข
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกลับเข้ามาในห้อง นางค่อย ๆ เปิดม้วนกระดาษอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นข้อความในจดหมาย แก้มนวลเปล่งปลั่งพลันขึ้นสีแดงอมชมพู มีเสน่ห์ราวกับดอกกุหลาบที่กำลังผลิบาน
เมื่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็รู้สึกว่าอ่านอย่างไรก็รู้สึกว่ามันไม่พอ พออ่านจบก็แนบจดหมายลงตรงตำแหน่งหัวใจอย่างอิ่มเอมใจ หัวใจเต้นแรงราวกับกลองรัว
รอยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ที่ชูช่อเบิกบาน
นางจะยังไม่ตอบจดหมายตอนนี้ ขณะนี้ฉินเย่จือคงจะปฏิบัติหน้าที่ในราชสำนัก นอกจากนี้ หากนกพิราบสื่อสารดังกล่าวบินเข้าไปในอาณาเขตนั้น อาจจะถูกใครบางคนสังหารเข้าโดยไม่ตั้งใจ หลังจากเก็บจดหมายฉบับที่สองอย่างระมัดระวังและหวงแหนแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เตือนอาจั่วให้ดูแลนกพิราบขาวอย่างดี
นับตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองได้ส่งจดหมายหากันทุกวัน นกพิราบขาวและนกพิราบดำบินไปมาเพื่อแสดงความรักที่มีต่อกันของพวกเขา
กู้เสี่ยวหวานใช้ชีวิตราวกับทุกวันเต็มไปด้วยความรัก นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับจดหมายจากน้องชายทั้งสอง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน แต่คราวนี้เมื่อได้เห็นตัวอักษรที่คุ้นเคย ได้อ่านข้อความที่อัดแน่นด้วยความความรัก ก็นับว่าเป็นการปลอบใจนางแล้ว
แต่เป็นการปลอบใจที่ได้เห็นลายมืออันคุ้ยเคย ได้ยินคำหวาน คำบอกรัก และความเจ็บปวดจากความรักที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า เป็นวันเวลาอันสงบสุขและมีความสุข กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนอารมณ์อ่อนไหว นางพอใจมากกับชีวิตที่มั่นคงในโลกนี้
…………….