ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1548+1549 ใครใจร้ายที่สุด/ถกเถียง

บทที่ 1548 1549 ใครใจร้ายที่สุด/ถกเถียง

บทที่ 1548+1549 ใครใจร้ายที่สุด/ถกเถียง

…………….

บทที่ 1548 ใครใจร้ายที่สุด

“ท่านแม่ มีคนต้องการสร้างเรื่องในบ้านตระกูลซู ข้าจึงขอให้ท่านแม่หาตัวผู้กระทำผิดแล้วคืนความยุติธรรมให้กับเสี้ยนจู่อันผิง และต้องให้ความยุติธรรมกับสาวใช้คนนี้ด้วย” ซูจือเยว่ยังคงดื้อรั้น

ความแน่วแน่เช่นนี้ ภายใต้สายตาของใครบางคนก็กลายเป็นคำขู่ที่รุนแรง

ซูหมิ่นคิดในใจว่า กู้เสี่ยวหวาน! เจ้าก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นของข้า แต่เจ้ายังกล้าที่จะแย่งไปอีกหรือ?!

แววตาของซูหมิ่นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม นางจ้องมองมือของสาวใช้ที่กำลังดึงชายเสื้อของซูจือเยว่ไว้

มือคู่นั้นดำคล้ำ เมื่ออยู่บนชุดขาวนวลก็เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน มือคู่นั้นกำลังดึงชายเสื้อของซูจือเยว่ และมองซูจือเยว่ด้วยสายตาอ้อนวอน

สายตาคู่นั้น…

สายตาของซูหมิ่นนั้นดุร้ายราวกับงูพิษ นางมองสลับไปมาที่มือและใบหน้าของสาวใช้ผู้นั้นอย่างไม่พอใจ

ฮูหยินซูไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก ความเงียบภายในห้องโถงทำให้ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ นางได้ยินเพียงเสียงร้องไห้และเสียงร้องขอความช่วยเหลือราวกับคนเสียสติของสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวเหมย

“นายน้อย ช่วยข้าด้วย ช่วยท่านแม่กับน้องชายของข้าด้วย… ข้ายอมตายเพื่อไถ่โทษ ได้โปรดนายน้อย ได้โปรดช่วยพวกเขา…ช่วยพวกเขาด้วย” เลือดบนหน้าผากของเสี่ยวเหมยไหลลงมาอาบแก้ม มองดูแล้วน่ากลัวไม่น้อย

เรื่องนี้ดูเหมือนจะตกอยู่ในจุดที่ไม่มีที่มาที่ไป สาวรับใช้คนนี้บอกได้แค่ว่ามีคนที่มาหานาง และสั่งให้นางจัดการเสี้ยนจู่อันผิง นอกจากนั้นนางก็ไม่รู้อะไรเลย

กู้เสี่ยวหวานมองดูสาวใช้ผู้น่าสงสารคนนี้ และกำลังคิดกับคำพูดของนางว่าเชื่อถือได้ไหม

“เสี้ยนจู่อันผิงช่างโหดร้ายจริง ๆ!” ทันใดนั้นก็มีการเสียงเหน็บแนมดังขึ้นมาจากด้านบน กู้เสี่ยวหวานจึงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นซูเฉี่ยนเยว่ที่กำลังมองมาที่นางอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “เสี้ยนจู่อันผิงไม่ใช่ผู้ที่มาจากบ้านนอกหรอกหรือ เจ้าควรเป็นคนที่มีจิตใจดีอ่อนโยน ทำไมพอมาวันนี้เห็นสาวใช้คนนี้กำลังจะตายเพราะเจ้า เจ้าทำเพียงแต่ดูนางตาย เจ้าต้องการเอาชีวิตนางเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรือ”

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ สายตาของนางนั้นยากที่จะเข้าใจ

ใช่แล้ว

จริง ๆ แล้วคือใครกันแน่ที่ให้สาวใช้คนนี้ใส่ร้ายนาง

ตอนนี้สาวใช้คนนี้กำลังร้องไห้และร้องขอความเมตตาอยู่บนพื้น แม่และน้องชายของนางก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ชีวิตและความตายเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน คนผู้นั้นได้ทำสิ่งที่โหดร้ายเพื่อจัดการกับตนเองแล้ว นางยอมถอยออกมาแล้ว แต่คนผู้นั้นยังไม่ยอมปล่อยนางไป!

นางแค่อยากจะใช้ช่วงเวลานี้ให้ดี ๆ จากนั้นก็กลับไปที่เมืองหลิวเจียกับฉินเย่จือ แต่คนเหล่านี้กลับไม่ยอมปล่อยให้นางมีช่วงเวลาที่ดีเสียที

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานนั้นลึกล้ำราวกับบ่อน้ำลึก

ดวงตาที่ลึกล้ำราวกับบ่อน้ำลึกนั้น ทำให้ซูเฉี่ยนเยว่ไม่อยากจะมองอีก ในใจจึงเกิดความรู้สึกกลัวอยู่บ้าง

มือของนางที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อบีบเข้าหากันจนเล็บจิกลงบนเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย นางพยายามควบคุมตัวเองด้วยความเจ็บปวดภายนอก เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงความรู้สึกกลัวที่มีออกมาแม้แต่น้อย

ถึงแม้จะเป็นหญิงสาวที่มาจากบ้านนอก แต่นางก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น

“งั้นหรือ? ในเมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ้างสาวใช้คนนี้มา และหาคนบงการไม่ได้ ข้าก็ไม่ขอสืบสวนอีกต่อไป” มีรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากของกู้เสี่ยวหวาน สีหน้าที่นิ่งเรียบเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในเวลานี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“เสี้ยนจู่อันผิง ท่านไม่สืบสวนแล้วหรือ” ซูจือเยว่ถามด้วยความสงสัย และเมื่อฮูหยินซูได้ยินเช่นนั้น จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี้ยนจู่อันผิงช่างมีจิตใจดีจริง ๆ แต่ถึงแม้ว่าเสี้ยนจู่อันผิงจะไม่ต้องการสืบสวน แต่สาวชั้นต่ำต้อยที่พูดจามั่วซั่วคนนี้ ข้าคงไม่สามารถไว้ชีวิตนางได้ ใครก็ได้! ลากสาวใช้คนนี้ออกไปโบยสามสิบครั้ง แล้วไล่นางออกไปจากตระกลูซูเสีย!”

……

บทที่ 1549 ถกเถียง

คำพูดของฮูหยินซูฟังดูแล้วเหมือนจะมีเหตุผล ทว่า…

ถานอวี้ซูไม่ใช่คนที่ถูกหลอกได้ง่าย ไม่ว่าจะเอ่ยตรงไปตรงมาอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่าตัวเองทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอธิบายเรื่องสาวใช้ในจวนตระกูลซูให้ท่านพี่รู้ให้ได้ ถ้าต้องการจะอธิบายจริง ๆ เหตุใดคนเหล่านี้จึงมาเหน็บแนมตอนที่ท่านพี่กำลังถามถึงคนบงการ

“ฮูหยินซู แม่นางซูอายุก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าข้าจำไม่ผิดน่าจะอายุไล่เลี่ยกับข้า เอะอะอะไรก็เอาแต่พูดว่าจะทุบตีให้ตาย ก็ไม่รู้ว่าการลงโทษสาวใช้เช่นนี้ ถ้าเกิดคนอื่นรู้เข้า พวกเขาจะมองตระกลูซูอย่างไร หรือไม่ก็คงจะพูดว่าแม่นางในตระกูลซูมีใจโหดเหี้ยมอำมหิต หรือไม่ก็คงพูดว่าตระกูลซูนั้นไม่ได้รับการสั่งสอน” ถานอวี้ซูพูดอย่างเกลียดชัง

นางไม่ต้องการสนใจคนเหล่านี้อีกต่อไป พวกเขาฉีกหน้าท่านพี่ นางก็จะไม่ไหวหน้าพวกเขาอีกต่อไป

กว่าจะพาท่านพี่มาที่นี่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเกือบจะทำให้พี่สาวของนางเสียชื่อเสียง ในใจจึงเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

“จวิ้นจู่” ฮูหยินซูตกใจกับคำพูดของถานอวี้ซูจนพูดไม่ออก

“ถานอวี้ซู อย่าใช้ฐานะความเป็นฮู้กั๋วจวิ้นจู่ของเจ้าในทางที่ผิด ตระกูลซูเป็นตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ จะยอมให้เจ้าจัดการได้อย่างไร” ซูหมิ่นเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสมจึงรีบพูดปกป้องตระกูลซูและฮูหยินซูทันที

ถ้อยคำที่เอ่ยตำหนิออกมานั้นไม่แม้แต่จะเกรงใจกันเลยสักนิด

ประหนึ่งว่ากำลังคิดถึงตระกูลซู

แต่ถานอวี้ซูกลับไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ข้าไม่กล้าจัดการตระกลูซูหรอก หากจะจัดการเรื่องนี้ก็จัดการให้เหมาะสมหน่อยเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮาพอดี ไทเฮาชอบฟังเรื่องข้าเล่ายิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเล่าให้ไทเฮาฟังอย่างละเอียดเสียหน่อย”

ถานอวี้ซูพูดจบก็ดึงมือของกู้เสี่ยวหวานออกมาทันที ซูหมิ่นเห็นหน้าของฮูหยินซูซีดไปครู่หนึ่ง ในใจก็รู้ว่าถ้าหากถานอวี้ซูนำเรื่องไปบอกไทเฮา ใครจะรู้ว่านางจะใส่สีตีไข่อะไรอีก

งานเลี้ยงในวันนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะจบลงด้วยสถานการณ์เช่นนี้ พรุ่งนี้ในวังคงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แน่

ชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวาน พรุ่งนี้คงดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวง

เมื่อคิดตรงนี้ ใบหน้าของซูหมิ่นก็ยิ่งบูดบึ้งไม่น่ามอง นางมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา ความโดดเด่นและท่าทางที่ดูสง่างามเช่นนั้น ยิ่งทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็อิจฉา

นางกวาดสายตามองไปที่ผู้คนรอบ ๆ ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ซูจือเยว่ นางเห็นเขายืนตัวตรงราวกับต้นไผ่อยู่ตรงนั้น จ้องมองไปที่พื้นตรงหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์

อย่างที่ถานอวี้ซูว่าไว้ อย่างไรเสียก็คงไม่เป็นผลดีกับตระกลูซู ซูจือเยว่ไม่มีแม้แต่เสียงคัดค้าน

เมื่อนางกำลังจะละสายตา จู่ ๆ ซูจือเยว่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซูหมิ่นมองไปก็เห็นสายตามองของเขาที่มองกวาดไปทั่ว และไปหยุดมองที่ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน เขามองอยู่อย่างนั้นก่อนจะรีบหลบสายตาไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ซูจือเยว่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่มองไปที่กู้เสี่ยวหวานโดยตรงราวกับรู้สึกพอใจมาก ทันทีที่ก้มหน้าลง แก้มก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ อีกทั้งมีรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปาก

ราวกับว่าพอใจและชอบอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ทว่าความรู้สึกนั้นก็ปะปนอยู่ในความรู้สึกผิดและต้องการรับผิดชอบนั้น

รู้สึกผิดอะไร

รับผิดชอบอะไร

พอใจอะไร

ชอบอะไร

สายตาของซูหมิ่นไม่ขยับไปไหน เอาแต่จ้องมองซูจือเยว่ที่รู้สึกชอบและพอใจอยู่เช่นนั้น อีกทั้งยังมีสายตาที่แสดงถึงความรู้สึกผิดและอยากจะรับผิดชอบเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมาราวกับทะเลที่กำลังมีพายุโหมกระหน่ำ โกรธจนอยากจะทุบอีกฝ่ายให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แม้ว่าจะโหดร้ายทารุณ นางก็ต้องหาคนมาเป็นแพะรับบาป

ซูหมิ่นอดทนต่อแรงกระตุ้นของคนที่จะแย่งหัวใจคนของนางไป และกำลังจะละสายตาไปจากซูจื่อเยว่ เมื่อนางถอนสายตาออกไป มุมปากก็กระตุกยิ้มเย็นชาราวกับงูพิษ เสี้ยนจู่อันผิง… กู้เสี่ยวหวาน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน

กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ และรู้สึกถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงที่ส่งมา และแล้วก็เห็นสายตาของซูหมิ่นที่จ้องมองมาราวกับงูพิษ พร้อมที่จะทำร้ายนางได้ทุกเมื่อ

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วแน่น หากแต่ก็ไม่เห็นสายตาของซูจือเยว่ที่มองมา ในใจโกรธที่ซูหมิ่นเอาแต่มองนางเป็นศัตรู

“อวี้ซู พวกเราไปกันเถอะ” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดึงมือถานอวี้ซูและแสดงความเคารพกับฮูหยินซูแล้วจึงหันหลังเดินออกไป

“ช้าก่อน”

น้ำเสียงเรียบดังขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อสิ้นเสียงนั้นก็มีคนถือดาบเข้ามาขว้างไว้ด้านหน้าของกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู

“ฮูหยินซู นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของตระกูลซูหรือ” ถานอวี๋หันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

จากนั้นจึงเห็นซูหมิ่นก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว พูดกับถานอวี้ซูว่า “นี่คือคนของข้า ไม่เกี่ยวกับตระกลูซู”

“หมิงตูจวิ้นจู่ ไม่ใช่ว่าที่นี่คือตระกลูซูหรอกหรือ แขกที่ทำเกินหน้าเกินตาเจ้าบ้านเช่นนี้มันดีแล้วจริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าวันหนึ่งเจ้าจะได้เป็นนายหญิงของตระกูลซู ดังนั้นจึงเริ่มใช้สิทธิ์ในบ้านตระกลูซูไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยงั้นสิ?” ถานอวี้ซูเหน็บแนมและถามกลับอย่างประชดประชัน

นางรู้ว่าซูหมิ่นกำลังคิดอะไรอยู่ รู้ว่าซูหมิ่นชอบซูจือเยว่ แต่การป่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วเมืองหลวงช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเหลือเกิน นางน่ารังเกียจเสียจริง ๆ

เมื่อซูจือเยว่ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็พลันซีดลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความตกใจ แต่ก็เห็นว่าสีหน้าของนางเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

อากัปกิริยาเช่นนี้คงสร้างความขุ่นเคืองให้กับศัตรูไม่ใช่น้อย

คิ้วของฮูหยินซูขมวดแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักคำ นางมักจะมองไปที่ซูหมิ่นและซูจือเยว่อยู่ตลอด จากนั้นมองตามสายตาลูกชายไปยังกู้เสี่ยวหวาน

มีสัญญาณเตือนบางอย่างดังขึ้นในใจ

เดิมทีแล้ว เสี้ยนจู่อันผิงผู้นี้… สำหรับนางแล้วเป็นคนที่มีความรู้ มีมารยาท ทั้งยังเต็มไปด้วยพรสวรรค์ที่น่าชื่นชม

แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นางรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเพียงต้องการสืบหาคนบงการเท่านั้น และเรื่องนี้ยังพอเข้าใจได้ แต่ประเด็นสำคัญคือ นางได้รู้ท่าทีของซูจือเยว่และท่าทีของซูหมิ่นจากเรื่องนี้

จือเยว่ชอบคนที่เรียบร้อยโดดเด่น นางคิดว่าจวิ้นจู่ที่มีความรู้และมารยาทเช่นนี้ช่างดีจริง ๆ

แต่…

ความโหดเหี้ยมร้ายกาจและความไม่มีเหตุผลของหมิงตูจวิ้นจู่ นางต้องรีบเหยียบมันเอาไว้

และอย่างที่เห็น ซูหมิ่นคงไม่ยอมแพ้จนกว่าเป้าหมายของนางจะสำเร็จ

ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป

ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น

ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า

0

…………….

…………….

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลเรื่อง ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] ผู้แต่ง : 秦喜儿 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) จำนวนตอน 2,760 ตอน กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

Options

not work with dark mode
Reset