ระหว่างกินอาหารเย็น พอได้ยินว่านับตั้งแต่พรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่จะอาศัยอยู่ในตัวเมือง เด็กสองคนก็ตกใจเป็นอย่างมาก “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดจู่ๆ ท่านถึงไปอาศัยอยู่ในตัวเมือง? เช่นนั้นพวกเราเล่า? ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ข้าจะกลับมาทุกสองวัน ยิ่งไปกว่านั้น ในบ้านมีพี่ใหญ่อยู่ พี่ใหญ่ต้องดูแลพวกเจ้าได้เป็นอย่างดีแน่! ”
เซียวจื่อเซวียนเบ้ปาก หันมองพี่ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ท่าทางอัดอั้นตันใจเสียยิ่งกว่าอะไร
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากไปอยู่ในตัวเมืองกับท่านด้วยเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส
เซียวจื่อเซวียนก็พูดโพล่งออกมา “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็อยากไปขอรับ! ท่านอยู่ในตัวเมืองเพียงลำพัง พวกเราไม่วางใจ ให้พวกเราตามไปอยู่กับท่านเถิดขอรับ! ”
เซียวยวี่ขมวดคิ้วมุ่น กล่าวด้วยท่าทางเย็นชา “อาเซวียน เจ้าต้องไปเรียนหนังสือกับข้า! ” จากนั้นจึงกล่าวกับเซียวจื่อเมิ่ง “เจ้าอายุยังน้อยเกินไป อยู่ข้างนอกอาจส่งผลกระทบได้ พี่สะใภ้ใหญ่มีธุระต้องทำ ไม่สะดวกดูแลเจ้าไปด้วย ตอนกลางวันเจ้าตามพี่รองไปที่ห้องเรียนเถิด”
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งบุ้ยปาก แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว!
ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจทนดูดาย แต่เมื่อลองคิดดูก็ได้แต่ทำเช่นนี้ น้ำดอกไม้ย่อมไม่รอนาง นางต้องใช้น้ำดอกไม้ให้หมด เมื่อถึงครานั้นก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว
“ไม่ต้องห่วง รอให้ข้าทำธุระเสร็จ สักสิบวันหรือครึ่งเดือน พี่สะใภ้ใหญ่ก็จะกลับมาอยู่บ้านด้วยกันทุกวัน พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง! ” เซี่ยยวี่หลัวปลอบโยนเด็กทั้งสองคน
เซียวจื่อเมิ่งร่ำไห้สะอื้น “เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ คืนนี้ข้าจะนอนกับท่าน ตอนท่านกลับมา ข้าก็จะนอนกับท่านเจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวย่อมตอบรับเต็มปากเต็มคำ “ได้ได้ได้ นอนกับข้า นอนกับข้า! ”
เซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าพลันบึ้งตึงในทันใด นางเป็นภรรยาของเขา คนที่ควรได้นอนกับนาง ก็ควรเป็นเขาเช่นกัน!
แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไร เจ้ามีแผนการที่ร้ายกาจ ข้าก็มีแผนการรับมือเช่นกัน ใครจะได้นอนกับอาหลัว ก็ยังไม่แน่!
เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิดเรื่องลวดลายบนสบู่อยู่ตลอด ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในห้องหนังสือ เซี่ยยวี่หลัวจึงปรึกษากับเขา
“เจ้าว่า พวกเราทำลวดลายอย่างไรดี? ”
“เรื่องอย่างลวดลายนั้นถูกเลียนแบบได้ง่ายมาก เจ้ามิสู้ทำสัญลักษณ์ที่สื่อถึงตนเอง ต่อไปเมื่อผู้อื่นเห็นสัญลักษณ์บนนั้น ก็รู้ได้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เจ้าเป็นคนทำ” เซียวยวี่เสนอแนะ
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่ง กอดเซียวยวี่ก่อนจุมพิตทีหนึ่ง “จริงด้วย เจ้ากล่าวได้ไม่ผิด ข้าจะทำเครื่องหมายการค้าที่เป็นของเราเอง! ”
เครื่องหมายการค้า? นั่นคือสิ่งใด?
เซียวยวี่ฟังไม่เข้าใจ แต่เขาเห็นเซี่ยยวี่หลัวมีสีหน้าท่าทางยินดีเสียเต็มประดา คาดเดาว่าเครื่องหมายการค้านี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากแน่นอน
เซี่ยยวี่หลัวนั่งลงบนตักเซียวยวี่ หยิบพู่กันขึ้นมาเริ่มวาด
“คุณชายซูผู้นั้นที่มอบน้ำดอกไม้ให้เรา เงินที่ใช้ซื้อน้ำดอกไม้เหล่านี้ ต่อไปข้าต้องคืนเขาให้ได้! ” เซี่ยยวี่หลัววาดไปพลางกล่าวไปพลาง
เซียวยวี่พยักหน้า ลูบผมยาวของนาง รู้ว่านางไม่อยากติดหนี้บุญคุณผู้อื่น
น้ำดอกไม้นับร้อยถัง…
ฮวาเหนียงบอกไว้ น้ำดอกไม้หนึ่งถังราคายี่สิบกว่าตำลึง มีนับร้อยถัง ก็เป็นเงินสองพันตำลึง!
ต่อให้ถูกผู้อื่นทิ้งไปจริง ก็ยังเป็นบุญคุณอย่างใหญ่หลวง
เซี่ยยวี่หลัววาดเสร็จแล้ว เป่าทีหนึ่ง ก่อนยื่นให้เซียวยวี่ดู “เจ้าลองดูว่าเช่นนี้ได้หรือไม่? ”
เซียวยวี่รับมา รู้สึกเบื้องหน้าสว่างวาบ
เซี่ยยวี่หลัวเขียนตัวอักษรสองตัว ตัวซูหนึ่งตัว ตัวยวี่หนึ่งตัว ทว่า ถึงแม้จะเป็นเพียงตัวอักษรง่ายๆ สองตัว กลับถูกนางใช้ลายเส้นร่างไว้อย่างงดงาม ตัวอักษรสองตัวราวกับเป็นดอกไม้สองดอกก็มิปาน ดูคล้ายตัวอักษร ทั้งยังดูงดงามราวกับดอกไม้
เซียวยวี่เอ่ยชมไม่ขาดปาก “ช่างงดงามเหลือเกิน! ตัวอักษรธรรมดาสองตัว ถูกเจ้าเขียนออกมาจนกลายเป็นบุปผาแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกได้ใจยิ่งนัก นี่เป็นตัวอักษรรูปแบบบุปผา ทั่วทั้งต้าเยว่ มีเพียงหนึ่งเดียว!
“เจ้าดูตัวอักษรซูนี่ คือซูจากชื่อคุณชายซู ถึงแม้คุณชายซูผู้นั้นมอบน้ำดอกไม้ให้เราโดยไม่คิดเงิน แต่ข้าจะติดหนี้บุญคุณผู้อื่นมากมายถึงเพียงนี้ไม่ได้ โรงผลิตนี้ ถือเสียว่าข้าเปิดร่วมกับเขา ต่อไปหาเงินได้ หากเขาไม่ร่วมทุนกับเรา ข้าก็จะค่อยๆ คืนเงินให้เขาไป ยังมีคำว่ายวี่นี้ ถึงแม้จะเป็นยวี่ของข้า แต่ก็เป็นยวี่ของเจ้าด้วย…”
เซียวยวี่เม้มปากแย้มรอยยิ้ม
ตัวอักษรยวี่ของเขา มีตัวยวี่นี้อยู่ด้วย
ในชื่อของอาหลัว ก็มียวี่เช่นเดียวกัน
บังเอิญถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นลิขิตสวรรค์ ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันชั่วชีวิต
“เป็นอย่างไร? ” เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ไม่กล่าวอะไร จึงเอ่ยถาม
“เยี่ยมมาก! ” เซียวยวี่ย่อมไม่มีอะไรจะกล่าว เรื่องที่อยู่ในสมองภรรยาของเขา เขาไม่จำเป็นต้องสอน
เขารู้ว่านางจะทำเช่นนี้
ไม่ติดหนี้บุญคุณผู้อื่น ไม่ละโมบ ไม่เอารัดเอาเปรียบ นี่คือการปฏิบัติตนที่อาหลัวยึดมั่นมาตลอด
สตรีเช่นนี้ ไม่ต้อยต่ำไม่ผยอง ทำให้รู้สึกรักเสียยิ่งกว่าอะไร รักจนแทบคลั่ง
เซี่ยยวี่หลัวกำลังแก้ตัวอักษรให้ดีขึ้นและงดงามขึ้น เซียวยวี่หยิบตำราขึ้นมาอ่าน
มือซ้ายจับเส้นผมเซี่ยยวี่หลัวไว้ นิ้วชี้เกี่ยวเส้นผมของนางขึ้นมาหมุนวน ก่อนวางลง แล้วจึงหมุนวนอีก เล่นอย่างเพลิดเพลิน ในภายหลังเขาถือโอกาสวางตำราลง ผูกเส้นผมของเซี่ยยวี่หลัวไว้กับเส้นผมของเขา
เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันรู้ตัว เซียวยวี่เห็นเส้นผมของทั้งคู่ถูกผูกไว้ด้วยกัน ก็รู้สึกพึงพอใจยิ่ง หยิบตำราขึ้นมาพลิกเปิดหน้าอ่านต่อ
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านยังไม่นอนหรือเจ้าคะ? ” จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเซียวจื่อเมิ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอก เซี่ยยวี่หลัวตกใจแทบตาย
เซียวจื่อเมิ่งหลับไปตื่นหนึ่ง ลุกขึ้นมาไม่พบพี่สะใภ้ใหญ่ จึงวิ่งเข้ามายังห้องของพี่ใหญ่
ไฟในห้องของพี่ใหญ่สว่างอยู่จริง พี่ใหญ่อยู่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็อยู่ด้วย!
เซี่ยยวี่หลัววางพู่กันลงด้วยอาการลนลาน เพิ่งรู้ตัวว่านางยังนั่งอยู่บนตักเซียวยวี่ จึงรีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน “นอนนอนนอน มาแล้ว มาแล้ว! ”
นางเพิ่งกระโดดลุกขึ้น หนังศีรษะก็รู้สึกเจ็บแปลบ
เซียวยวี่ก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บเช่นกัน
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับไป เห็นเส้นผมของตัวเองและเส้นผมของเซียวยวี่พันกันอยู่
“เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ เหตุใดเส้นผมจึงพันกันได้? ” เซี่ยยวี่หลัวคิดมาตลอดว่าเส้นผมของตัวเองนุ่มลื่น อยู่ดีๆ เกิดปมขึ้นมาได้อย่างไร? เกิดปมยังไม่เท่าไร แต่เหตุใดจึงพันกับเส้นผมของเซียวยวี่ได้?
เซียวยวี่คลำหนังศีรษะที่ถูกดึงจนเจ็บ แสร้งทำเป็นกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “จริงด้วย เหตุใดจึงพันกันได้เล่า? ”
เซี่ยยวี่หลัวแกะออกจึงพบว่า เช่นนี้ใช่พันกันที่ไหน เห็นได้ชัดว่า… ถูกคนผูกติดกันไว้!
“เจ้าเป็นคนผูกติดกันไว้หรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวกดเสียงให้ต่ำเพื่อเอ่ยถามเซียวยวี่
เซียวยวี่รู้ว่าตัวเองปิดบังไม่ได้แล้ว เขาจึงพยักหน้า ขานตอบทีหนึ่ง “ใช่”
“ทำไมถึงซุกซนนัก ราวกับเด็กก็มิปาน! ” เซี่ยยวี่หลัวแก้ปมไปพลาง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มไปพลาง
ยังดีที่นางไม่ได้ออกแรงมากเกินไป มิเช่นนั้น ผมกระจุกนี้คงถูกดึงจนหลุด