ฮวาเหนียงรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง รู้ว่านางไม่มีทางถอดใจในเรื่องอะไรอย่างง่ายดาย บัดนี้นางเอ่ยวาจาเช่นนี้ ฮวาเหนียงก็รู้ว่าตัวเองมาเสียเที่ยวแล้ว
น้ำดอกไม้นั้นเป็นสิ่งที่ได้มายากจริงๆ!
“เฮ้อ ข้าคิดอยู่ว่าเจ้าสิ่งนี้มีเพียงเจ้าที่ทำเป็น ข้าหากระทั่งโรงผลิตที่ใช้ทำสบู่ไว้ให้เจ้าแล้ว อีกฝ่ายกำลังจะขายทิ้ง! ” ฮวาเหนียงกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย
เซี่ยยวี่หลัวเบ้ปากทีหนึ่ง นางเองก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน!
เพียงแต่ นางไม่มีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ
“แต่ก็ไม่เป็นอะไร เจ้ายังมีความสามารถในการหาเงินอื่นๆ อีกมากมายถึงเพียงนั้น เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ เรายังมีทางอื่นอีก” ฮวาเหนียงยิ้มพร้อมกล่าว “ข้ามาคราวนี้ เจ้าคงไม่ปล่อยให้ข้ามาเสียเที่ยวกระมัง? ”
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความสงสัย เซี่ยยวี่หลัวมองเขา ยิ้มพลางกล่าว “ไม่มาเสียเที่ยวแน่นอน ฮวาเหนียงนั่งรอที่นี่ครู่หนึ่ง ประเดี๋ยวข้ากลับมา! ”
เซียวยวี่เหมือนผู้ติดตามก็มิปาน เซี่ยยวี่หลัวเดินไปที่ไหน เขาก็ตามไปที่นั่น
บัดนี้เห็นว่านางจะไป เซียวยวี่พยักหน้าให้ฮวาเหนียงตามมารยาท ก่อนตามเซี่ยยวี่หลัวออกไป
ท่าทางสองสามีภรรยาที่ดูรักกันหวานชื่น เห็นแล้วทั้งรู้สึกอิจฉาทั้งรู้สึก… คิดถึงจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไป หยิบแบบลวดลายที่เซียวยวี่เคยเห็นครั้งก่อนออกมา วาดไว้หนึ่งกองแล้ว
เซียวยวี่รับมา เปิดดูทีละแผ่น
ในนั้นมีสัตว์ประหลาดแปลกพิสดารที่มีดวงตากลมและใบหูกลมอยู่ด้วย…
“สัตว์ประหลาดนี่คือ…” ร่างกายสีฟ้า หมวกและถุงเท้าสีขาว มีทั้งตัวที่สวมเสื้อ ตัวที่ไม่ได้สวมเสื้อ อย่างไรเสียก็ดูแปลกพิลึก แต่กลับน่ารักมาก
“นี่ไม่ใช่สัตว์ประหลาด” เซี่ยยวี่หลัวชะโงกศีรษะมา ก่อนอธิบาย “นี่คือภูตตัวฟ้า”
“ภูตตัวฟ้า? ” เซียวยวี่ไม่รู้ว่านี่คือสิ่งใด
“คือเจ้าตัวเล็กกลุ่มหนึ่งที่แสนน่ารัก” เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องภูตตัวฟ้ากับเซียวยวี่อย่างไร
“น่ารักมากจริงๆ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว สีหน้าท่าทางแต่ละตัวมีทั้งยิ้มแย้มและซุกซน ช่าง… “เหมือนกับเจ้ามากนัก! ” จู่ๆ เซียวยวี่ก็ขยับมากล่าวข้างหูเซี่ยยวี่หลัว
พอยิ้มก็ทำให้รู้สึกมีความสุข พอซุกซนก็ทำให้รู้สึกวางตัวไม่ถูก
“หา? ” เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันตอบสนอง จู่ๆ ติ่งหูก็ถูกกัดทีหนึ่ง ลมหายใจอุ่นร้อนเคลื่อนผ่าน กระตุ้นจนร่างกายเซี่ยยวี่หลัวสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวถลึงตามองเซียวยวี่ที่เป็นตัวต้นเหตุ เซียวยวี่ได้ใกล้ชิดสตรีผู้เลอโฉม เลิกคิ้วพลางหันไปแย้มรอยยิ้มให้เซี่ยยวี่หลัวอย่างได้ใจ
“…เจ้า” คนบ้าตัณหา
พอกลับถึงห้องโถง ฮวาเหนียงเห็นท่าทางเซี่ยยวี่หลัวที่ใบหน้าขึ้นสีแดง ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สามีภรรยาคู่นี้ ช่างรักใคร่หวานชื่นกันเสียจริง
เซี่ยยวี่หลัวยื่นส่งแบบลวดลายที่วาดไว้ให้ฮวาเหนียง ฮวาเหนียงเปิดดูทีละแผ่น รู้สึกดีใจยิ่งนัก “นี่คืออะไร? ”
“นี่คือภูตตัวฟ้า” เซี่ยยวี่หลัวเลือกวาดภูตตัวฟ้าที่น่ารักและงดงามไว้หลายตัว ทั้งยังวาดภาพดอกไม้หลายดอกที่ไม่มีการบันทึกไว้ในตำราที่นี่
ฮวาเหนียงถามทีละรูป เซี่ยยวี่หลัวตอบทีละรูป
ไม่ง่ายเลยกว่าจะถามครบ เซี่ยยวี่หลัวจึงหันมองเซียวยวี่ที่นั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างๆ คนผู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เพียงจ้องมองนางด้วยแววตาอ่อนโยน มองท่าทางของนางที่พูดจาฉะฉาน แววตาเซียวยวี่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ครั้งก่อนตอนอยู่ที่เซียนจวีโหลว เขาก็เคยเห็นด้านนี้ของเซี่ยยวี่หลัวมาแล้ว
ยามทำงาน ทั้งตั้งใจและมีสมาธิจดจ่อ ราวกับว่าสิ่งของที่นางกุมไว้ในมือแน่นแล้ว ก็จะจับแน่นจนไม่ปล่อยมือไปอีก
เซียวยวี่มองอย่างเคลิบเคลิ้ม มือที่จับกับมือของเซี่ยยวี่หลัวอยู่ใต้โต๊ะ นิ้วทั้งสิบเกี่ยวประสานกับนิ้วมือของนางอย่างอดไม่ได้ จับแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยยวี่หลัวอธิบายจบ จึงส่งฮวาเหนียงออกไป
ก่อนฮวาเหนียงจะไป ก็กล่าวกับเซียวยวี่ด้วยความตื่นเต้น “คุณชายเซียว ท่านคงไม่รู้ว่าท่านได้แต่งกับสมบัติล้ำค่าเพียงใด สตรีเช่นนี้ ในต้าเยว่ของเราเกรงว่าต่อให้ถือโคมไฟออกตามหาก็ยังหาได้ยากนัก”
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง
จะไม่ให้หายากได้อย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของสตรีในใจเขาไปโดยสิ้นเชิง
สตรีในความทรงจำของเขา คนที่คุ้นเคยที่สุดก็คือมารดา
มารดาถือเป็นบุตรีผู้ดี ทว่า นางไม่รู้หนังสือ และเขียนหนังสือไม่เป็น เทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ อาหารที่ทำก็ทั่วไป ทว่าอาหารที่เซี่ยยวี่หลัวทำ เทียบเคียงกับอาหารในภัตตาคารได้ จึงเทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เช่นกัน
มารดาวาดแบบลวดลายไม่เป็น เทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้
มารดาไม่รู้หลักการใช้ยา เทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้
มารดาไม่รู้หลักดนตรี เทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้
เซียวยวี่พบว่า ตัวเองไม่อาจหาสิ่งที่มารดาสามารถเทียบอาหลัวได้เลย แม้แต่ความรักที่มารดามีต่อเด็กสองคน ก็เทียบเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวสอนสั่งเด็กสองคนอย่างเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาหาร ที่อยู่อาศัย หรือการอ่านตำราเขียนหนังสือ รวมถึงการปฏิบัติตัวและจัดการเรื่องต่างๆ เขาตกใจเมื่อพบว่า เหมือนว่าเขาเองก็มีส่วนที่เทียบนางไม่ได้เช่นกัน
เขาเริ่มเรียนช้ากว่านาง
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ” เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ข้างกายเซียวยวี่นานแล้ว เห็นคิ้วเข้มของเขาผ่อนคลายทีหนึ่งก่อนขมวดเล็กน้อยทีหนึ่ง จึงจับมือเขาไว้ โยกไปมาพลางเอ่ยถาม
เซียวยวี่เรียกสติคืนกลับมาได้ ก้มหน้าก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวกำลังจ้องเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หัวใจพลันอ่อนระทวยในชั่วพริบตา
เขายื่นมือไปโอบกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้ในอ้อมอก กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “อาหลัว ข้าจะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิต! ”
หากไม่ดีต่อนาง หากนางโมโหแล้วจากไปจะทำอย่างไร?
เขาจะไปหาภรรยาที่ดีถึงเพียงนี้ได้จากที่ไหน
ชีวิตนี้ได้มีภรรยาผู้เลอโฉมเช่นนี้ ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นซิ่วไฉหรือจวี่เหรินอะไร ความทะเยอทะยานที่จะรับราชการอะไร บัดนี้เหลือเพียงความคิดเดียว เขาจะดีต่อเซี่ยยวี่หลัว ดีต่อนางไปชั่วชีวิต รักนาง เอ็นดูนาง ทะนุถนอมนางไปชั่วชีวิต!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา โอบกอดเอวคอดที่แข็งแรงของเซียวยวี่ไว้แน่น
“เซียวยวี่ ข้าก็จะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิตเช่นกัน! ”
ให้เจ้าได้ทำอุดมการณ์ให้เป็นจริง ได้ใช้ความสามารถและมุ่งตามความฝัน ก้าวขึ้นสู่เวทีแห่งชีวิตที่เจ้าต้องการ
เซียวยวี่ยังคิดจะไปในแปลงนา เซี่ยยวี่หลัวเหมือนกับผู้ติดตามก็มิปาน จะตามไปด้วย
เซียวยวี่มองแสงตะวันเจิดจ้าเหนือศีรษะ ก่อนมองใบหน้าขาวเนียนอ่อนนุ่มของเซี่ยยวี่หลัว รู้สึกเห็นใจจนทนไม่ไหว “เจ้าอย่าไป”
“สามีทำอะไรภรรยาย่อมต้องทำตาม เจ้าไปที่ไหนข้าก็จะไปที่นั่น คุยกันไว้แล้ว! ” เซี่ยยวี่หลัวไม่ยอม ดึงมือเซียวยวี่ไม่ยอมปล่อย
เซียวยวี่ไม่มีวิธีอื่น ได้แต่กล่าว “อาหลัว ข้าจะไปปลูกผักในแปลงนา เช่นนี้ถึงเวลาที่บ้านก็จะมีผักให้กิน หากมีปริมาณมาก ข้าก็จะนำไปขายในตัวเมือง สามารถหาเงินได้ด้วย”
“เช่นนั้นเจ้าไม่อ่านตำราหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามอย่างเถรตรง “หากเจ้าละทิ้งการเล่าเรียน ความพยายามทั้งหมดของเจ้าก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า”
นางกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง ยังคงแฝงเร้นด้วยความแง่งอน เซียวยวี่ได้ฟังก็รู้สึกอ่อนระทวยถึงกระดูก
“อาหลัว ข้าไม่คิดจะเล่าเรียนอีกแล้ว” เซียวยวี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หากข้าทำได้เพียงทำไร่ไถนาอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต เจ้ายังจะชอบข้าหรือไม่? ”
เขาไม่มั่นใจ แต่จะไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวจ้องมองเซียวยวี่
ในแววตาของเขา มีความวิตกและหวาดกลัว