ถือว่าเป็นคนตรงไปตรงมา
“เช่นนั้น… เขียนหนังสือเล่า? ” เซียวยวี่ถามต่อ
โดยทั่วไปคนที่รู้หนังสือล้วนเขียนหนังสือเป็น แต่สตรีที่เขียนหนังสือเป็น…
เซียวยวี่ไม่ค่อยแน่ใจ
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “เขียนเป็น”
เซียวยวี่ยิ้มพลางหยิบพู่กันขนเพียงพอนมาจากแท่นวางพู่กัน ยื่นส่งให้เซี่ยยวี่หลัว “เขียนชื่อของเจ้า”
เซี่ยยวี่หลัวหยิบพู่กัน เลียนแบบตัวหนังสือรูปแบบกว่านเก๋อของเซียวยวี่ ขีดเขียนชื่อตัวเองลงไป
พู่กันขนเพียงพอนที่มีน้ำหมึก เขียนชื่อของนางที่เขาเคยเห็นนางเขียนเพียงครั้งเดียว
ตัวอักษรสามตัวที่เคยเขียนอย่างบิดเบี้ยวบนหนังสือหย่า
แต่มาบัดนี้ เซียวยวี่เห็นนางถือพู่กันอย่างถูกต้อง คล่องแคล่วช่ำชอง เขียนอย่างมีพลัง ตวัดพู่กันปล่อยน้ำหมึก แต่ละขีดแต่ละเส้นล้วนเต็มไปด้วยลักษณะโดดเด่น ตัวอักษรเซี่ยยวี่หลัวบนกระดาษ ลอกเลียนแบบลักษณะตัวหนังสือของเขาได้เต็มสิบส่วน
เซี่ยยวี่หลัวบอกว่าเขียนหนังสือเป็น เขาไม่รู้สึกว่าน่าแปลก แต่เห็นตัวอักษรของอีกคนหนึ่งเขียนได้เหมือนกับของตัวเองถึงเพียงนี้ เขารู้สึกตกตะลึงจนกล่าวอะไรไม่ออก
“ตัวหนังสือนี่…”
“ฝึกเขียนตามตัวหนังสือของเจ้า ดูดีหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความรู้สึกเก้อเขิน
นางไม่เคยเรียนตัวหนังสือรูปแบบกว่านเก๋อมาก่อน กลับรู้สึกว่าตัวหนังสือรูปแบบนี้ดูเป็นระเบียบงามสง่า มีลักษณะกว้างขวางกว่าตัวหนังสือรูปแบบจานฮวาที่นางเคยเรียนมา จึงอาศัยจังหวะช่วงที่เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เขียนเลียนแบบตัวหนังสือของเขา เลียนแบบมาสองถึงสามเดือน สามารถเขียนจนมีความคล้ายคลึงกับลายมือของเซียวยวี่ถึงเก้าส่วน
ครั้งก่อนตอนคัดตำรา มีความคล้ายคลึงเพียงสามถึงสี่ส่วนเท่านั้น นับว่าไม่เลว เซี่ยยวี่หลัวเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ผู้ตรวจสอบมืออาชีพ ก็จะดูไม่ออกเลยว่าตัวหนังสือนี่เซียวยวี่เป็นคนเขียนหรือนางเป็นคนเขียน
เซียวยวี่มองจนตาค้าง จากนั้นจึงรู้สึกยินดีและชื่นชม “…เยี่ยมมาก! ”
ยอดเยี่ยมจนเขาแทบอยากปรบมือตะโกนว่าเยี่ยม
เซียวยวี่เดินขึ้นหน้า รับพู่กันมา เขียนตัวอักษรเซียวยวี่ลงข้างชื่อนาง เบียดชิดกับชื่อนาง
ชื่อสองคน ตัวอักษรห้าตัว อยู่ชิดกัน หากไม่ดูอย่างละเอียด ก็ดูไม่ออกเลยว่าตัวอักษรเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร
“เจ้ารู้หนังสือ เขียนหนังสือเป็น ล้วนเป็น…” เซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“อ่อ ล้วนเป็นท่านตาที่สอนให้ข้า! ” เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าเซียวยวี่จะถามจนรู้ความอะไรเข้า จึงรีบกล่าวตอบเอง
อย่างไรเสียท่านตาก็ไม่อยู่แล้ว โยนให้เขาทั้งหมด ต่อให้เซียวยวี่อยากถาม ก็ได้แต่รอหลังจากโลกนี้ไป
เซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก ประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว เซียวยวี่ก็ตื่นเต้นจนอยากไปทำเรื่องหนึ่ง
เขาอยากไปยังหลุมฝังศพของท่านตา จุดธูปให้ท่านตาสักสองดอก
ผู้อาวุโสที่เสียสละตัวเองช่วยรักษาโรคให้บิดามารดาของเขา มอบสมบัติล้ำค่าเช่นใดให้เขากัน!
“เจ้า เป็นอะไรไป? ” เห็นเซียวยวี่ไม่กล่าวอะไรอยู่นาน เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกกระวนกระวาย นึกว่าเขากำลังนึกโทษนางที่ไม่บอกเขาแต่แรก ทว่าเรื่องเขียนหนังสือเป็น…
เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมเขียนไม่เป็นอยู่แล้วนี่นา
เซียวยวี่ดวงตาเป็นประกาย มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความตื่นเต้น “เจ้าเรียนมาหลายปีแล้วเช่นนั้นหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “ถือว่าใช่ ตั้งแต่จับตะเกียบเป็นก็ต้องจับพู่กันแล้ว” พอนางจับตะเกียบเป็น ท่านปู่ก็อุ้มนางขึ้นบนโต๊ะหนังสือ จับมือของนางไว้ เริ่มสอนนางเขียนหนังสือทีละขีดทีละเส้น
เซียวยวี่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “…” เซี่ยยวี่หลัวเริ่มเรียนเร็วกว่าเขาเสียอีก
เขายังมีอะไรอยากถามอีกมากมาย อยากถามว่าตอนนั้นเหตุใดตัวหนังสือง่ายๆ อย่างคำว่าหนังสือหย่ายังไม่รู้จัก อยากถามว่าเหตุใดชื่อของนางที่เขียนไว้บนหนังสือหย่า ถึงเขียนด้วยลายมือดูไม่ได้
เหมือนกับตอนนี้ที่ไหนกัน ที่ไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
แต่เซี่ยยวี่หลัวในตอนนั้น คิดอยากไปจากบ้านนี้ นางแสร้งทำเป็นไม่รู้หนังสือ ก็ถือเป็นเรื่องปกติเสียยิ่งกว่าอะไร
เซียวยวี่ไม่ถามต่อ มองดูตัวหนังสือห้าตัวนั้นด้วยสีหน้าชื่นชม
เซี่ยยวี่หลัวหวั่นวิตกอยู่ตลอด รอคอยให้เซียวยวี่เอ่ยถาม แต่รออยู่ครู่ใหญ่ เซียวยวี่เอาแต่ดูตัวหนังสือ ไม่เอ่ยถามอะไรอีก เบื้องลึกแววตาฉายประกายตกตะลึง เซี่ยยวี่หลัวจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก รู้ว่าเขาคงไม่ถามแล้ว
ในที่สุดก็ไม่ต้องปิดบังเรื่องที่ตัวเองเขียนหนังสือเป็นและรู้หนังสืออีกต่อไป เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าต่อไปตัวเองสามารถเข้ามาหาตำราอ่านได้อย่างเปิดเผย ก็รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร
ยืนจนเริ่มเหนื่อยแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงหาเก้าอี้นอนเอนตัวลง บนเก้าอี้นอนมีเบาะรองชั้นหนา นอนอยู่บนนั้นทั้งนุ่มทั้งสบาย หลังจากพลิกเปิดตำราไปสิบกว่าหน้า เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจทานความง่วงได้อีก อ่านไปอ่านมาก็หลับไปด้วยอาการสะลึมสะลือ
ห้องหนังสือเงียบสงบมาก เหลือเพียงเสียงพลิกเปิดหน้ากระดาษยามเซียวยวี่อ่านตำรา
อาจเพราะไม่ได้ยินเสียงของใครบางคน เซียวยวี่จึงเงยหน้าขึ้น สายตามองทอดไปยังคนที่อยู่บนเก้าอี้นอน ก่อนแสยะปากแย้มรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
นางหลับไปแล้ว
ตำรายังวางพาดอยู่บนอก เส้นผมสีดำขลับลู่ลงผ่านช่องว่างของเก้าอี้ บดบังใบหน้างดงามไร้ที่ติไว้ครึ่งซีก
เซียวยวี่ตวัดริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม ลุกขึ้นมาตรงเก้าอี้นอน หยิบตำราออก ก่อนย่อตัวลงจ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอยู่ครู่ใหญ่ แต่คนที่นอนบนเก้าอี้นอนหลับอย่างสบาย
ถึงแม้เก้าอี้นอนจะสบาย แต่สบายเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบกับความสบายบนเตียงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางไม่สบาย นอนบนเตียง ย่อมต้องสบายกว่านอนบนเก้าอี้มากนัก
เซียวยวี่อุ้มนางขึ้น สตรีตัวน้อยยังไม่ตื่น เปลี่ยนท่านอนที่สบาย หลับสนิทต่อ
หลังจากวางนางลงบนเตียง เซี่ยยวี่หลัวเพียงส่งเสียงเบาทีหนึ่ง พลิกตัวเปลี่ยนท่าแล้วจึงนอนหลับต่อ
“เจ้าง่วงนอนมากเพียงใดกัน! ” เซียวยวี่พึมพำเสียงเบา ยื่นนิ้วมือออกไป ตวัดตรงปลายจมูกเซี่ยยวี่หลัวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ห่มผ้านวมผืนบางให้นาง นั่งอยู่ริมเตียง มองอีกครู่หนึ่ง เสียงพูดคุยดังขึ้นจากข้างนอก
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่…” เป็นเสียงของเซียวจื่อเซวียน
เซียวยวี่เกรงว่าฝันหวานของเซี่ยยวี่หลัวจะถูกรบกวน จึงรีบเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
“เบาหน่อย! ” เซียวยวี่กล่าวด้วยความรีบร้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าหลับแล้ว”
เซียวจื่อเซวียนได้ฟังดังนั้น จึงรีบกดเสียงให้ต่ำลง กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ “พี่ใหญ่ พี่เซียวยิงกลับมาแล้วขอรับ เขาบอกว่าเขากลับบ้านครู่หนึ่ง อีกเดี๋ยวก็จะมาหาท่าน”
เซียวยวี่ได้ฟังก็ยิ้มทันที
หากถามว่าเซียวยวี่มีสหายที่สนิทหรือไม่ เช่นนั้นเซียวยิงต้องนับเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน
ไม่นานเซียวยิงก็มา
เมื่อเห็นว่าบ้านเซียวยวี่ปลูกเรือนหลังคากระเบื้องใหม่สองห้องก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก กล่าวทันทีว่าอยากชมดูห้องใหม่ของเขา
เซียวยวี่พาเขาเข้าไป พาไปยังห้องหนังสือทันที เซียวยิงเห็นว่าข้าวของภายในห้องหนังสือถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ถึงแม้ของตกแต่งจะเรียบง่าย แต่กลับมีความงามที่ดูสง่า “การจัดแต่งของห้องเจ้า ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ก็ประณีตเป็นพิเศษ เจ้าเป็นคนทำทั้งหมดหรือ? ” เซียวยิงถือถ้วยชา มองไปพลางกล่าวไปพลาง “ยังมีตำราเหล่านี้ของเจ้า การจัดวางโดยแบ่งประเภทเช่นนี้ สามารถหาตำราได้ง่ายมาก ถือว่าสะดวกมากทีเดียว! ”
เซียวยวี่ได้ฟังคำชื่นชม ก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ
นั่นล้วนเป็นวิธีที่เซี่ยยวี่หลัวคิดขึ้น