คนไปกันหมดแล้ว
เซียวจิ้งยี่ขอขมาเซียวยวี่ “อายวี่ หมิงจูกลายเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด…”
จากนั้นจึงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดต่อเซี่ยยวี่หลัว “ยวี่หลัว เรื่องซินแสสวี่ ข้านึกว่าเซียวหยวนเป็นคนทำ คิดไม่ถึงว่าเซียวหมิงจูต่างหากที่เป็นผู้บงการ เด็กคนนั้นข้าเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ใช้เวลานานหลายปีถึงได้มีบุตรสาวคนนี้ เฮ้อ เด็กถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจมากเกินไป จึงมักคิดว่าอยากได้สิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น! ”
ที่ไหนได้ กลับไม่ได้ดั่งใจในเรื่องเซียวยวี่
ทว่า การชอบใครคนหนึ่งแล้ว หากไม่ได้มา ก็ทำอย่างเซียวหมิงจู เช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเรียบสงบ “เรื่องผ่านไปแล้ว ขอเพียงล้างมลทินให้อายวี่ได้ ก็เพียงพอแล้ว”
เซียวยวี่โอบเอวเซี่ยยวี่หลัวไว้ เซี่ยยวี่หลัวยื่นมือซ้ายไปจับมือของเซียวยวี่ที่โอบตรงเอวนาง
มือของทั้งคู่กุมกันไว้แน่น สิบนิ้วประสานกัน
เซียวยวี่ยิ้มด้วยความเบิกบานใจ ยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน
เมื่อเห็นสองสามีภรรยารักกันหวานชื่นอยู่ตลอดเวลา เซียวจิ้งยี่จึงถอนหายใจทีหนึ่ง
ยังดีที่วันนี้ล้างมลทินให้เซียวยวี่ได้ ไม่อย่างนั้นระหว่างสามีภรรยาคู่นี้ คงถูกเซียวหมิงจูทำให้บาดหมางไม่ใช่หรือ?
แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ตอนนั้นคนมากมายต่างเข้าใจผิดคิดว่าเซียวยวี่มีความสัมพันธ์กับเซียวหมิงจู เซี่ยยวี่หลัวกลับเชื่อเซียวยวี่ตลอด
นี่สิถึงจะเป็นสามีภรรยา!
แบกรับเกียรติยศและความอัปยศร่วมกัน รักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งเป็นคนเดียวกัน
เซียวจิ้งยี่พยักหน้า “ข้าเข้าใจ เข้าใจ เรื่องเช่นนี้ หากไม่ล้างมลทิน ก็เหมือนมีอาจมแปดเปื้อนบนกาย ทั้งเหม็นทั้งสกปรก! แต่หลังจากผ่านเรื่องคราวนี้ เซียวหมิงจูน่าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวนึกถึงท่าทางคลุ้มคลั่งของเซียวหมิงจู “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ! ”
เซียวยวี่ส่งหัวหน้าหมู่บ้านออกไปข้างนอก เซียวจิ้งยี่ยังมีเรื่องจะพูดคุยกับเซียวยวี่ จึงพาเขาไปข้างๆ
“อายวี่ เรื่องประกาศผลสอบในวันนี้อย่าได้เก็บไปคิดอีกเลย เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบปีหน้าดีๆ! ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องสอบผ่านแน่นอน! ” เซียวจิ้งยี่ยังคงเชื่อมั่นในความสามารถของเซียวยวี่
เซียวยวี่ส่ายหน้า “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่อยากร่ำเรียนอีกแล้วขอรับ”
เซียวจิ้งยี่ตกใจเป็นอย่างมาก “เพราะเหตุใด? อายวี่ เจ้ามีความสามารถล้นเหลือ ขอเพียงขยันหมั่นเพียรตั้งใจร่ำเรียน ต้องสอบผ่านแน่นอน! ”
เซียวยวี่ยิ้มขม “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าสอบมาสี่ปีแล้ว… ก็ยังสอบไม่ผ่าน บัดนี้ในบ้านมีภรรยาและน้องชายน้องสาว ภาระหน้าที่ในการหาเลี้ยงชีพไม่ควรตกไปอยู่ที่ตัวอาหลัวทั้งหมด ข้าเป็นชายชาตรีในบ้าน ครอบครัวนี้ ข้ายังต้องเป็นคนดูแล! ”
การเล่าเรียนนั้นใช้เงินมากเกินไป ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกกับเซียวจื่อเซวียนแล้ว หากคราวนี้ยังสอบไม่ผ่าน เขาจะไม่เล่าเรียนอีก เขาจะไปหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ดูแลเด็กสองคนให้เติบใหญ่
บัดนี้เขามีอาหลัวด้วย เมื่อเห็นอาหลัวลำบากถึงเพียงนั้น ไม่เพียงแต่ต้องทำงานบ้านงานเรือน ทั้งยังต้องหาเงิน เขาจะทนดูได้อย่างไร
“แต่ว่า…” เซียวจิ้งยี่ยังจะเกลี้ยกล่อมเขาอีก
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้า ข้าตัดสินใจแล้ว ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงอีก”
เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสงบสบายๆ ของเซียวยวี่ เซียวจิ้งยี่ก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้อีก “เช่นนั้นเจ้าคิดไว้หรือยังว่าต่อจากนี้จะทำเช่นไร? ”
เซียวยวี่ส่ายหน้า “เวลานี้ยังคิดไม่ออก แต่ถึงเวลาย่อมมีหนทางเอง ข้าจะคิดหาวิธีขอรับ! ”
“เช่นนั้นก็ได้ หากต่อไปมีความยากลำบากอะไร ก็บอกข้าได้” เซียวจิ้งยี่กล่าว
เซียวยวี่พยักหน้า “เช่นนั้นก็ขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านขอรับ”
“ขอบคุณข้าทำไม บัดนี้ข้าต่างหากที่รู้สึกเกรงใจ! ” เซียวจิ้งยี่ยิ้มพร้อมกล่าว “ยวี่หลัวของเจ้ามอบลู่ทางหาเงินที่ดีถึงเพียงนั้นให้บุตรชายและลูกสะใภ้ของข้า ตอนนี้ข้าลองคิดดู ยังรู้สึกว่าไม่สมควร! ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจขอรับ ทำกิจการให้ดีก็พอแล้ว ข้าจะคิดหาวิธีอื่นเองขอรับ! ”
“อืม ได้ หากต่อไปมีเรื่องลำบากอะไร ก็มาหาข้า ข้าจะได้ช่วยวางแผนให้เจ้าบ้าง หากมีลู่ทางดีๆ ข้าจะบอกเจ้าทันที! ”
“ได้ขอรับ! ”
ใต้ชายคา เซี่ยยวี่หลัวยังยืนอยู่ตรงนั้น ครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่ด้วยอาการเหม่อลอย
เซียวจื่อเซวียนเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในตอนนี้เอง เขามองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางออดอ้อน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเก่งกาจหรือไม่ขอรับ? ”
เซี่ยยวี่หลัวชูนิ้วโป้งขึ้น “เก่งกาจจริงๆ! ”
นางวางแผนโดยอาศัยความรักที่เซียวหยวนมีต่อเซียวหมิงจู
การกระทำของเซียวหมิงจูในวันนี้ เซียวหยวนไม่มีทางยอมรามือง่ายๆ ส่วนนาง ขอเพียงปล่อยเซียวหยวนออกมาล่วงหน้า เซียวหยวนได้รู้ว่าตนเองมอบใจให้คนที่ไม่สมควรรัก ย่อมต้องมีการโต้เถียงกับเซียวหมิงจู อย่างไรเสียก็เป็นเงินถึงห้าสิบตำลึง ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ หากเซียวหยวนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเซียวหมิงจู เหตุใดอยู่ๆ ถึงยอมเสียเงินห้าสิบตำลึง!
ส่วนเซียวหมิงจู เกรงว่าด้านหนึ่งก็อิ่มเอมกับความสุขที่เซียวหยวนมอบให้นาง อีกด้านหนึ่งก็หมายปองเซียวยวี่
เช่นนี้ถือว่าเซียวหมิงจูคิดอยากเหยียบเรือสองแคมหรือไม่ แต่คิดไม่ถึง ว่าเหยียบไม่โดนเรือลำหนึ่ง เรืออีกลำหนึ่งก็ล่มเสียแล้ว
เซียวหยวนเองก็หาใช่คนโง่เขลาที่ยินยอมจะถูกผู้อื่นกระทำตามอำเภอใจ
การกระทำของเซียวหยวนในวันนี้ กลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของนาง เดิมทีนึกว่าสองคนนี้จะมีการโต้เถียงกัน คิดไม่ถึง ว่าตั้งแต่ต้นจนจบเซียวหยวนจะมีท่าทางรักมั่นอย่างลึกซึ้ง ไม่ได้เก็บความร้ายกาจของเซียวหมิงจูที่หลอกใช้เขาเสร็จแล้วเตะเขาทิ้งมาใส่ใจแม้แต่น้อย
เซียวหยวนผู้นี้ อาจเพราะรักเซียวหมิงจูสุดหัวใจ รักด้วยความรู้สึกต้อยต่ำ ต่อให้เซียวหมิงจูรังเกียจหรือทอดทิ้งเขา เขาก็ยังคงรักเซียวหมิงจู
นี่ถือเป็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเซียวหยวนมุ่งหมายสิ่งอื่นจากเซียวหมิงจู
เซียวหยวนคิดกับเซียวหมิงจูเช่นไร นางรู้สึกว่าไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!
เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจทีหนึ่ง
หวังว่าเซียวหยวนจะรักเซียวหมิงจูสุดหัวใจก็แล้วกัน หากเป็นเช่นนั้น เซียวหมิงจูก็ยังมีทางให้เลือก
เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นพี่สะใภ้ใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม จึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ? อธิบายกันจนชัดเจนแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ดีใจขอรับ? ”
เซี่ยยวี่หลัวตบศีรษะเขาเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “จื่อเซวียน ต่อไปหากชอบสตรีผู้หนึ่ง อย่าได้ชอบจนหลงใหลลืมตัว ความรักที่ต้อยต่ำเกินไป ไม่มีผู้ใดคิดทะนุถนอม รักตนเองก่อนรักผู้อื่น ถึงจะมีความสุข”
คนๆ หนึ่งหากแม้แต่ตัวเองยังไม่รัก จะถูกผู้อื่นรักได้อย่างไร!
เซียวจื่อเซวียนขานตอบทีหนึ่ง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจนัก
รักไม่รักอะไร เขาฟังไม่เข้าใจ แต่วาจาที่พี่สะใภ้ใหญ่กล่าวล้วนเป็นสิ่งถูกต้อง เขาต้องฟังพี่สะใภ้ใหญ่!
เวลานี้เอง เซียวยวี่ปิดประตูเดินเข้ามา ยามหันตัว เห็นเซี่ยยวี่หลัวยังยืนรอเขาอยู่ที่เดิม ดวงหน้าพลันฉายประกายยิ้มแย้ม
“อาหลัว…” เซียวยวี่เดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงสีหน้ารักใคร่เอ็นดู
สายลมพัดโชยมา โบกพัดเสื้อของเซี่ยยวี่หลัว ทำให้นางได้กลิ่นบนกายตัวเอง
กลิ่นเหม็นเปรี้ยว กลิ่นชวนคลื่นเหียนเสียจริง
เมื่อเห็นเซียวยวี่เดินมาหานางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เซี่ยยวี่หลัวรีบถอยหลังสองก้าว
กลิ่นเหม็นบนกายนาง หากทำให้ท่านราชบัณฑิตน้อยที่เป็นโรครักสะอาดรู้สึกเหม็นจะทำอย่างไร?