ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 675 แม่ลูกได้พบกัน

ตอนที่ 675 แม่ลูกได้พบกัน

ตอนที่ 675 แม่ลูกได้พบกัน

……….

ตอนที่ 675 แม่ลูกได้พบกัน

ฟางจินเป่าเดินตามเฉินเจียเหอไปเปิดประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดสุดขีด

เขาเตรียมคำพูดเอาไว้มากมาย กะว่าจะฉะจางเหมยในทันทีที่เห็นหน้าหล่อน

หลายปีมานี้เขาเก็บงำความโกรธไว้มากมาย เมื่อก่อนไม่มีข่าวคราวจางเหมย แต่ตอนนี้เจอหน้าแล้ว เขาจะต้องจัดการพูดคุยกับหญิงใจร้ายคนนี้ให้รู้เรื่อง

ฟางจินเป่าที่ยืนห่างไปไม่กี่ก้าวมีความคิดซับซ้อนสาระพันอย่างอยู่ในใจ

พอเฉินเจียเหอเปิดประตูออก เขาก็เห็นจางเหมยยืนอยู่หน้าประตูจริงๆ

ตอนแรกฟางจินเป่าโมโหสุดขีด แต่พอเห็นหญิงสาวตรงหน้า เขาก็ต้องตกใจจนตัวแข็ง กลืนคำด่าทอสารพัดที่เคยคิดไว้ลงคอจนหมด

ในความทรงจำของเขา ภรรยาผู้หมวดเป็นหญิงสาวที่สวยมาก ผิวขาวสะอาด ผมดำขลับ ดูราวกับเป็นผู้ดีเก่า สมัยก่อนเพื่อนร่วมกรมของเขาเห็นภรรยาผู้หมวดแค่แวบเดียวต่างพากันชื่นชมถึงความงามของเธอ

ไม่เจอกันกี่ปีกันนะ ทำไมหล่อนถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้

ไม่เพียงแต่ตอนนี้หล่อนจะไม่สวย ผู้หญิงตรงหน้ายังดูโทรมและผ่ายผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยฝ้ากระ ผมแห้งกร้าน เสื้อผ้าก็เก่าเชย ไม่เหมือนกับภรรยาสาวสวยของผู้หมวดในเค้าความทรงจำของเขา

พูดตามตรง ถ้าวันนี้จางเหมยไม่มาหาที่บ้าน และถ้าเขาไม่รู้ว่าหล่อนคือจางเหมยอยู่ก่อน หากเดินสวนกันบนถนนก็อาจจะจำหล่อนไม่ได้

จางเหมยเห็นเฉินเจียเหอแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและกังวล น้ำเสียงฟังดูรู้สึกผิด พูดด้วยความระมัดระวังว่า “เสี่ยวเฉิน ฉันขอโทษนะ ฉันมารบกวนคุณอีกแล้ว”

หลังจากที่จางเหมยพูดจบ หล่อนก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเขม็ง จนรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

หล่อนเบนสายตาไปมองด้านหลังของเฉินเจียเหอและเห็นผู้ชายผิวคล้ำเครารกเต็มหน้า กำลังจ้องมองมาทางตนด้วยสายตาดุดัน

หล่อนแข็งใจจ้องมองอีกรอบ รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างคุ้นตาเหลือเกิน

แม้ตอนนี้จะยังนึกชื่อไม่ออก แต่ก็ตระหนักได้ว่านี่น่าจะเป็นสหายร่วมรบของพ่อแท้ๆ ของหู่จือเมื่อก่อน

เป็นไปไม่ได้ที่คนแปลกหน้าจะมองหล่อนด้วยสายตาแบบนี้

จะมีก็แต่สหายร่วมรบของพ่อแท้ๆ ของหู่จือเท่านั้นที่จะมองหล่อนด้วยสายตาที่แทบจะกินหล่อนทั้งเป็นแบบนี้

“เข้ามาข้างในก่อนเถอะ” เฉินเจียเหอเห็นจางเหมยก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พร้อมหลีกทางให้

“อืม”

เฉินเจียเหอมองหล่อนแล้วกล่าวเตือนว่า “ผมหวังว่าคุณจะเคารพข้อตกลงของเรา พูดจาให้ดีต่อหน้าลูก ไม่งั้นภายภาคหน้าคุณจะไม่มีโอกาสเจอลูกอีกแล้ว หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

จางเหมยได้ฟังคำพูดของเฉินเจียเหอแล้วก็มีแววหม่นหมองวูบหนึ่งในดวงตา ตอบรับว่า “ฉันรู้ค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไร”

พอเห็นว่าจางเหมยยังพอจะให้ความร่วมมือ แล้วผู้หญิงตรงหน้าก็น่าสงสารจริงๆ ฟางจิ้นเปาซึ่งเป็นผู้ชายตัวโตก็ไม่อยากจะด่าว่าซ้ำเติม เพราะจะดูเหมือนการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า

ฟางจิ้นเปาจึงไม่พูดอะไร เดินตามเฉินเจียเหอและจางเหมยเข้าไปในห้องโถง

สิ่งที่จางเหมยไม่คาดคิดก็คือ ในห้องยังมีสหายร่วมรบของพ่อหู่จืออีกหลายคนนั่งอยู่

สายตาที่พวกเขามองมาล้วนไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

หล่อนเคยเจอเซี่ยไห่กับถังจวิ้นเฟิงแล้ว ส่วนหนุ่มน้อยที่นั่งข้างๆ เซี่ยไห่ต่อให้หล่อนจะจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ก็พอจะจำหน้าได้

จางเหมยมองผู้ชายหลายคนที่จ้องมาทางตนพร้อมกัน หัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่พ่อของหู่จือเสียชีวิต พวกเขาก็เคยยืนทำความเคารพตรงหน้าหล่อนและบอกว่าในภายภาคหน้าจะดูแลหล่อนและลูก

หล่อนยังจำพวกเขาในตอนนั้นได้ดี ว่าพวกเขาจริงใจขนาดไหน

หล่อนคิดว่าถ้าเมื่อก่อนตนไม่ทิ้งลูกแล้วแต่งงานใหม่ บรรดาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าในวันนี้คงจะยังเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้ด้วยความสนิทสนม

แต่ตอนนี้พวกเขากลับมองหล่อนด้วยสายตาเย็นชาและระแวดระวัง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตัวหล่อนเอง

สุดท้ายก็เป็นหลินเซี่ยที่ทำลายความเงียบ เธอเดินไปหาจางเหมยแล้วพูดว่า “พี่จาง คุณมาแล้วเหรอ เชิญนั่งก่อนค่ะ”

หลินเซี่ยจับมือหู่จือแล้วบอกให้เขาทักทายผู้ใหญ่

หู่จือพูดเสียงใสอย่างมีมารยาทว่า “สวัสดีครับป้าจาง”

จางเหมยที่ได้สติกลับมา นัยน์ตาอ่อนโยนมองไปที่หู่จือ “สวัสดีจ้ะ”

หล่อนรีบยื่นถุงใบเล็กให้หู่จือ “ป้ารู้มาว่าหู่จือใกล้เปิดเทอมแล้ว เลยซื้อกระเป๋านักเรียนใหม่มาให้”

หู่จือทำเพียงมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้รับถุงที่จางเหมยยื่นมาให้ เพราะเขากำลังรอคำอนุญาตจากเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยอยู่

หลินเซี่ยกล่าว “หู่จือรับไว้เถอะ ขอบคุณป้าจางสิ”

“ขอบคุณครับ”

หู่จือรับถุงจากจางเหมยมาแล้วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ

เด็กคนนั้นมารยาทดีมาก แต่ก็ดูห่างเหิน ทันทีที่รับของเสร็จ เขาก็รีบจับมือของหลินเซี่ย พลางเอาตัวแนบอยู่ข้างหลินเซี่ย แลดูสนิทสนมกันมาก

“เชิญนั่งค่ะ”

จางเหมยทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา เวลานี้ใช้คำว่า อยู่ไม่สุข ก็คงจะไม่เกินจริง

“หู่จือมานั่งสิ” หลินเซี่ยดึงหู่จือมานั่งที่โซฟาด้วยกัน

จางเหมยมองหู่จือไม่วางตา เมื่อถูกคนแปลกหน้ามองแบบนี้ หู่จือจึงเกร็งเล็กน้อย ทำตัวลีบติดกับหลินเซี่ยไม่ยอมไปไหน

หลินเซี่ยพูดว่าร้อนพร้อมกับหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะให้หู่จือนั่งตรงกลางระหว่างเธอกับจางเหมย

จางเหมยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะหยิบธนบัตรยับๆ สองใบออกมาส่งให้หู่จือ “หนู นี่เป็นค่าขนมปีใหม่ ป้าให้หนูนะ ป้าให้ช้าไปหน่อย รับไปเถอะนะ”

หู่จือปัดมือเล็กๆ ปฏิเสธ “ขอบคุณครับคุณป้า ไม่เป็นไรครับ ปีใหม่ผ่านมาแล้ว”

หู่จือเห็นน้าคนนี้แต่งตัวเรียบง่าย ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีฐานะ เขาจึงไม่อยากรับเงินของหล่อน

เขาเป็นเด็กฉลาดและใจดี แม้จะยังเด็กแต่ก็รู้จักสังเกตสีหน้าคนอื่น

เขาสังเกตเห็นได้ว่า แม้ “ป้าคนนี้” จะอยากให้เงินของขวัญปีใหม่กับเขาก็ตาม แต่ฐานะของหล่อนคงจะไม่ได้ร่ำรวย

จางเหมยเห็นว่าหู่จือไม่รับเงินก็จุกที่อก เสียงสั่นเครือ พยายามยัดเงินให้กับหู่จือ “รับไปเถอะ เด็กน้อย เธอต้องรับไป”

หลินเซี่ยสังเกตเห็นมือหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยรอยด้านนั้นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

สองสามปีก่อนที่เธอกลับไปชนบท เธอได้พบกับหลิวกุ้ยอิงเป็นครั้งแรก มือของหล่อนก็มีสภาพเช่นนี้

ในฐานะลูกคนหนึ่ง ถ้าหู่จือได้รู้ว่าหล่อนคนนั้นคือแม่ที่แท้จริงของเขา ความรู้สึกของเขาคงเหมือนตอนที่เธอได้รับรู้อะไรในตอนนั้น

หลินเซี่ยจึงเข้าไปห้ามจางเหมยอย่างสุภาพ “พี่จาง อย่าให้เงินเลยค่ะ หู่จือยังเด็ก เอาไปแล้วก็คงไม่รู้จะใช้กับอะไร คุณให้กระเป๋านักเรียนเป็นของขวัญไปแล้ว เงินนั้นคุณก็เก็บไว้ใช้เองเถอะค่ะ”

เห็นหู่จือไม่รับเงินของหล่อน จางเหมยที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่จึงร้องไห้ออกมา

หล่อนสะอื้นพลางเช็ดน้ำตา ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น

เมื่ออารมณ์ของจางเหมยปะทุขึ้น ทุกคนก็ตกใจ

หลินเซี่ยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งหู่จือว่า “หู่จือ รับไว้เถอะ”

หู่จือรับเงินจากมือของจางเหมยด้วยความงุนงง มองหล่อนที่ร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ

ขณะเดียวกันเมื่อถูกหญิงสาวแปลกหน้าจ้องมองอยู่อย่างนั้น เขาจึงรู้สึกประหม่า

เขาไม่รู้ว่าทำไม “ป้า” คนนี้ถึงได้ร้องไห้บ่อยนัก คราวก่อนที่หล่อนมาที่บ้านเขาก็รู้สึกว่าหล่อนร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

เขายังรู้สึกแปลกใจอยู่ ว่าเหตุใด “ป้า” คนนี้ถึงได้จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา

หลินเซี่ยไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับจางเหมยดี พวกเซี่ยไห่ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก บรรยากาศภายในห้องพลันดูอึมครึม

จางเหมยหยุดร้องไห้แล้ว แต่เมื่อมองไปที่หู่จือ หล่อนก็อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้

เมื่อมองไปที่ท่าทางและสีหน้าที่พยายามเก็บอาการของจางเหมย เซี่ยไห่ก็อดทนไม่ได้อีกต่อไป “พี่สาวจาง ยังปีใหม่อยู่เลยคุณจะร้องไห้ทำไม เริ่มน่ารำคาญแล้วนะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อย่าให้หลุดมาว่าเป็นแม่แท้ๆ เชียว ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลุ้นหวยอีกตอนนี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Score 10
Status: Completed
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? รายละเอียด ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 ผู้แต่ง:兜兜缺钱 เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

Options

not work with dark mode
Reset