ตอนที่ 556 กลายเป็นลูกเขยคนอื่น
ตอนที่ 556 กลายเป็นลูกเขยคนอื่น
เฉินเจียซิ่งติดตามเฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ ออกไปที่ประตู
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ช่วยผมพูดเกลี้ยกล่อมกับพ่อให้ดี ๆ ทีเถอะ ปล่อยให้หงเสียกับผมแต่งงานกันแต่โดยดี ฤกษ์ยามทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้ว แค่แกล้งทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น อย่าให้คนอื่นรู้ ไม่งั้นผมคงจบสิ้นกันแน่ ๆ”
หลินเซี่ยนึกถึงสีหน้าแปลก ๆ ของทุกคนตอนที่เธอเข้าไปในร้านอาหารตอนเช้า รวมถึงบรรยากาศที่เยือกแข็งในเวลานั้น จากนั้นเธอก็พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
เกรงว่าตระกูลเฉินอาจไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่รู้เรื่องนี้อีกต่อไป
เฉินเจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เอาเถอะ ถึงยังไงนายก็เสียหน้าย่อยยับไปแล้วนี่? ยังไงความคิดเห็นของคนอื่นไม่สำคัญ ตราบใดที่หงเสียยังเชื่อมั่นในตัวนายก็พอแล้ว”
“ครับ”
เฉินเจียซิ่งยืนอยู่ที่ประตูบ้านพักทหาร มองดูร่างของพี่ชายและพี่สะใภ้ที่เดินห่างออกไปอยู่ใต้เสาไฟริมถนน ก่อนจะถอนหายใจอย่างเศร้าโศก
เฉินเจิ้นเจียงบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้เฉินเจียซิ่งแต่งงาน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะล้มเลิกการแต่งงานจริง ๆ
หลังจากที่เฉินเจียซิ่งกลับมาทำงาน หยางหงเสียก็อารมณ์ดี เพราะครอบครัวของหล่อนไม่เรียกร้องสินสอดเพิ่มเติมอีกต่อไป แถมยังสัญญาว่าจะมอบสินเดิมให้หล่อน รวมถึงซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่
แต่อารมณ์ของเฉินเจียซิงกลับจมดิ่งอยู่เสมอ
หลังจากเลิกงาน หยางหงเสียถามอย่างกังวลว่า “เจียซิ่ง ทำไมวันนี้ถึงดูอารมณ์ไม่ดีเลยล่ะ? มีอะไรในใจหรือเปล่า?”
เฉินเจียซิ่งคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจสารภาพเรื่องนี้กับหยางหงเสีย
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ บางทีหยางหงเสียอาจจะเข้าใจและให้อภัยเขาได้
แต่ถ้าหล่อนไม่ให้อภัยจริง ๆ เขาจะขอให้หล่อนยกโทษให้อย่างจริงใจ
ไม่สามารถแต่งงานกับหล่อนด้วยการหลอกลวง
“อยู่ในสถานกักกัน”
“ทำไมหล่อนถึงใจกล้าขนาดนี้? ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ลงได้ยังไง? หรือว่ามีคนสมรู้ร่วมคิด?” หยางหงเสียไม่สามารถจินตนาการได้เลย ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะกล้าทำให้ผู้ชายพลาดท่าเสียที อุ้มเข้าห้องโรงแรม แล้วใช้กรรไกรตัดของสงวนของเขา
ตัวหล่อนเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่หล่อนไม่อาจจินตนาการได้
“คุณกับพี่สะใภ้คิดเรื่องนี้เหมือนกันไม่มีผิด อย่างที่คิดไว้เลย คุณเป็นผู้หญิงที่ช่างคิดช่างไตร่ตรองดีมาก”
เฉินเจียซิ่งพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่เจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ขอให้พวกเขาตามสืบว่า เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังสมรู้ร่วมคิดอยู่กับใคร ลำพังหล่อนไม่มีความสามารถในการวางแผนขนาดนั้นหรอก และถ้าพวกเขาวางแผนทำผิดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ผมจะฟ้องให้ยับ จับพวกนั้นเข้าคุกกันให้หมด”
เฉินเจียซิ่งมองหยางหงเสียอย่างเป็นกังวล ถามอย่างระมัดระวังว่า “หงเสีย คุณช่วยยกโทษให้ผมได้ไหม”
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณโดนหล่อนหลอกเอา จากนี้ไประวังตัวให้มากขึ้นแล้วกันนะคะ”
หยางหงเสียมีน้ำใจมาก และเชื่อใจเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข จนเฉินเจียซิ่งฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จับมือเธอขึ้นมาแล้วกดริมฝีปากจูบหลังมือของหล่อนเบา ๆ หยางหงเสียดึงมือออกอย่างเขินอาย
“ทำไมต้องเขินด้วยล่ะ? อีกไม่นานคุณก็จะกลายเป็นภรรยาผมแล้วนะ”
ด้วยกลัวเพื่อนร่วมงานของเธอจะเห็น หยางหงเสียมองไปรอบ ๆ หน้าแดงก่ำพลางพึมพำ “อย่าพูดไปสิคะ”
“แล้วคุณไม่ใช่ภรรยาของผมตรงไหน?” เฉินเจียซิ่งเดินเข้าไปใกล้หล่อน และกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “หรือคุณไม่อยากเป็นเมียผม?”
“น่าเกลียด” หัวใจของหยางหงเสียเต้นแรง หล่อนผลักเขาออกแล้วเดินหนีไป
เฉินเจียซิ่งไปที่สถานีตำรวจเพื่อรายงานสถานการณ์ รู้สึกลึก ๆ ว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้ก่ออาชญากรรมเพียงลำพังอย่างแน่นอน หล่อนต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่อย่างนั้นหล่อนคนเดียวไม่มีทางพาตัวเขาไปที่ห้องพักในโรงแรมได้อย่างราบรื่น
ที่สำคัญ คือยาที่เสิ่นเสี่ยวเหมยใช้มาจากไหน?
นี่คือสิ่งที่เขาต้องรู้ให้ได้
ตำรวจบอกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยยืนยันว่าหล่อนไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด
หล่อนแค่ขอความช่วยเหลือจากพนักงานเสิร์ฟ โดยการโกหกว่าเฉินเจียซิ่งเป็นสามีของเธอ
และยังบอกด้วยว่าหล่อนไม่ได้วางยาใด ๆ ทั้งสิ้น เฉินเจียซิ่งแค่เมาแล้วฟุบหลับไปเอง
ที่หยิบกรรไกรไว้ในมือก็เพื่อป้องกันตัว
เฉินเจียซิ่งรับรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตอนนี้เขาต้องเอาเวลาไปใส่ใจกับการเตรียมงานแต่ง ไม่มีเวลาหรือพลังงานเพียงพอที่จะติดตามเรื่องดังกล่าว
ในที่สุดเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ถูกตัดสินควบคุมตัวเป็นเวลาครึ่งเดือนในข้อหารบกวนความสงบเรียบร้อยของประชาชน
งานแต่งงานของเฉินเจียซิ่งกำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ตระกูลเฉินจองห้องอาหารในโรงแรมเพื่อจัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ
หลินเซี่ยพาหยางหงเสียไปเลือกชุดและเครื่องสำอางที่หล่อนชอบเมื่อไม่กี่วันก่อน
ทางด้านเฉินเจียวั่งก็มีความกังวลมากเช่นกันในช่วงนี้
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจไปที่วิทยาลัยศิลปะไห่เฉิงที่เจียงอวี่เฟยกำลังศึกษาอยู่
เมื่อเจียงอวี่เฟยเห็นเขา หล่อนก็ตกตะลึงมาก ดวงดาวเจิดจ้าพราวพร่างในดวงตาของหล่อน วิ่งไปหาเขาทันที
“เฉินเจียวั่ง มาได้ยังไง?”
“ผ่านมาพอดี” เฉินเจียวั่งมองดูหญิงสาวที่แสนสดใส สวยสง่า และสูงโปร่งตรงหน้า รู้สึกว่านับวันหล่อนยิ่งดูผุดผ่องสว่างจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
“งั้นให้ฉันเลี้ยงข้าวมื้อเย็นให้นายนะ” เจียงอวี่เฟยพูด “มาเถอะ ไปร้านอาหารข้างหน้ากัน เข้าไปกินข้าวและค่อย ๆ คุยกันดีกว่า”
หลังจากเข้าไปในร้านอาหารแล้ว เฉินเจียวั่งบอกว่าเขาอยากเป็นเจ้าภาพ ขอให้เจียงอวี่เฟยสั่งอาหารตามใจ
เจียงอวี่เฟยสั่งบะหมี่ซุปใสแค่หนึ่งชามเท่านั้น
บอกว่าหล่อนต้องควบคุมอาหาร
“ช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับอะไร? ฉันไม่ค่อยได้เจอเธอเลย” เฉินเจียวั่งถามอย่างสบาย ๆ
เจียงอวี่เฟยตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น “ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมาก บริษัทของอาเซี่ยอวี่ติดต่อขอเซ็นสัญญากับฉัน รู้ไหม พี่ลินดาจะรับดูแลฉันเป็นการส่วนตัวด้วยนะ พวกเขาจะรับผิดชอบจัดหางานแสดงให้ฉันในอนาคต ตอนนี้ฉันสามารถตั้งใจเรียนให้เรียนจบได้อย่างสบายใจแล้ว”
“ยินดีด้วย” เฉินเจียวั่งแสดงความยินดีกับหล่อนอย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะ”
“วันนี้นายมาเจอฉันเพราะมีอะไรพิเศษหรือเปล่า?” เจียงอวี่เฟยมองไปที่เฉินเจียวั่งที่ดูกังวลแปลก ๆ พร้อมถามด้วยรอยยิ้ม
เฉินเจียวั่งอยากจะบอกออกออกไปว่ามี แต่เมื่อเขามองไปที่หญิงสาวผู้โดดเด่นที่อยู่ตรงหน้าเขา ความรู้สึกต่ำต้อยก็แล่นเข้ามาในหัวใจ
เจียงอวี่เฟยเห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าลง มืดมนเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบ ลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง หล่อนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกมาตรง ๆ เถอะ เราจะได้ช่วยเหลือกันและกันไง”
เฉินเจียวั่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดหยั่งเชิงอ้อม ๆ “ฉันอยากได้ความช่วยเหลือจากเธอในเรื่องบางอย่าง”
“พูดมาสิ ฉันทำได้ และฉันจะทำอย่างแน่นอน” เจียงอวี่เฟยเหมือนเป็นหญิงสาวผู้ภักดี เห็นด้วยกับคำขอที่เขายังไม่ทันได้บอกด้วยซ้ำ
หล่อนรู้แค่ว่าตราบใดที่เขาต้องขอความช่วยเหลือจากตน หล่อนยินดีทำทั้งนั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของเจียงอวี่เฟย เฉินเจียวั่งพยายามดิ้นรนต่อสู้ในจิตใจ แต่ภายในไม่กี่วินาทีก็พูดคำขอของเขาออกมา “ฉันอยากเชิญเธอไปร่วมงานแต่งพี่รองของฉันน่ะ”
“หา?” เจียงอวี่เฟยไม่คิดว่าเฉินเจียวั่งจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
ยังไงก็ตาม นับว่าเขากล้ามากที่มาหาหล่อนและบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เจียงอวี่เฟยดูเศร้าโศก พูดอย่างเชื่องช้า
“แต่ฉันไม่สนิทกับพี่ชายคนรองของนาย ฉันควรไปร่วมงานแต่งของเขาด้วยเหรอ?”
“เธอสนิทกับฉัน ฉันขอเชิญเธอไปในฐานะผู้ติดตาม” เฉินเจียวั่งตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ดวงตาของเจียงอวี่เฟยขยับไหวเล็กน้อย ถามต่อด้วยรอยยิ้ม “แล้วฉันควรจะไปในฐานะไหนล่ะ?”
เมื่อเผชิญกับการจ้องมองของเจียงอวี่เฟย เฉินเจียวั่งก็กลืนน้ำลาย สูญเสียรูปลักษณ์ที่เย็นชาและไว้เชิงตามปกติ รวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นไปได้ เธอช่วยแกล้งทำเป็นแฟนของฉัน แล้วไปร่วมงานแต่งของพี่รองกับฉันที แต่ไม่ต้องคิดมาก ถ้ามันสร้างปัญหาให้เธอ แค่ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันเฉย ๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกัน”
“แกล้งเป็นแฟนเหรอ?” ดวงตากลมโตของเจียงอวี่เฟยกะพริบปริบ ดูเหมือนหล่อนไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของเขาเลย แค่มองเขาด้วยรอยยิ้มเพื่อขอคำยืนยัน
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียวั่งเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เขินอายเกินกว่าจะสบตาเธอ เขาก้มหน้าลงและอธิบายอย่างลำบากใจ “คืออย่างนี้ อาสะใภ้รองของฉันยืนกรานที่จะแนะนำญาติและหลานสาวของหล่อนให้ฉันรู้จัก แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันก็เลยโกหกไปว่าตัวเองมีแฟนแล้ว หลังจากนั้นหล่อนก็เอาแต่รบเร้าให้ฉันพาแฟนไปให้เห็นหน้าค่าตาทุกวัน ถ้าหล่อนรู้ว่าฉันโกหก หล่อนอาจจะยัดเยียดญาติของหล่อนให้ฉันก็ได้…”
“สรุปคือนายอยากให้ฉันไปเป็นไม้กันหมา?” เจียงอวี่เฟยเลิกคิ้ว มองเขาด้วยรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ
นี่มันวิธีเดียวกันกับที่ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนใช้เพื่อตัดปัญหาให้อาเซี่ยอวี่เลยนี่?
เมื่อเจียงอวี่เฟยคิดถึงความรักอันแสนหวานระหว่างลูกพี่ลูกน้องของตนกับเซี่ยอวี่ หัวใจของหล่อนก็หวานชื่นขึ้นมา
อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงความอ่อนหวานและความเสน่หาเหมือนกับพวกเขาในอนาคต…
เฉินเจียวั่งรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นหล่อนทำหน้าแบบนั้น เขากระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดต่อ
“ถ้าเธอลำบากใจที่จะทำ ก็ลืมมันไปซะ”
เจียงอวี่เฟยกอดอกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้านายแสดงความจริงใจให้มากกว่านี้หน่อย ฉันอาจจะยอมช่วยนายก็ได้”
เฉินเจียวั่งกระแอมในลำคอ นั่งตัวตรง มองหน้าหล่อน แล้วพูดด้วยความจริงใจว่า “คุณเจียงครับ ช่วยมาเป็นแฟนผมสักวันได้ไหม คิดเสียว่าช่วยผมจัดการกับปัญหาที่รับมือได้ยากลำบากของญาติ ๆ ที่บ้าน”
เมื่อเห็นว่าเจียงอวี่เฟยยังคงเฉยเมย เขาจึงพูดต่ออย่างน่าสงสาร “ถ้าเธอไม่เต็มใจที่จะช่วยฉัน อาสะใภ้รองคงจับคู่ให้ฉันกับลูกพี่ลูกน้องของหล่อนในฐานะลูกเขยบ้านนั้นแน่”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเจียวั่งพูด สีหน้าของเจียงอวี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นกระสับกระส่าย ไม่สนใจว่าเขาจะจริงใจหรือไม่อีกต่อไป โพล่งออกมาอย่างเร่งรีบ “ฉันจะช่วยนะ”
ถ้าหล่อนยังมัวแต่เล่นตัว เฉินเจียวั่งอาจจะกลายเป็นลูกเขยของคนอื่นได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยัยถังขยะหรือเปล่านะที่เป็นคนคิดแผนนี้ แผนชั่วๆ แบบนี้ลำพังยัยเหมยเน่าคงคิดไม่ได้หรอก
ขอความช่วยเหลือเป็นแฟนหลอกๆ สำเร็จแล้ว ก็รอวันที่จะกลายเป็นแฟนกันจริงๆ นะ
ไหหม่า(海馬)