ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 531 คุณรังเกียจที่ผมแก่แล้ว

ตอนที่ 531 คุณรังเกียจที่ผมแก่แล้ว

ตอนที่ 531 คุณรังเกียจที่ผมแก่แล้ว

ตอนที่ 531 คุณรังเกียจที่ผมแก่แล้ว

ในเวลาเที่ยงคืน เฉินเจียเหอก็กลับมาพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้ง

ทว่าเมื่อเขาเปิดไฟและได้เห็นผู้หญิงคนนั้นนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียง เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและโกรธมากขึ้นไปอีก

เขาจึงล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอด้วยความโมโห ก่อนจะจงใจฮัมเพลงจนปลุกผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างได้สำเร็จ

หลินเซี่ยได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูก จึงค่อยๆ ตื่นจากหลับไหล

เธอผลักเขาแล้วถามว่า “คุณดื่มมาเหรอ?”

“ทำไมเหรอ? ผมอารมณ์ไม่ดีจะดื่มสักแก้วสองแก้วไม่ได้เหรอ?” น้ำเสียงของเฉินเจียเหอเต็มไปด้วยความคับข้องใจ ขณะมองเธอด้วยสายตารอคอยการงอนง้ออย่างชัดเจน

หลินเซี่ยถูกปลุกจากความฝันอันแสนหวาน ทำให้เธอหงุดหงิดจนถีบเขาอีกครั้ง “คุณจะนอนก็นอนไปเลยไม่ได้เหรอ? ไปอารมณ์เสียมาจากไหน?”

คราวนี้เฉินเจียเหอคอยระวังไว้แล้ว เขาจึงจับเท้าของเธอไว้ทันทีและไม่ถูกถีบตกเตียง แต่กลายเป็นหลินเซี่ยที่ถูกเขากักขังไว้ข้างใต้แทน

เขาจับเท้าของเธอพลางมองเธอด้วยความเสียใจ “คุณจะใจร้ายกับผมจริงเหรอ?”

“คุณรังเกียจผม แล้วผมจะใช้ชีวิตอยู่ต่อได้ยังไง?”

“เฉินเจียเหอ คุณเก่งในการหาเรื่องกลับจริงๆ อย่ามาทำตัวเหมือนคนขี้เมากับฉัน เพราะฉันไม่ชอบการกระทำแบบนี้ เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน แต่คุณก็เผยธาตุแท้ออกมาซะแล้ว ถึงได้หาข้ออ้างที่จะออกไปข้างนอกและเมาแอ๋กลับมา คุณอย่าได้ทำแบบนี้อีกนะ เพราะฉันจะกลับไปบ้านพ่อแม่ทันที”

หลินเซี่ยตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเตียง

และเธอยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เฉินเจียเหอโกรธมากขนาดนี้

เธอใจร้ายกับเขาเมื่อไร ไปแสดงออกว่ารังเกียจเขาตอนไหน?

เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่เสแสร้งขนาดนี้มาก่อน

หลินเซี่ยอยากจะลุกขึ้นก็จริง แต่เฉินเจียเหอดึงเธอกลับมาที่เตียงอีกครั้ง

เมื่อเขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ตระหนักถึงความผิดของตนเท่านั้น มิหนำซ้ำเธอยังโกรธเขามากด้วย เขาจึงถอนหายใจแบบหมดหนทาง เพราะดูเหมือนว่าเธอไม่มีทางตระหนักถึงความผิดพลาดของตนได้เลย

เขาจึงทำได้เพียงเตือนด้วยความโกรธ

“คุณไม่ได้รังเกียจผมเหรอ? แล้วคุณรู้ไหมว่าผมใส่ใจเรื่องไหนมากที่สุด?”

“คุณเรียกผมว่าไอ้เฒ่าหัวงู” เขากัดฟันแล้วพูดออกมา

หลินเซี่ย “…”

เธอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น

เพียงเพราะคำเดียวของเธอนี้ ทำให้เขาหนีออกจากบ้านจนเมามายเลยหรือ?

เมื่อเธอสบเข้ากับสายตาสับสนเจือคำตำหนิของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเขาน่ารักขึ้นมานิดๆ

เธอแสร้งทำเป็นฉงนแล้วตอบด้วยสีหน้าซื่อตรงว่า “ฉันผิดเพราะเรียกคุณว่าหัวงูเหรอ? ดูไม่ยุติธรรมเลยนะคะ”

เฉินเจียเหอแก้ไขด้วยความจริงจังมาก “คุณด่าผมด้วยสามคำนั้นต่างหาก คุณรังเกียจที่ผมแก่แล้ว นี่คือประเด็นสำคัญ”

หลินเซี่ย “!!!”

คำว่า ‘แก่’ ที่เธอพูดโดยไม่ได้ตั้งใจมันทำให้เขากังวลอย่างนั้นเหรอ?

เฉินเจียเหอจับมือเธอ จ้องมองเธอและยังกล่าวหาต่อไปว่า “ผมโกรธจึงออกไปข้างนอก แต่คุณไม่ได้ออกไปตามหาผมเลย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณโกรธแล้วหนีออกไป ผมจะไล่ตามคุณไปในวินาทีนั้นเลย และนี่คือความแตกต่างระหว่างรักกับไม่รัก”

หลินเซี่ยพูดว่า “ฉันออกไปตามหาคุณแล้ว แต่คุณไม่อยู่ที่นั่นเอง”

เฉินเจียเหอพูดเสียงเย็นชา “อย่าโกหกเลย เพราะผมรออยู่ที่ประตูตั้งนาน แต่คุณก็ไม่ออกมาเลย”

หลินเซี่ย “…”

รออยู่ที่ประตูตั้งนานอย่างนั้นหรือ?

นี่คือบุคคลที่เป็นหัวหน้าครอบครัวใช่ไหม?

แม้แต่คุณหนูใหญ่ที่แสนจะเอาแต่ใจก็ทำแบบเขาไม่ได้

ทว่าเมื่อหลินเซี่ยได้เห็นสายตาเจ็บปวดของเขา จึงรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง

เพราะหลังจากที่เขาหนีไป เธอกลับรู้สึกสงบและไม่ได้คิดที่จะสื่อสารหรือเกลี้ยกล่อมเขาด้วยซ้ำ

เธอกระแอมไอเบาๆ พลางยกมือเกาหลังคอแล้วอธิบายว่า “ฉันกำลังคิดเรื่องงานอยู่ และนึกว่าคุณอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่พอออกมาก็เห็นว่าคุณไม่อยู่ที่นั่น ฉันจึงคลำทางลงบันไดอันมืดมิดเพื่อไปตามหาคุณจนเกือบล้ม แต่คุณยังกล้ากล่าวหาฉันอีกเหรอ เลิกอารมณ์เสียได้แล้วนะ โชคดีที่ฉันไม่ตกบันได ถ้าฉันขาหักเพราะไปตามหาคุณแล้วคุณจะดีใจเหรอ? เกรงว่าพรุ่งนี้พ่อกับอารองของฉันจะมาตามหักขาคุณทิ้งน่ะสิ”

“คุณลงไปข้างล่างจริงๆ เหรอ? แล้วปลอดภัยดีไหม? ล้มตรงไหน?” เฉินเจียเหอกลัวมากจนใช้มือคลำไปที่ขาของหลินเซี่ย

หลินเซี่ยดึงขากลับมาด้วยความโกรธ เธอพูดว่า “ลุงหนิวบอกว่าลุงหลี่จะไปรับภรรยาตอนบ่ายวันพรุ่งนี้และเลี้ยงอาหารพวกเราทุกคน ถ้าฉันไม่ลงไป แล้วฉันจะรู้เรื่องนี้ไหมล่ะ?”

เมื่อเฉินเจียเหอได้ฟังคำพูดของหลินเซี่ย ทันใดนั้นความคับข้องใจก็กลายเป็นความรู้สึกผิดแทนที่

“ขอโทษนะ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรออกไปข้างนอกเลย”

หลินเซี่ยเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะสนใจเขา

“แต่คุณก็ผิดเหมือนกันนะ”

เฉินเจียเหอลูบหลังของเธอพลางเรียกร้องด้วยความไม่มั่นใจว่า “คุณถอนคำพูดทำร้ายจิตใจคืนไปเลยนะ”

“ได้สิ คุณไม่แก่ แต่คุณแค่หื่นเท่านั้น”

“ผิดแล้ว เพราะผมหื่นแค่กับคุณคนเดียว”

หลินเซี่ยพูดประชดด้วยความหมั่นไส้ “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเหลือเกินค่ะ”

ความซึมเศร้าภายในอกของเฉินเจียเหอหายไป และเขาเริ่มกอดเธอจากทางด้านหลังพลางคลำไปทั่ว

หลินเซี่ยรู้สึกอึดอัดจากการสัมผัสของเขา และกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกก็ทำให้เธอทนไม่ไหว เธอจึงผลักเขาออกและพยายามดิ้นหนีจากการสัมผัสของเขา “หยุดมือได้แล้ว ตัวคุณมีกลิ่นแรงมาก ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่าฉันดมกลิ่นนี้ไม่ได้ แต่คุณก็ยังจะดื่ม คุณตั้งใจทำใช่ไหม? งั้นพรุ่งนี้ฉันจะบอกคุณย่ากับพ่อแม่ของฉัน รับรองว่าพวกท่านคงไม่ยอมให้เราจัดงานแต่งเด็ดขาด”

“เราอยู่ร่วมบ้านเดียวกันนานเกือบปีแล้ว พวกท่านจะยอมให้เราเลิกกันเหรอ?” เฉินเจียเหอมั่นใจมาก เพราะนอกจากเหตุผลนี้ ทั้งแม่เฒ่าและพ่อตาก็ชอบเขามากด้วย

หลินเซี่ยมองท่าทางมั่นใจของเฉินเจียเหอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เฉินเจียเหอ คุณไม่รู้จักคำว่าหย่าร้างหรือไง? ถ้าคุณไม่รู้จัก ก็เรียนรู้จากเฉินเจียซิ่งได้นะ”

เฉินเจียเหอตกใจมากจนเกือบจะสร่างเมา

เขาลุกขึ้นนั่งแล้วมองผู้หญิงบนเตียง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเดือดดาลว่า “สหายหลินเซี่ย ปากของคุณนี่วอนหาเรื่องเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ? คุณคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้ใช่ไหม?”

หลินเซี่ยแค่ปรายตามองเขาพลางเย้ยหยัน “ทำไม? คุณจะหนีออกจากบ้านอีกแล้วเหรอ?”

“ผมไม่กล้าหรอก”

เฉินเจียเหอไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมาจริงๆ เพราะเขากลัวว่าภรรยาจะหยอกแรงอีก

“ผมผิดไปแล้ว”

เฉินเจียเหอยอมรับความผิดของตน และกระตุ้นให้หลินเซี่ยแก้ไขด้วย “แต่นับจากนี้ไป คุณต้องหุบปากไว้ด้วย ตกลงไหม? ห้ามพูดเหลวไหลอีก เพราะหัวใจของผมทนไม่ไหว เมื่อร้อนรนง่ายแล้วจะหุนหันพลันแล่นแบบนี้แหละ”

หลินเซี่ยพูดว่า “มันขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณเอง”

“ผมจะทำตัวดีแน่นอน”

“ถ้าเช่นนั้นคุณก็นอนซะ และอยู่ให้ห่างจากฉันด้วย เพราะฉันไม่อยากได้กลิ่นเหม็นจากตัวคุณ” หลินเซี่ยขยับตัวออกด้วยความรังเกียจและดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอง

“ผมจะออกไปนอนที่โซฟา”

หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ เขาก็ลุกจากเตียงแล้วหยิบหมอนด้วยท่าทางโงนเงน

หลินเซี่ย “…”

เธอไม่ได้หมายความว่าแบบนี้เสียหน่อย

เช้าวันรุ่งขึ้น หู่จือตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกไปปัสสาวะและได้เห็นมือเท้ายาวๆ ของเฉินเจียเหอพาดอยู่บนโซฟาที่คับแคบโดยไม่มีผ้าห่มด้วย เขาจึงวิ่งกลับเข้าห้อง เพื่อหยิบผ้าห่มผืนเล็กออกมาช่วยคลุมร่างกายให้เฉินเจียเหอด้วยความกตัญญู

เมื่อเขาปัสสาวะเสร็จแล้วจึงกลับเข้าห้อง

แม้เฉินเจียเหอจะดื่มเหล้าและนอนดึก แต่นาฬิกาชีวภาพของเขายังตรงเวลามาก และเขาก็ตื่นนอนตรงเวลา 6.30 น.ได้ตามปกติ

เขากลัวว่าเช้านี้หลินเซี่ยจะรู้สึกไม่สบายอีก จึงเลือกทำซุปไข่ให้เธอ

ในขณะที่เขาไปส่งหู่จือที่โรงเรียน หู่จือก็เงยหน้าขึ้นมองเฉินเจียเหอหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ลังเลที่จะพูดออกมา

เฉินเจียเหอตระหนักได้ว่าหู่จือมีเรื่องจะพูด เขาจึงพูดว่า “เจ้าตัวแสบ อยากพูดก็พูดมาเถอะ”

หู่จือจับสายกระเป๋าเป้นักเรียนด้วยมือทั้งสองข้างพลางเงยหน้ามองเฉินเจียเหอแล้วพูดด้วยความเฉียบขาดว่า “พ่อครับ ถ้าคราวหลังแม่ไล่พ่อออกมาอีก พ่อก็มานอนเบียดกับผมในห้องได้นะครับ แต่อย่านอนที่โซฟาแบบนั้นเลย”

มุมปากของเฉินเจียเหอกระตุก และเขารีบอธิบายว่า “แม่ไม่ได้ไล่พ่อออกมานะ แต่เมื่อคืนพ่อดื่มหนัก และกลัวทำให้แม่เหม็นต่างหาก”

“โอ้ ถ้าพ่อดื่มมา ผมก็กลัวเหม็นด้วย ถ้างั้นพ่ออย่ามานอนกับผมนะครับ”

หู่จือพูดด้วยท่าทางรังเกียจและวิ่งหนีไปทันทีโดยมีกระเป๋าเป้นักเรียนอยู่บนหลัง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สงสารใครดีเนี่ย ขี้งอนกับปากแจ๋วกันทั้งคู่เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Score 10
Status: Completed
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ? รายละเอียด ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 ผู้แต่ง:兜兜缺钱 เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

Options

not work with dark mode
Reset