ตอนที่ 713 วางแผน(2)
……….
ตอนที่ 713 วางแผน(2)
“อะไรนะ…?” เซี่ยปิงหรุ่ยมีสีหน้าประหลาดใจสุดขีด แม้แต่ฉินมู่หลานก็อดหันไปมองไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยว่า “ชุนเถา ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นพูดอะไรเลย แล้วที่เธอชวนเรามากินข้าววันนี้ก็เพื่อฉลองเรื่องจดทะเบียนสมรสเหรอ เธอควรบอกพวกเราก่อนนะ พวกเราไม่ได้เตรียมของขวัญมาเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็พยักหน้าตาม “ใช่ พวกเราสองคนมาตัวเปล่า ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”
ทว่าเหมาชุนเถากลับพูดว่า “พวกเธอมาแค่นี้ก็ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ไม่ได้จัดงานฉลองอะไรหรอก แค่อยากจะเลี้ยงข้าวพวกเธอสองคนเท่านั้นน่ะ”
ที่หล่อนได้รู้จักกู้วั่งหลาน ก็เพราะความสัมพันธ์ของฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยล้วน ๆ ดังนั้นในวันที่มีความสุขเช่นวันนี้ หล่อนจึงอยากเชิญทั้งสองคนมาเลี้ยงขอบคุณ ส่วนคนอื่น ๆ ในหอ หล่อนตั้งใจว่าจะเชิญตอนที่จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังรู้สึกไม่ดี จึงถือโอกาสตอนที่ยังไม่ได้กินข้าว รีบออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของขวัญ
เหมาชุนเถาก็รู้สึกเสียดายที่ได้พูดเรื่องจดทะเบียนสมรสไปแล้ว
“ทำไมพวกเธอต้องทำขนาดนี้ล่ะ รู้อย่างนี้ฉันไม่น่าพูดเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยกลับหัวเราะร่า “ชุนเถา เรื่องน่ายินดีแบบนี้พวกเราจะพลาดได้ยังไงกัน ฉันขอให้เธอและกู้วั่งหลานมีความสุข ครองรักกันชั่วนิรันดร์นะ”
“ขอให้พวกเธอทั้งคู่มีแต่ความราบรื่น ปลอดภัย มีแต่ความสุขนะ” ฉินมู่หลานก็กล่าวอวยพรตาม
เหมาชุนเถาฟังแล้วน้ำตาแทบไหล “มู่หลาน ปิงหรุ่ย ขอบคุณพวกเธอมากเลย”
“ขอบคุณอะไรล่ะ ความสัมพันธ์ของพวกเราจะต้องพูดคำขอบคุณด้วยเหรอ”
ตอนนั้นกู้วั่งหลานก็ตะโกนออกมาจากในบ้านว่า “มากินข้าวกันครับ”
เหมาชุนเถาได้ยินดังนั้น ก็รีบเชื้อเชิญฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเข้าไปกินข้าว
เมื่อเห็นอาหารเต็มโต๊ะ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ผู้จัดการกู้ เพิ่งรู้ว่าคุณทำอาหารเก่งขนาดนี้นะคะเนี่ย”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย เธอเองก็ไม่รู้มาก่อนว่ากู้วั่งหลานจะทำอาหารได้
เหมาชุนเถาที่อยู่ข้าง ๆ จึงกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้วั่งหลานทำอาหารไม่เป็นหรอก เขาค่อย ๆ เรียนรู้น่ะ”
เสี่ยวจี๋เสียงรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วครับ ตอนแรกอาหารที่อากู้ทำไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่หลัง ๆ ก็อร่อยขึ้นนะครับ”
“นี่ผู้จัดการกู้ยังตั้งใจเรียนทำอาหารอีกด้วยเนี่ย” เซี่ยปิงหรุ่ยอดแซวไม่ได้ ทั้งแอบรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่รู้ว่ากู้วั่งหลานถึงขั้นยอมเรียนทำอาหารให้ชุนเถา แสดงว่าคนทั้งสองคงจะรักกันมาก
กู้วั่งหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพื่อนของภรรยาเอ่ยแซว
อย่างไรก็ตามเหมาชุนเถาก็ช่วยเบี่ยงประเด็นให้กู้วั่งหลาน “รีบกินข้าวกันเถอะ ลองชิมดูว่าวั่งหลานทำได้ถูกปากไหม”
“ได้เลย กินกันเถอะ”
ฉินมู่หลานก็หัวเราะและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลองชิมแล้วเธอก็ต้องมองกู้วั่งหลานด้วยความประหลาดใจ “นึกไม่ถึงว่าผู้จัดการกู้จะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร รสชาติดีทีเดียวค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวตาม “จริงค่ะ อร่อยจริงๆ”
เหมาชุนเถาเห็นทั้งสองชื่นชอบ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ถ้าชอบก็ดีมากเลย กินเยอะ ๆ นะ”
“ได้สิ”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกินข้าวไปคนละสองถ้วย ก่อนจะวางตะเกียบลง ประการหนึ่งคือพวกเธอหิว ประการที่สองคือกู้วั่งหลานทำอาหารได้อร่อยมากจริง ๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เหมาชุนเถาก็หาโอกาสพูดคุยกับฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างเป็นกันเอง
“มู่หลาน ปิงหรุ่ย ฉันมีเรื่องหนักใจน่ะ”
เห็นเหมาชุนเถาเผยสีหน้าหนักใจ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยจึงอดถามไม่ได้ “เรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันกับวั่งหลานจดทะเบียนกันแล้ว เขาจึงอยากให้ฉันและเสี่ยวจี๋ย้ายไปอยู่กับเขา แต่เรายังไม่ได้จัดงานเลี้ยง ฉะนั้นฉันจึงยังไม่ตกลง อีกอย่างเขายังอยากช่วยฉันใช้หนี้ แต่ฉันก็ยังไม่ตกลง”
ได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็พูดขึ้นทันที “อย่างนั้นก็รอจัดงานเลี้ยงก่อนค่อยย้ายไป ส่วนเรื่องใช้หนี้ เธอควรพูดคุยกับผู้จัดการกู้ให้ดีว่าเธอสะดวกจ่ายเอง”
เซี่ยปิงหรุ่ยเสริมต่อ “จริงด้วย ฉันคิดว่าผู้จัดการกู้คงให้ความสำคัญกับเธอ เธอตัดสินใจยังไงเขาก็น่าจะเคารพความคิดของเธอ”
เหมาชุนเถาก็พยักหน้า “อื้ม ฉันจะหาเวลามาคุยกับเขาอีกที ฉันกลัวจะต้องทะเลาะกับเขาเรื่องนี้”
ฉินมู่หลานอดหัวเราะไม่ได้ “ ผู้จัดการกู้นิสัยดีคงไม่ทะเลาะกับเธอเพราะเรื่องนี้หรอก ฉะนั้นเธอไม่ต้องกังวล ว่าแต่เธอวางแผนจะจัดงานเลี้ยงเมื่อไหร่เหรอ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินก็มองไปที่เหมาชุนเถาด้วยความใคร่รู้เช่นกัน
“ยังไม่ได้กำหนดวัน แต่ก็อาจเร็ว ๆ นี้ น่าจะเป็นเดือนหน้าหรือเดือนถัดไป เมื่อกำหนดวันแล้ว ฉันจะบอกพวกเธออีกที”
“อย่าลืมบอกพวกเรานะ”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยต่างก็เริ่มคิดว่าจะต้องเตรียมเงินใส่ซองแดงเท่าไร
หลังจากเหมาชุนเถาเล่าเรื่องสำคัญของตนเองจบ ก็ถามเรื่องฝึกงานต่อ “มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอฝึกงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีนะ ฝึกงานที่โรงพยาบาลดีมาก”
ฉินมู่หลานตอบสั้น ๆ แต่เซี่ยปิงหรุ่ยรีบเล่าเรื่องของฉินมู่หลานให้ฟัง จากนั้นก็พูดเสริมว่า “มู่หลานมีฝีมือทางการแพทย์ขนาดนี้ ไปที่ไหนก็เจิดจรัสได้ทั้งนั้น”
เหมาชุนเถาพูดเสริม “แต่ฝีมือทางการแพทย์ของปิงหรุ่ยก็ไม่เลวนะ น่าจะดูแลคนไข้ได้สบาย ๆ”
“ฮ่า ๆ ขอบคุณสำหรับคำชมนะ”
เห็นเซี่ยปิงหรุ่ยยิ้มแย้ม เหมาชุนเถาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างซาบซึ้งว่า “ปิงหรุ่ย ครั้งแรกที่เจอเธอในหอพัก ชั้นคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่ยิ่งนานวันเข้า ฉันยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นคนตรง ๆ สบาย ๆ ดีจังนะที่ได้รู้จักเธอ”
“ฉันเองก็ยินดีที่ได้รู้จักพวกเธอ” เซี่ยปิงหรุ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ถามถึงเรื่องฝึกงานของเหมาชุนเถากลับ
“ที่ฝึกงานก็ถือว่าใช้ได้ แต่ฉันได้ยินมาว่าเงินเดือนพนักงานประจำไม่สูงนัก เลยว่าจะยังเขียนบทความต่อไป”
ฉินมู่หลานเห็นด้วยอย่างมากกับความคิดของเหมาชุนเถา
“ชุนเถา เธอก็เขียนหนังสือต่อไปได้ เรียนจบจะได้ไปทำงานที่นั่น กลับบ้านมาก็ยังมีเวลาเขียน ได้ค่าบทความเยอะ ๆ ฐานะทางการเงินก็จะดีขึ้นกว่าเดิมอีก”
“นั่นสิ ฉันก็คิดแบบนั้น”
ครั้นฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าได้เวลาแล้ว จึงไม่ได้คุยกับเหมาชุนเถาต่อ และรีบกลับไปพัก
รุ่งขึ้น ฉินมู่หลานไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ตรงไปที่ตึกผู้ป่วยในเพื่อดูอาการของหยางอี๋
“หมอฉิน คุณมาเช้าจัง”
หยางเหวินเอ่ยทักทายฉินมู่หลาน
ส่วนหยางอี๋ก็ฟื้นแล้ว แต่ยังไม่มีเรี่ยวแรงนัก หล่อนนอนซมอยู่บนเตียงแล้วพยักหน้าให้ฉินมู่หลานอย่างอ่อนแรง ฉินมู่หลานจึงรีบให้หล่อนนอนราบ แล้วพูดว่า “ฉันมาตรวจดูอาการนะคะ”
เธอพูดพลางเอื้อมไปจับชีพจรหยางอี๋ จากนั้นก็ทำการตรวจอื่น ๆ อีก
พอฉินมู่หลานลุกขึ้น หยางเหวินก็รีบเอ่ยถามว่า “หมอฉิน พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
“วางใจค่ะ หล่อนไม่เป็นอะไร แต่ว่าเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ก็ควรพักฟื้นสักสองวันนะคะ ตอนแรกสามีของคุณก็เป็นแบบนี้ พักฟื้นสักหน่อยก็จะดีขึ้น”
หยางเหวินพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ๆ ตอนนั้นสามีของฉันก็เป็นแบบนี้”
“งั้นฉันขอตัวนะคะ ยังไงฉันก็จะคอยมาดูอาการพี่สาวคุณอย่างสม่ำเสมอ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอฉิน”
พอฉินมู่หลานออกไปแล้ว หยางเหวินก็หันมาบอกหยางอี๋ว่า “พี่ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะ ดูอย่างเหล่าเซียวสิ ตอนนี้แข็งแรงดีแล้ว พักผ่อนไปสักพักก็จะดีขึ้นแล้วล่ะ”
ฉินมู่หลานออกจากตึกผู้ป่วยในแล้ว ก็ตรงไปที่แผนกผู้ป่วยนอกต่อ
วันนี้เซี่ยปิงหรุ่ยมาสายนิดหน่อย พอมาถึงห้องทำงานก็ได้ยินหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องฉินมู่หลาน
“ได้ยินหรือยัง เมื่อวานหมอฉินจากแผนกศัลยกรรมทรวงอกผ่าตัดอีกเคสหนึ่งแล้วนะ คุณหมอหลี่ปิ่งฉวนก็ไปสังเกตการณ์ด้วย เพราะอยากจะเรียนรู้วิธี”
“ได้ยินแล้ว ๆ หมอฉินยังเด็กมาก แต่ฝีมือทางการแพทย์ดียิ่งกว่าหมอหลี่กับหมอคนอื่น ๆ อีก เก่งจริง ๆ”
ว่าจบพวกเขาสองคนก็อดหันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชุนเถามีความสุขไปแล้ว เหลือปิงหรุ่ยนี่แหละต้องพิสูจน์ฝีมือลบคำสบประมาท
หลายวันมานี้เป็นไข้หวัดมาก ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)