ตอนที่ 694 หล่อนคือคนรักของผม(1)
……….
ตอนที่ 694 หล่อนคือคนรักของผม(1)
เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดเช่นนั้น คังอันเหอจึงรีบค้อมศีรษะอย่างไม่รีรอ “ใช่ ปิงหรุ่ยต้องไปแน่”
เห็นคังอันเหอมีท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฉินมู่หลานจึงสงสัยเล็กน้อย “แค่ปิงหรุ่ยตอบตกลงไปกินข้าวเอง ทำไมเธอถึงตื่นเต้นขนาดนั้นล่ะ?”
คังอันเหอแสดงท่าทางลับๆ ล่อๆ ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ฉินมู่หลานแล้วกล่าว “มู่หลาน ฉันสงสัยว่า…ปิงหรุ่ยกับฟู่โฮ่วหลิ่นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดายังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น
คังอันเหอแสดงท่าทางด้วยความอยากจะอธิบายให้เข้าใจ “ก็ไม่ธรรมดาประมาณว่า ปิงหรุ่ยกับฟู่โฮ่วหลิ่นน่าจะรู้สึกอะไรบางอย่างต่อกัน ไม่เช่นนั้นหล่อนจะไปมาหาสู่กับเขาทำไมล่ะ?”
ทว่าฉินมู่หลานกลับกล่าวว่า “เธออย่าเพิ่งพูดไปเรื่อย ไว้เจอปิงหรุ่ยก็ค่อยถาม”
“เอาล่ะ ๆ งั้นเราก็ไปกินข้าวกันเถอะ แล้วค่อยหาเวลาถามปิงหรุ่ย”
แน่นอนว่าคราวนี้ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
“ดี งั้นเราไปพร้อมกัน” ฉินมู่หลานกล่าวพลางหันไปถามเซี่ยเจ๋อหลี่ “วันนั้นคุณพอมีเวลาหรือเปล่าคะ?”
“แค่กินข้าวแค่มื้อเดียว ได้อยู่แล้ว”
“งั้นก็ดีค่ะ เราตกลงตามนี้”
คังอันเหอไม่ได้เจอฉินมู่หลานและเด็ก ๆ นานหลายวัน จึงมีเรื่องจะพูดไม่จบไม่สิ้น ส่วนชิงชิงและเฉินเฉินก็ชอบหล่อนมากด้วย เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าหล่อนเอ็นดูพวกเขาเป็นพิเศษ
“ในท้องคุณน้าเป็นน้องผู้ชายหรือน้องผู้หญิงเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินชิงชิงพูดอย่างนั้น คังอันเหอก็หัวเราะและส่ายหน้าไปมา พลางพูดว่า “ยังไม่รู้หรอก รอคลอดออกมาแล้วค่อยรู้”
ถึงจะได้ยินมาว่าโรงพยาบาลปักกิ่งมีเครื่องอัลตราซาวนด์ที่ตรวจดูเพศของเด็กได้ แต่หล่อนก็ไม่อยากรู้ก่อน ขอแค่เป็นลูกของหล่อนกับเฉิงเสียง ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหล่อนก็รัก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ คังอันเหอจึงทำหน้าเคร่งขรึม หันไปถามถูเฉิงเสียงว่า “คุณอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว”
คังอันเหอจึงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นสองสามี-ภรรยานั่งอยู่อีกพักหนึ่งแล้วก็กลับบ้าน
จนกระทั่งรุ่งเช้า ฉินมู่หลานก็พาลูก ๆ ทั้งสองกลับบ้าน
“แม่~”
ถวนถวนและหยวนหยวนเห็นฉินมู่หลานกลับมาก็พากันวิ่งเข้ามาหา แต่หลังจากเรียกแม่ได้หนึ่งคำ พวกเขาก็รีบจากไปเล่นกับพี่สาวพี่ชายทันที ไม่ว่าอย่างไรเด็ก ๆ ก็ยังชอบอยู่กับเด็ก ๆ ด้วยกัน
ฉินมู่หลานกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไปหานายท่านเหยาและคนอื่นๆ เพราะช่วงนี้คนในบ้านต่างก็ยุ่ง นายท่านเหยากับคุณนายเหยาจึงมาช่วยดูแลเด็ก ๆ และที่สำคัญเธอเองก็คิดถึงถวนถวนกับหยวนหยวนมาก “คุณตาคุณยาย ทำอะไรกันอยู่คะ?”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเข้ามาหา คนเฒ่าคนแก่ทั้งสามก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า “กำลังดูลวดลายกันอยู่ ยายกับย่าของเธอจะตัดเย็บเสื้อผ้าเด็กให้หลานๆใส่น่ะ”
แต่พอพูดไปถึงตอนสุดท้าย คุณย่าฉินก็หันมามองฉินมู่หลานด้วยความไม่แน่ใจแล้วถามขึ้นว่า “เดี๋ยวนี้เขาไม่นิยมใส่เสื้อผ้าเด็กแบบนี้กันแล้วหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ชอบ พวกเราก็จะไม่ทำ”
ทว่าฉินมู่หลานกลับรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณย่าคะ หนูให้เด็กๆใส่แน่นอนค่ะ เสื้อผ้าที่พวกย่าตัดเย็บเองกับมือดีกว่าเสื้อผ้าสำเร็จรูปตั้งเยอะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดเช่นนี้ คุณย่าฉินก็วางใจ แต่ก็ทำได้แค่เย็บปะติดปะต่อเท่านั้น คงไม่สามารถเย็บปักถักร้อยได้อย่างประณีต “เดี๋ยวย่าตัดเสื้อผ้าเสร็จ จะให้ยายของหนูปักลายลงไปบนเสื้อผ้า พวกเรากำลังเลือกแบบกันอยู่”
ฉินมู่หลานเพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าคุณนายเหยาปักลวดลายเป็น
“มีลายแบบไหนบ้างคะ?”
เมื่อคุณนายเหยาเห็นว่าฉินมู่หลานชื่นชมเสื้อผ้าที่พวกตนตัดเย็บกันจริง ๆ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า และเรียกให้ฉินมู่หลานมาดูด้วยกัน “ลองดูสิ ชอบแบบไหน แล้วเดี๋ยวยายจะได้ปักลายลงบนเสื้อผ้าของเด็กๆ”
ฉินมู่หลานดูแบบลายเสร็จก็พบว่ามีหลายแบบมาก ทั้งลายสัตว์ ลายดอกไม้ใบหญ้า ล้วนสวยงามทั้งนั้น
“คุณยาย ลายเหล่านี้ดูสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ”
ดูลายนี้ก็ชอบ ดูลายนั้นก็สวยถูกใจ
คุณนายเหยาเห็นดังนั้น ก็เลือกแบบมาสี่แบบ “ลายดอกไม้นี้ปักให้ชิงชิง ลายต้นไผ่ปักให้เฉินเฉิน ส่วนถวนถวนและหยวนหยวนปักลายเมฆมงคลกับลายกิเลน”
อย่างไรคุณยายก็ยังมีความลำเอียงต่อถวนถวนและหยวนหยวนอยู่ดี
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลำบากคุณยายและคุณย่าแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่ลำบากหรอก เห็นเด็ก ๆ มีความสุข พวกเราก็มีความสุขด้วย”
ฉินมู่หลานนั่งอยู่อีกพักใหญ่ ก็กลับห้องพักตน
พอวันรุ่งขึ้น ก็ตรงไปที่ร้านซิ่งหลิน
คังอันเหอเห็นฉินมู่หลานก็รีบโบกมือทัก “มู่หลาน มาแล้วเหรอ” พูดไปก็กระซิบบอกฉินมู่หลาน “มู่หลาน คืนนี้เราไปกับเซี่ยปิงหรุ่ยนะ เฉิงเสียงไปกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ไปเจอกันที่ร้าน”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินมู่หลานพยักหน้ากล่าวว่า “ได้”
ทั้งคู่กำลังพูดอยู่ เซี่ยปิงชิงก็เดินมาพอดี เห็นทั้งคู่คุยกันก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้ม “คุยอะไรกระซิบกระซาบกันน่ะ”
“คุยเรื่องนัดมื้อเย็นวันนี้น่ะ”
เมื่อเซี่ยปิงชิงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าถามว่า “พวกเธอไปด้วยกันหมดเลยเหรอ?”
“ใช่ ปิงหรุ่ยก็ไปด้วย”
แต่ที่ฉินมู่หลานและคังอันเหอแปลกใจก็คือเซี่ยปิงหรุ่ย เพราะตลอดทั้งวันหล่อนไม่เข้าร้านซิ่งหลิน จนกระทั่งร้านซิ่งหลินใกล้จะปิดแล้วจึงเพิ่งมา “มู่หลาน อันเหอ ไปกินข้าวกัน” ว่าจบหล่อนก็หันไปมองเซี่ยปิงชิงแล้วว่า “ปิงชิง ไปด้วยกันสิ”
เซี่ยปิงชิงตอบปฏิเสธทันทีว่า “ฉันไม่ไปหรอก อีกอย่างพี่บอกช้าเกินไปนะ สือเหิงไม่รู้เรื่องนี้ ฉันต้องกลับไปบอกเขาก่อน กว่าจะตามไปที่ร้านอาหารก็คงจะช้า”
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองแล้วพึมพำว่า “ฟู่โฮ่วหลิ่นไปรับเจี่ยงสือเหิงที่บ้านเจี่ยงแล้ว”
“อะไรนะ…”
เซี่ยปิงชิงมองเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างแปลกใจ แล้วถามว่า “ทำไมถึงไปรับด้วยล่ะ ไม่รู้ว่าสือเหิงกลับบ้านหรือยัง”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ฟังก็เงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีปัญหา แม้ว่าเขาจะยังไม่กลับบ้าน ฟู่โฮ่วหลิ่นก็จะรอเขา”
เซี่ยปิงชิงฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล หล่อนเผลอสงสัยพร้อมกับมองเซี่ยปิงหรุ่ย แล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ ฟู่โฮ่วหลิ่นแค่ชวนกินข้าวทำไมถึงได้กระตือรือร้นถึงขั้นไปรับถึงที่”
เซี่ยปิงหรุ่ยรีบคว้าแขนเซี่ยปิงชิงแล้วพูดว่า “นะ ปิงชิงไปพร้อมกันเถอะ”
คังอันเหอมองเซี่ยปิงหรุ่ยสลับกับเซี่ยปิงชิงอย่างอยากรู้อยากเห็น และพูดตามด้วยว่า “ใช่แล้วปิงชิง ไปด้วยกันเถอะ ยังไงคนของเธอก็ไปด้วยอยู่แล้วนี่”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องของปิงหรุ่ยมันต้องมีอะไรแน่ๆ พิรุธชัดขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)
……….