ตอนที่ 685 ความช่วยเหลือจากคนรู้จัก(2)
…………….
ตอนที่ 685 ความช่วยเหลือจากคนรู้จัก(2)
เถียนอวี้มองไปที่แบบตรงหน้าและรับมาดูอย่างละเอียด เมื่อเข้าใจการออกแบบแล้ว เขาก็หันไปมองเพื่อนด้วยความประหลาดใจและถามว่า “นี่นายออกแบบเองเหรอ?”
“ฉันวาดเอง แต่พี่สาวเคอวั่งเป็นคนต้นคิด ตอนนี้การประมูลยังไม่เริ่ม ถ้านายคิดว่าแบบร่างนี้ดี นายเอามาใช้กับแบบของพวกนายได้นะ”
“อะไรนะ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เถียนอวี้รู้สึกไม่เชื่อสายตาตัวเอง
การออกแบบที่มีจุดเด่นใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นผลงานของนักออกแบบคนนั้นๆ การออกแบบหน้าต่างบานใหญ่แบบนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญมาก แต่เหลียงถงกลับเอามาให้เขาอย่างง่ายดาย
พูดตามตรงเถียนอวี้รู้สึกอยากได้มาก
เขาคิดว่าถ้ามีการออกแบบเช่นนี้ บริษัทออกแบบของพวกเขามีโอกาสได้งานนี้มากขึ้น แต่ต่อให้เขาจะเป็นเพื่อนสนิทกับเหลียงถง เขาก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ เพราะของฟรีไม่มีในโลก การที่เหลียงถงพูดแบบนี้ แน่นอนว่าเขาต้องการอะไรบางอย่าง
หลังจากคิดอยู่สักพัก เถียนอวี้ก็ตัดสินใจจ้องมองเหลียงถงตรง ๆ และถามว่า “พวกนายให้แบบร่างฉันมาแบบนี้ ต้องการอะไรตอบแทนเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เหลียงถงก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “เถียนอวี้ เราเป็นเพื่อนกัน พูดแบบนี้มันดูไม่ดีนะ”
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดจบประโยค เหลียงถงก็เปลี่ยนน้ำเสียงและพูดต่อว่า “แต่ในเมื่อนายพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันขอร้องอะไรบางอย่างหน่อยแล้วกัน”
แม้จะรู้ดีว่าต้องแลกมาด้วยสิ่งตอบแทน แต่เถียนอวี้ก็ยังถาม “เรื่องอะไร?”
“เถียนอวี้ นายก็รู้ว่าบริษัทก่อสร้างของพวกเราเป็นเพียงแค่บริษัทเล็ก ๆ ไม่มีทางมีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลงานในครั้งนี้ได้เลย แต่โรงแรมเผิงเฉิงเป็นโครงการใหญ่ งานก่อสร้างมากมาย พวกเราพอจะมีโอกาสคว้าโอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างไหม ขอแค่งานตกแต่งโรงอาหารพนักงานก็ยังดี แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเราแค่หวังว่าถ้ามีโอกาสแบบนี้ นายจะพอช่วยพวกเราได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เถียนอวี้ก็โล่งใจ
ที่แท้เหลียงถงยังมีความถ่อมตัว ถึงได้แค่งานพัฒนาโรงอาหารพนักงานก็รู้สึกพอใจ แม้จะไม่มีโอกาส พวกเขาก็ยอมรับ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบทันทีว่า “ได้ ถ้ามีโอกาส ฉันจะช่วยพวกนายคว้างานนั้นมาให้ได้แน่นอน”
ตราบใดที่เถียนอวี้ทำได้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะช่วย
เมื่อเห็นว่าเถียนอวี้รับปาก เหลียงถงก็อดกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ “เถียนอวี้ ขอบคุณนะ”
แต่เถียนอวี้กลับบีบภาพร่างในมือไว้แน่นและพูดว่า “เหลียงถง เป็นฉันที่ต้องขอบคุณนายมากกว่า”
ในใจเขายังคงกังวลเกี่ยวกับภาพร่างการออกแบบของพวกเขา จึงรู้สึกกังวลขึ้นมา “เหลียงถง พวกนายสองคนหามุมนั่งก่อนนะ ฉันมีธุระต้องไปจัดการ”
“ได้ รีบไปจัดการเลย”
หลังจากที่เถียนอวี้ออกไป ฉินเคอวั่งก็หันมาทางเหลียงถงถามว่า “อาจารย์คิดว่าวันนี้พวกเรามีโอกาสได้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไหมครับ?”
เหลียงถงส่ายหน้าตอบทันทีว่า “ไม่รู้ แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว เหมือนที่พี่สาวเธอพูดนั่นแหละ ว่าต้องลองดู”
ฉินเคอวั่งก็รู้ดี แต่เขาก็ยังรู้สึกเสียดายภาพร่างนั้นอยู่ “ความคิดพี่สาวผมดีมาก เสียดายที่ต้องยกให้เขาไป”
เมื่อเห็นนักเรียนของตัวเองหน้าตาเจ็บปวด เหลียงถงก็อดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “พี่สาวของเธอเอ่ยปากเอง จะรู้สึกเจ็บปวดไปทำไมกัน?”
แต่เมื่อนึกถึงการออกแบบที่ฉินมู่หลานพูดถึง เขาก็รู้สึกประทับใจอีกครั้ง “พี่สาวเธอมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้เรียนออกแบบ”
“จริงครับ แต่พี่สาวเรียนหมอก็ดีเหมือนกัน ยาที่หล่อนคิดค้นขึ้นมาช่วยเหลือคนได้มากเลย”
“จริงด้วย”
เมื่อนึกถึงยาที่ฉินมู่หลานคิดค้นขึ้นมา เหลียงถงก็รู้สึกว่าเธอเรียนแพทย์เป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว
“เอาล่ะ พวกเราไปหาที่นั่งรอก่อน การประมูลจะเริ่มในอีกสักพัก”
“ครับ”
อาจารย์และศิษย์หาที่นั่งรอในมุมหนึ่ง พวกเขาไม่รู้จักใครนอกจากเถียนอวี้ เลยไม่คิดจะเดินไปไหน
แต่ทางด้านเถียนอวี้กลับเจอปัญหา เขาคิดว่าการออกแบบที่เหลียงถงนำเสนอนั้นดี แต่คนอื่นกลับไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ เพราะว่างานประมูลจะเริ่มแล้ว
สุดท้ายเถียนอวี้ก็ตัดสินใจคัดค้านความคิดของคนอื่นและดำเนินการตามความคิดของเขาเอง
เขารู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่เขาคำนวณมาแล้วว่าทันเวลาแน่นอน เพราะพวกเขาแก้ไขภาพร่างเดิมได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าเถียนอวี้ลงมือทำแล้ว คนอื่น ๆ จะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ทำตามเขาไป
จนกระทั่งงานประมูลเริ่ม เถียนอวี้ก็แก้งานจนเสร็จและในที่สุดเขาก็รีบออกมาหาเหลียงถงและฉินเคอวั่ง
“เหลียงถง เสี่ยวฉิน งานเริ่มแล้ว เข้าไปกันเถอะ”
ในจังหวะนั้น กลุ่มคนก็เดินเข้ามา เมื่อเถียนอวี้หันไปเห็นก็รีบเดินเข้าไปทักทายอย่างสุภาพว่า “หัวหน้ามาพอดี เชิญเข้าไปด้านในด้วยกันเถอะครับ”
ตอนนี้ฉินเคอวั่งก็จำคนตรงหน้าได้เช่นกัน เมื่อเห็นหัวหน้าคนนั้น เขารู้สึกประหลาดใจ “เขา…เหมือนจะเป็นลูกชายของคุณยายถัง” แม้จะได้เจอกันเพียงแวบเดียวในวันนั้น แต่ฉินเคอวั่งก็จำได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือถังซวี่ไป๋
ถังซวี่ไป๋ก็เห็นฉินเคอวั่งเช่นกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องที่แม่ได้รับการช่วยเหลือบนรถไฟ และคำเตือนของหมอฉินที่ทำให้แม่ไปตรวจร่างกายล่วงหน้าและพบความผิดปกติของร่างกาย เขาก็รู้สึกขอบคุณหมอฉินแล้ว และเด็กหนุ่มคนตรงหน้าคือน้องชายของหมอฉิน เขาก็อยากจะขอบคุณเช่นกัน
“เสี่ยวฉิน เธอมาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อได้ยินถังซวี่ไป๋เรียก ฉินเคอวั่งจึงรีบพูดว่า “สวัสดีครับอาถัง ผมมาที่นี่กับอาจารย์เพื่อเข้าร่วมการประมูลงาน ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ถังซวี่ไป๋รู้สึกประหลาดใจมาก
“พวกเธอมาประมูลงานด้วยเหรอ? พี่สาวมาด้วยหรือเปล่า?”
“มีแค่ผมกับอาจารย์ครับ พี่สาวไม่ได้มา”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ถังซวี่ไป๋ก็รู้สึกเสียดายแต่ไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มและพูดว่า “ฉันก็มาประมูลงานเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเข้าไปด้วยกันสิ”
ฉินเคอวั่งถูกถังซวี่ไป๋ดึงตัวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
เถียนอวี้ยืนมองด้วยความงุนงง เมื่อฉินเคอวั่งตามถังซวี่ไป๋ไปข้างหน้าแล้ว เขาก็รีบเข้าไปหาเหลียงถงแล้วถามว่า “เหลียงถง นักเรียนของนายรู้จักหัวหน้าถังด้วยเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กลายเป็นว่าคนที่ไปช่วยเขาไว้เป็นคนสำคัญในงานนี้ด้วย อะไรจะโชคดีปานนี้
ไหหม่า(海馬)