ตอนที่ 684 ความช่วยเหลือจากคนรู้จัก(1)
…………….
ตอนที่ 684 ความช่วยเหลือจากคนรู้จัก(1)
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เหลียงถงก็ส่ายหน้าและพูดว่า “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่”
ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนสนิทชวนไป เขาก็ไม่สนใจเรื่องการประมูลโรงแรมเผิงเฉิง เนื่องจากมันไกลเกินไป
ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงที่อยู่ใกล้ ๆ พูดตามมาว่า “มู่หลาน ถึงอาจารย์เหลียงจะรู้มันก็ไม่มีประโยชน์ บริษัทเล็ก ๆ ของเราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเลย ครั้งนี้ให้อาจารย์เหลียงพาเคอวั่งไปดูงานเถอะ หวังว่าอีกหน่อยเราจะพัฒนาบริษัทให้ใหญ่โตแข็งแกร่งขึ้น และในอนาคตจะมีความสามารถในการเข้าร่วมงานประมูลขนาดใหญ่แบบนี้ได้”
ฉินมู่หลานก็รู้ดีว่าบริษัทของพ่อเธอยังเล็กเกินไป แต่ถ้าไปแล้วก็ไม่ควรไปโดยไม่เตรียมอะไรเลย
“อาจารย์เหลียงคะ เคอวั่ง เอาแบบร่างที่เคยทำไปด้วยสิ แล้วก็เตรียมตัวไว้บ้าง” พูดจบเธอก็คิดถึงนักออกแบบที่บริษัทของพ่อเธอเคยจ้างมา “พ่อคะ นักออกแบบคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ลูกหมายถึงซ่งหัวเหรอ เขากำลังวาดแบบอยู่ที่บริษัท”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเจี้ยนเซ่อ ฉินมู่หลานก็รบกวนให้พ่อของเธอไปเรียกเหยียนซ่งหัวมา “ให้เสี่ยวเหยียนรีบวาดแบบมาให้เสร็จภายในสองวันนี้ ถึงเราจะไม่มีโอกาส แต่เราก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน”
เหลียงถงมองฉินมู่หลานด้วยความชื่นชมและพูดว่า “มู่หลาน เธอคิดรอบคอบมาก ไปงานประมูลทั้งทีจะไปมือเปล่าก็คงไม่ได้ สองวันนี้เราจะเน้นวาดแบบมาสักสองสามแผ่น เลือกแต่โครงการเล็กๆ”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดของโครงการที่ประมูล แต่พวกเขาก็เลือกที่จะวาดแบบสำหรับโครงการที่เล็กที่สุด
ฉินมู่หลานก็คิดเช่นเดียวกัน เธอพยักหน้า “ค่ะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงต่างก็คิดว่านี่เป็นการเสียเวลาเปล่า แต่เมื่อมู่หลานพูดแบบนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนเธอ เพราะมันเป็นจริงอย่างที่เธอพูด ไปทั้งทีจะไปแบบมือเปล่าโดยไม่เตรียมอะไรเลยก็คงไม่ได้
เมื่อเหยียนซ่งหัวมาถึง เขาก็ได้รับคำสั่งถึงสิ่งที่เขาต้องทำ ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรและเริ่มต้นวาดแบบทันที
เหลียงถงและเคอวั่งก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน ทั้งสองคนไม่ถนัดทางเดียวกับเหยียนซ่งหัว เหยียนซ่งหัวนั้นถนัดด้านการออกแบบภายใน ส่วนพวกเขาถนัดด้านการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรม แต่ก็สามารถให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ได้บ้าง
“อาจารย์เหลียงคะ ฉันมีความคิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะได้ผลหรือเปล่า”
เมื่อนึกถึงที่ตั้งของโรงแรมเผิงเฉิง ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้สร้างห้องนอนกระจกที่มองเห็นวิวทะเล จากความทรงจำของเธอ อาคารโดยรวมของโรงแรมเผิงเฉิงเวอร์ชันแรกมีรูปแบบตามมาตรฐาน ถึงแม้จะกลายเป็นอาคารที่โดเด่น แต่ก็เป็นเพราะว่ามันสูงเท่านั้น เพราะในยุคนั้นยังไม่ค่อยมีอาคารสูง ๆ แบบนี้มากนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เหลียงถงก็ยิ้มและพูดว่า “ลองพูดมาสิ ว่าเธอมีความคิดอะไร”
ฉินมู่หลานจึงอธิบายความคิดเกี่ยวกับห้องนอนแบบกระจกสูงจากพื้นสูงจรดเพดานที่มองเห็นวิวทะเล
พูดถึงเรื่องนี้ ฉินมู่หลานก็พูดถึงไอเดียการออกแบบมากมาย ตัวอย่างเช่น รูปทรงของโรงแรม การตกแต่งห้อง และการออกแบบสไตล์คลาสสิกที่พบเห็นได้ทั่วไปในรุ่นหลัง เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเหลียงถงและเคอวั่ง ฉินมู่หลานก็รีบปิดปากเพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป ถึงเธอจะรู้จักการออกแบบสไตล์คลาสสิกมากมาย แต่เธอไม่แน่ใจว่าจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้หรือไม่ในยุคนี้
ตอนแรกเหลียงถงคิดว่าความคิดของฉินมู่หลานนั้นเพ้อฝัน แต่หลังจากคิดดูอย่างละเอียด เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นน่าทึ่งมาก หากสามารถออกแบบโรงแรมได้ตามนั้น เขาอยากจะลองไปพักดูสักครั้ง
“มู่หลาน น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เรียนคณะสถาปัตยกรรม”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าฉินมู่หลานเก่งด้านการแพทย์เท่านั้น แต่เพิ่งมารู้ว่าเธอยังมีความสามารถด้านการออกแบบอีกด้วย
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงรีบโบกมือและพูดว่า “อาจารย์เหลียงชื่นชมกันเกินไปแล้วค่ะ ฉันแค่คิดขึ้นแล้วลองเสนอออกมาเท่านั้นเอง”
อย่างไรก็ตาม เหลียงถงไม่คิดว่าเธอพูดเล่น
“มู่หลาน ไว้ฉันจะหาเวลาศึกษาสิ่งที่เธอพูดอย่างละเอียด บางทีอาจจะนำไปใช้กับโครงการในอนาคตได้ ส่วนเรื่องการออกแบบห้องนอนกระจกมองเห็นวิวทะเล ฉันจะวาดแบบมาให้ดูทีหลัง” พูดจบเหลียงถงก็รีบเรียกเคอวั่งมาช่วย
ในตอนนั้นเคอวั่งก็เพิ่งนึกภาพออก และเขาก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความคิดของพี่สาว
“พี่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่จะมีความคิดดีๆ แบบนี้”
แม้แต่เหยียนซ่งหัวที่เริ่มวาดแบบแล้ว ยังอดมองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่ชื่นชมไม่ได้ เมื่อกลับมาวาดต่อ เขาก็เปลี่ยนความคิดเดิม ๆ ไปโดยไม่รู้ตัว และมีความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้น
ทางฝั่งของเหลียงถงและคณะต่างก็ทุ่มเทวาดแบบทั้งวันทั้งคืน ส่วนฉินมู่หลานก็ปรึกษากับเซี่ยเจ๋อเหว่ยเรื่องตลาดวัสดุก่อสร้าง
เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้ติดต่อทุกคนที่อยู่ในนามบัตร และสุดท้ายก็เลือกคนที่เหลียงถงแนะนำ เพราะว่าบริษัทนั้นใหญ่ที่สุด มีสินค้าครบครันที่สุด
“เถียนอวี้ พวกฉันไม่ได้มาสายใช่ไหม”
เมื่อเห็นเหลียงถงและเคอวั่งมาถึง เถียนอวี้ก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่สายหรอก เข้ามาด้วยกันเลย เดี๋ยวฉันจะแนะนำเพื่อนร่วมงานให้พวกนายรู้จัก”
ครั้งนี้มีคนจากบริษัทออกแบบมาหลายคน นอกจากเถียนอวี้แล้วยังมีอีกห้าคน แต่เมื่อพวกเขาเห็นเหลียงถงและเคอวั่ง ท่าทีของพวกเขาก็ดูเย็นชาขึ้น เพียงแต่ว่าเถียนอวี้เป็นหัวหน้า พวกเขาจึงยังพอให้เกียรติทักทายทั้งสอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะไม่มองเหลียงถงและเคอวั่งเลย
ฉินเคอวั่งเห็นท่าทีของพวกเขา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาและอาจารย์ไม่เป็นที่ต้อนรับ ถึงจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากนักเพราะเขารู้ว่าโอกาสแบบนี้หาได้ยาก
ส่วนเหลียงถงนั้นไม่ได้สนใจท่าทีของพวกเขาเลย เขาสนิทกับเถียนอวี้คนเดียว กับคนอื่นไม่สนิท ในเมื่อพวกเขาเย็นชาใส่ เขาก็เย็นชากลับเหมือนกัน
คนเหล่านั้นเห็นท่าทีของเหลียงถงก็รู้สึกหงุดหงิด เพราะว่าพวกเขาล้วนเป็นนักออกแบบที่เก่งกาจของบริษัทออกแบบ แต่ว่าชายคนนี้กลับมาท่าทีหยิ่งผยองใส่
เถียนอวี้ก็ไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานของเขาจะเป็นแบบนี้ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกเหลียงถงรั้งไว้
“เถียนอวี้ ขอคุยด้วยหน่อยสิ ว่างหรือเปล่า?”
เถียนอวี้ดูเวลาแล้วพยักหน้า “ได้สิ”
“งั้นไปคุยกันตรงนู้น”
พูดจบ ทั้งสองคนก็เดินไปทางด้านข้าง โดยมีเคอวั่งเดินตามพวกเขาไป
เมื่อไปถึงมุมสงบ เหลียงถงก็ไม่พูดอ้อมค้อมแฃะถามตรงๆ ว่า “บริษัทออกแบบของนายอยากจะเสนอการออกแบบสถาปัตยกรรมโดยรวมของโรงแรมเผิงเฉิงหรือเปล่า?”
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร เถียนอวี้จึงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ พวกเราเอาเอกสารทั้งหมดมาด้วยแล้ว”
“ฉันขอขอดูพิมพ์เขียวของนายหน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เถียนอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ว่าบริษัทของเพื่อนจะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูล แต่เขาก็ไม่คิดที่จะนำการออกแบบพวกเขาออกมาให้ดู
เหลียงถงเห็นท่าทีนั้น ก็รู้ว่าเพื่อนของเขากลัวว่าแบบจะหลุดออกไปก่อน “เราไม่ใช่คนของบริษัทนาย แน่นอนว่าดูแบบไม่ได้ แต่ว่าฉันมีแบบมาให้ดู นายลองดูได้นะ”
พูดจบก็หยิบแบบที่เขาเองวาดมาแผ่นหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือหน้าต่างบานใหญ่เต็มพื้นที่
“ลองดูสิ ด้านนี้เป็นด้านที่ติดทะเล ถ้ามีหน้าต่างบานใหญ่แบบนี้ มันสะดุดตามากเลยใช่ไหม?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มันต้องน่าทึ่งมากน่ะสิ ความคิดจากยุคอนาคตเลยนะ
ไหหม่า(海馬)