ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 662 การหมั้นหมายของฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยน(1)

ตอนที่ 662 การหมั้นหมายของฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยน(1)

ตอนที่ 662 การหมั้นหมายของฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยน(1)

…………….

ตอนที่ 662 การหมั้นหมายของฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยน(1)

เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนจากฉินเคอวั่ง ครอบครัวเกาก็รู้สึกโล่งใจ

เกาจู่ต๋าหันไปทางซูหว่านอี๋แล้วพูดว่า “คุณหว่านอี๋ เรามากำหนดวันหมั้นหมายกันวันนี้เลยดีไหม เพื่อที่เด็กๆทั้งสองจะได้หมั้นหมายกันโดยเร็วที่สุด”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูหว่านอี๋ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบว่า “เรื่องนี้คงไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันที เราควรค่อยๆ พิจารณาเลือกวันมงคลกันอีกทีนะคะ”

ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าเร็วเกินไป ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยยอมรับเคอวั่ง แต่มาตอนนี้กลับต้องการเลือกวันหมั้นหมายเสียแล้ว

เกาเชี่ยนเชี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ หน้าแดงก่ำและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ท่าทีของบิดาในวันนี้เหมือนจะผลักไสตนเองออกไป ดูไร้เหตุผลจริงๆ

เกาอวิ๋นเซียวก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอคิดถึงสิ่งที่บิดาพูดก่อนหน้านี้ จึงเลือกที่จะไม่พูด

กลับกัน เกาซุนชิวกลับอดกลั้นไม่ได้และเอ่ยว่า “อารองคะ ต่อให้อาจะใจร้อนเรื่องของเชี่ยนเชี่ยนกับเคอวั่งขนาดไหน แต่ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องการเริ่มต้นชีวิตคู่ควรค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบร้อนนะคะ”

เกาจู่เชียนได้ยินลูกสาวพูดเช่นนั้น จึงยิ้มแล้วกล่าวตามว่า “ใช่แล้วจู่ต๋า เรื่องวันหมั้นให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายโน้นเป็นคนเลือก เมื่อเลือกแล้วค่อยแจ้งให้เราทราบก็พอ”

เมื่อเห็นพี่ชายพูดเช่นนั้นแล้ว เกาจู่ต๋าจึงพยักหน้ารับคำ “ถ้าอย่างนั้นเราจะรอข่าวจากญาติผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว”

ซูหว่านอี๋ที่ภาระตกอยู่บนบ่าก็ไม่ได้ปฏิเสธ หล่อนพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ เมื่อเลือกวันได้แล้ว เราจะแจ้งให้ทราบ ถึงเวลานั้นเราจะมารวมตัวกันอีกครั้ง พูดคุยเรื่องราวของเด็กๆทั้งสอง”

การหมั้นหมายและการแต่งงานล้วนมีพิธีกรรมที่ยุ่งยาก ฝ่ายชายอย่างพวกเขาต้องเตรียมของไว้เยอะมาก

เกาจู่ต๋าก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เราจะรอข่าวดีจากพวกคุณนะครับ”

เมื่อตกลงเรื่องราวระหว่างฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยนเรียบร้อยแล้ว เกาจู่ต๋าและเกาจู่เชียนก็เชิญฉินมู่หลานและครอบครัวรับประทานอาหาร

เดิมทีซูหว่านอี๋คิดว่าครอบครัวเกาจะสอบถามเรื่องเกาซู่ฟาง แต่พอมาถึงตอนนี้พวกเขากลับไม่ถามอะไรเลย ทำให้เธอก็โล่งใจ

หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เกาจู่ต๋าก็หันไปทางฉินเคอวั่งแล้วพูดว่า “เคอวั่ง นายกับเชี่ยนเชี่ยนไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านสิ คนหนุ่มสาวอย่างพวกธอวัยรุ่นควรหาเวลาอยู่ด้วยกันให้มากหน่อย คุยกันให้มากขึ้น”

เกาเชี่ยนเชี่ยนไม่พูดอะไร แต่หันไปถามฉินเคอวั่ง

ฉินเคอวั่งพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ และเดินไปที่สวนหลังบ้านกับเกาเชี่ยนเชี่ยน

หลังจากที่ทั้งสองจากไป เกาซุนชิวก็ดึงฉินมู่หลานไปที่ห้องของหล่อนด้วย

“มู่หลาน เธอ…คิดว่าครอบครัวเราไร้ยางอาย น่ารังเกียจไหม?” หลังจากที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของอาหญิง เกาซุนชิวก็รู้สึกไม่กล้าสู้หน้า แต่โชคดีที่มู่หลานไม่ได้ดูถูก และยังคงติดต่อกับหล่อนเหมือนเดิม

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ซุนชิว เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนที่เกิดเรื่องกับอาหญิงของเธอ เธออายุเท่าไหร่เชียว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเธอเลย ไม่ต้องคิดมาก”

“มู่หลาน ขอบคุณนะ…”

เกาซุนชิวโอบแขนกอดฉินมู่หลานไว้แน่น ร่างกายทั้งคู่แนบชิดกัน “ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้ยังไงเลย ทุกครั้งที่คิดว่าชีวิตของเราในตอนนี้มันถูกสร้างขึ้นจากความทุกข์ของอาหญิง ฉันก็รู้สึกเศร้าใจ”

หลังจากผ่านไปสักพัก เกาซุนชิวก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

“มู่หลาน ครอบครัวของฉันตามหาอาหญิงอยู่ตลอดเวลา ต่อให้หล่อนจะไม่อยากกลับมา แต่พ่อและอารองของฉันก็ยังอยากจะปรับความเข้าใจกับหล่อนอีกครั้ง”

สำหรับเรื่องนี้ ฉินมู่หลานไม่มีอะไรจะพูด เธอจะห้ามไม่ให้ตระกูลเกาตามหาคนได้อย่างไร อีกอย่างเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาซู่ฟางอาศัยอยู่ที่ไหน

“งั้นถ้าเธอเจออาหญิงเกาแล้ว ก็คุยกันดีๆ นะ”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะคุย จากท่าทีของเกาซู่ฟางวันนั้น เธอรู้สึกเหมือนว่าเกาซู่ฟางตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวอีกแล้ว ดังนั้นจึงตามหาตัวค่อนข้างยาก

ด้านนอก ซูหว่านอี๋และเกาจู่ต๋าพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ทั้งสองไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายเกาจู่เชียนก็คิดถึงฉินเจี้ยนเซ่อ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้าถึงวันหมั้นหมาย คุณฉินจะกลับมาไหม?”

ซูหว่านอี๋ไม่สามารถรับรองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บอกว่าจะแจ้งให้สามีทราบอย่างแน่นอน

“เมื่อกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ฉันจะแจ้งให้พ่อของเคอวั่งทราบ เพื่อให้เขาพยายามรีบกลับมาให้ทันค่ะ”

“ดีเลย”

เกาจู่เชียนยิ้มพร้อมพยักหน้า ในขณะที่เกาอวิ๋นเซียวยังคงไม่รู้เรื่อง เขาไม่รู้ว่าช่วงนี้ครอบครัวเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ซูหว่านอี๋ยังอยู่ เขาจึงไม่พูดอะไรและลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พ่อ ลุง ผมขอตัวก่อนนะ”

เมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายดูไม่ดี เกาจู่ต๋าก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก เพราะลูกชายได้หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ไยดีเสียแล้ว

“ไอ้เด็กคนนี้ เป็นอย่างนี้ตลอด”

เกาจู่ต๋าพูดกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งก็กลับมา บรรยากาศจึงครื้นเครงขึ้นอีกครั้ง แต่เนื่องจากวันนี้ได้พูดคุยเรื่องที่ต้องคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นซูหว่านอี๋จึงพามู่หลานและฉินเคอวั่งกลับบ้าน

หลังจากที่พวกของฉินมู่หลานจากไป เกาจู่ต๋าก็หันไปมองเกาเชี่ยนเชี่ยนแล้วถามว่า “ลูกคุยกับฉินเคอวั่งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

“พ่อ หนูคุยหมดแล้วค่ะ เราจะหมั้นกันก่อน พอเรียนจบมหาวิทยาลัยก็จะแต่งงานกัน ส่วนเคอวั่งไม่มีความเห็นขัดแย้งอะไร” จริงๆ แล้วเกาเชี่ยนเชี่ยนยังไม่ได้เอ่ยปากถาม ทุกอย่างเป็นฉินเคอวั่งคาดเดาเอาเอง เพราะหล่อนไม่กล้าพอที่จะพูดเรื่องนี้จริงๆ แต่ฉินเคอวั่งช่างเป็นคนเอาใจใส่ คิดแทนหล่อนไปหมดแล้ว

“ก็ดีแล้ว ช่วงนี้พวกเรายังตามหาอาเล็กของลูกอยู่ พอเจอแล้วพวกเราไปพาหล่อนกลับบ้านด้วยกันนะ”

เกาซุนชิว เกาเชี่ยนเชี่ยน เกาอวิ๋นเซียว พยักหน้ารับ แต่ในใจของทุกคนไม่ได้หวังอะไรมากนัก เพราะถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนเกิดกับพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ให้อภัยครอบครัวนี้เหมือนกัน

ฝ่ายของพวกฉินมู่หลานหลังจากที่กลับถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็วุ่นวายอยู่คนเดียว เพราะตกลงกับตระกูลเกาเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ต้องหาฤกษ์ดีก่อน

“เคอวั่ง ลูกวางแผนไว้ยังไงบ้าง อยากได้วันใกล้ๆ หรือไกลออกไปหน่อย?”

ฉินเคอวั่งครุ่นคิดก่อนตอบว่า “เอาวันใกล้ๆ ก็ได้ครับ ผมอยากแต่งงานกับเชี่ยนเชี่ยนเร็วๆ”

พอได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น ซูหว่านอี๋ก็พอจะเข้าใจแล้ว “เอาล่ะ แม่เข้าใจแล้ว”

สุดท้ายซูหว่านอี๋ก็เลือกวันในช่วงต้นเดือน หลังจากเลือกวันเสร็จก็ให้ลูกชายไปแจ้งให้ทางตระกูลเกาทราบ

เมื่อเกาจู่ต๋าเห็นว่าวันหมั้นใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็ดีใจจนยิ้มหน้าบาน “เชี่ยนเชี่ยน ลูกจะหมั้นกับฉินเคอวั่งแล้ว ต่อไปก็มีอะไรก็ต้องคอยช่วยเหลือรับฟังกันนะ”

“รู้แล้วค่ะพ่อ”

แม้ว่าครอบครัวจะยอมรับให้หล่อนคบกับฉินเคอวั่งเนื่องจากเรื่องของอาหญิง แต่เกาเชี่ยนเชี่ยนก็ยังมีความสุขอยู่ดี ก่อนหน้านี้หล่อนยังกลัวเลยว่าตนและเคอวั่งจะคบกันได้ไม่นาน

หลังจากทางซูหว่านอี๋ได้บอกข่าวนี้กับฉินเจี้ยนเซ่อแล้ว หล่อนก็ถามเขาว่าจะกลับมาจากเซินเจิ้นหรือไม่

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ในที่สุดก็ตกลงกันได้ลงตัวสักที ก่อนหน้านี้ยึกยักหาเรื่องไม่ชอบลูกเขยไปทำไมกัน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset