ตอนที่ 658 เย้ยหยัน(1)
…………….
ตอนที่ 658 เย้ยหยัน(1)
เกาจู่ต๋าได้ยินคำพูดนี้จากพี่ใหญ่ของตน ก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “อะไรนะ… อะไร…น้องเล็กกลับมาแล้วเหรอ หล่อนอยู่ที่ไหน”
เกาจู่เชียนหันไปมองเกาซุนชิว แล้วให้หล่อนเล่าเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง
เกาซุนชิวจึงเล่าอีกครั้ง และสุดท้ายก็ถามว่า “พวกเราจะไปหาอาหญิงไหมคะ?”
เกาจู่ต๋ายังไม่ทันพูดอะไร เกาจู่เชียนก็รีบตอบ “หาสิ แน่นอนว่าต้องหา เราต้องพาซู่ฟางกลับมาให้ได้ หล่อน… หล่อนคงต้องทนทุกข์มามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
แต่พอพูดจนจบประโยค ตัวเขาก็เริ่มลังเล
“ซู่ฟาง หล่อน…หล่อนยังเกลียดฉันอยู่ไหมนะ”
เมื่อพูดถึงน้องสาวของตนเอง เกาจู่ต๋าก็ไม่เหลือความรู้สึกเย่อหยิ่งอีกต่อไป ตอนนี้ใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยความเจ็บปวด “เมื่อก่อนเป็นความผิดของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน น้องเล็กก็คงจะไม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น”
“โธ่…”
เกาจู่เชียนถอนหายใจและกล่าวว่า “เอาเถอะ ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก แต่ว่าครอบครัวพวกนั้นตั้งเป้าหมายมาที่ตระกูลเกาของเราอยู่แล้ว ถึงจะไม่มีเรื่องของนาย พวกมันก็จะหาเรื่องอื่นมาเล่นงานเราอยู่ดี นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือตามหาชูฟ่าง”
เกาจู่ต๋าได้สติกลับคืนมาจึงพยักหน้า “ถูกต้อง เราต้องตามหาชูฟ่างก่อน”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลานสาวพูดเมื่อกี้ เกาจู่ต๋าก็ขมวดคิ้วถาม “หลานบอกว่า…อาหญิงไปที่ร้านซิ่งหลินเพื่อรักษาตัวกับพี่สาวของฉินเคอวั่งเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้โรคของอาก็มีหมอมู่หลานเป็นคนรักษา ตอนนี้อาหญิงเลยศรัทธาหมอมู่หลานมาก”
เกาจู่ต๋าก็เคยได้ยินมาว่าพี่สาวของฉินเคอวั่งมีฝีมือทางการแพทย์ดี แต่ความดีความชอบเหล่านั้นล้วนเป็นของพี่สาวเขา และที่สำคัญเท่าที่เขารู้ ฉินมู่หลานเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกับฉินเคอวั่ง ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ดังนั้นแม้ฉินมู่หลานจะมีชาติตระกูลดี ได้แต่งงานดี แต่นั่นก็เป็นเรื่องของฉินมู่หลาน ไม่เกี่ยวกับฉินเคอวั่งเลย
จะพูดได้ก็เพียงว่าตระกูลฉินเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาที่ย้ายมาจากซานตงมาอยู่ปักกิ่ง โชคดีที่สุดของพวกเขาก็คือมีความสัมพันธ์กับตระกูลเหยา ตระกูลเซี่ยและตระกูลเจี่ยง แต่เหตุที่มีความสัมพันธ์เหล่านี้ได้ก็เพราะฉินมู่หลานไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินเลย
“ถ้าอย่างนั้นเราไปร้านซิ่งหลินกันเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเห็นเกาจู่ต๋าจะออกไปทันที เกาซุนชิวก็อดที่จะพูดว่า “อาหญิงเพิ่งออกไป คงจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้วค่ะ”
เกาจู่เชียนก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “จริงด้วยจู่ต๋า อีกสองวันเราค่อยไปดูอีกทีดีกว่า อย่างไรก็ตาม…นายยังไม่ยอมรับเชี่ยนเชี่ยนกับคนรักของหล่อนใช่ไหม ฉันว่า ฉินเคอวั่งก็ใช้ได้อยู่นะ อย่าตั้งเงื่อนไขที่สูงเกินไปเลย”
“ผม…”
เกาจู่ต๋าไม่ชอบฉินเคอวั่งจริงๆ “พี่ใหญ่ อีกสองวันเราไปร้านซิ่งหลินนะ อีกอย่างเชี่ยนเชี่ยนก็ยังเด็กอยู่ ไม่ต้องรีบร้อน”
เมื่อได้ยินน้องชายพูดอย่างนั้น เกาจู่เชียนจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ อย่างไรเสียเกาเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นลูกสาวของน้องชายเขา เขาเป็นพี่ชายจะไปมีสิทธิ์ตัดสินเรื่องสำคัญๆ ในชีวิตของหลานสาวได้อย่างไร
ฉินมู่หลานไม่ได้รู้เรื่องความกังวลใจของตระกูลเกาเลย
หลังจากฉินเคอวั่งหยิบของเสร็จ เขาก็ร่ำลากับทุกคน
“เคอวั่ง ระวังตัวด้วย”
เมื่อฉินเคอวั่งจากไป เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปหาฉินมู่หลานแล้วพูดว่า “มู่หลาน วันนี้เราจะไปโรงงานยากันไหม”
“ได้สิ ไปด้วยกัน”
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะออกไป เซี่ยปิงชิงก็เรียกพวกเธอไว้ “มู่หลาน ปิงหรุ่ย พรุ่งนี้เราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ให้เด็กๆ มาเล่นด้วยกันด้วย”
พูดจบก็หันไปหา คังอันเหอ ผู้อาวุโสลั่ว และคุณปู่ฉินเพื่อชวนไปด้วยกัน
“ได้เลย”
ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ทุกคนก็ไปที่บ้านหลังใหญ่ของตระกูลเจี่ยง คุณย่าฉิน ซูหว่านอี๋ และฉินเคอวั่งก็ไปด้วยกัน ทุกคนมารวมตัวกันอย่างคึกคัก
ฉินมู่หลานไม่ได้เจอเซี่ยปิงชิงและลูกชายฝาแฝดของหล่อนเป็นเวลานานแล้ว วันนี้เมื่อได้เจอกัน เธอก็เข้าไปพูดคุยด้วยตลอดเวลา
ชิงชิง เฉินเฉิน ถวนถวนและหยวนหยวนก็เข้ามารวมวงด้วย เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเด็กๆมารวมตัวกัน จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นมา
คังอันเหอมองเด็กทั้งหกด้วยความอิจฉาแล้วพูดว่า “มู่หลาน ปิงชิง พวกเธอโชคดีจริงๆ ท้องทีเดียวได้สองคน สบายใจจัง”
หล่อนตรวจสอบมาแล้วพบว่าท้องนี้มีลูกคนเดียว เพราะว่าคนที่จะตั้งครรภ์แฝดได้นั้นมีไม่มากนัก
“ถ้าเธอชอบเด็ก เมื่อคลอดคนนี้แล้ว ก็มีต่อเลยสิ”
“รอให้คนนี้คลอดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ระหว่างที่ทุกคนคุยกัน เซี่ยปิงหรุ่ยก็ถามขึ้นว่า “อันเหอ แล้วฟู่โฮ่วหลิ่นกลับบ้านไปแล้วเหรอ ไม่เห็นเขามาซื้อยาหลายวันแล้วนะ”
เมื่อพูดถึงฟู่โฮ่วหลิ่น คังอันเหอก็รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “เขากลับไปแล้วล่ะ ได้ยินว่าคุณปู่ตระกูลฟู่ยังให้ความสำคัญกับเขามาก เพราะว่าแผลในครั้งนี้จะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ ทั้งยังโยกย้ายงานมาที่ปักกิ่งได้ด้วย เขาก็เลยดีใจไม่หาย แต่คนอื่นๆ ในตระกูลฟู่คงไม่ค่อยจะดีใจนัก เพราะงั้นช่วงนี้ตระกูลฟู่จึงวุ่นวายกันน่าดู”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ดูท่าเขาจะคิดได้แล้วจริงๆ”
เจี่ยงสือเหิงกำลังพูดคุยกับฉินเคอวั่ง เมื่อถึงเวลาอาหาร ทุกคนก็ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารด้วยกัน
นาน ๆ ทีทุกคนจะได้มารวมตัวกัน พวกเขาจึงมีความสุขกันมาก จนกระทั่งช่วงบ่ายจึงแยกย้ายกันกลับ
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยมีเรียนในวันจันทร์ หลังจากเลิกเรียนจึงมีเวลาไปที่ร้านซิ่งหลิน พอไปถึงก็ได้พบกับเกาซุนชิวและเกาเชี่ยนเชี่ยน
“ซุนชิว เชี่ยนเชี่ยน พวกเธอก็มาด้วยเหรอ”
เกาซุนชิวไม่ได้ปกปิดและพูดตรงๆ ว่า “พวกเราอยากมาดูว่าอาหญิงได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่คิดว่าทั้งสองจะตามหาหล่อนอย่างใจจดใจจ่อ ขนาดตระกูลเกาเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในปักกิ่ง พวกเขาก็ยังหาเกาซู่ฟางไม่พบ
เกาซุนชิวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ที่บ้านก็ให้คนช่วยตามหาแล้ว แต่ยังไม่พบ เพราะปักกิ่งช่างกว้างใหญ่ การจะตามหาใครสักคนจึงลำบากมาก”
เกาเชี่ยนเชี่ยนไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเกาซู่ฟางเลย แม้จะรู้ว่าบิดามีน้องสาวคนหนึ่ง แต่เหมือนได้ยินมาว่าหล่อนได้แต่งงานไปต่างถิ่นนานแล้ว และได้ตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวอย่างสมบูรณ์ “พี่ อาหญิงกลับมาปักกิ่ง แล้วทำไมไม่ตรงมาที่บ้านเลยล่ะ”
เกาซุนชิวหันไปมองเกาเชี่ยนเชี่ยนแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “อาหญิงเข้าใจผิดในบางเรื่องกับครอบครัว ดังนั้นหล่อนก็เลยไม่ได้กลับมา
ถึงแม้เกาเชี่ยนเชี่ยนจะไม่รู้ว่าเกาซู่ฟางกับครอบครัวทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่เมื่อเห็นว่าครอบครัวยืนกรานที่จะตามหาคน หล่อนก็ต้องช่วยตามหาด้วย
“แต่สองสามวันมานี้อาซู่ฟางก็ไม่ได้มาเลยสองสามวันนี้ ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าหล่อนพักอยู่ที่ไหน”
ถึงจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่เกาซุนชิวยังไม่ยอมแพ้ “งั้นรออีกสองสามวันค่อยมาดูใหม่ ถ้าหากอาหญิงมาจริง รบกวนแจ้งฉันด้วยนะคะ”
“ได้”
………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขัดแย้งกันเรื่องอะไรนะ อาหญิงถึงได้ตัดขาดจากครอบครัวไป
ไหหม่า(海馬)