ตอนที่ 651 เล่อฉยงเยี่ยนยอมขอโทษ(2)
…………….
ตอนที่ 651 เล่อฉยงเยี่ยนยอมขอโทษ(2)
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเล่อฉยงเยี่ยนก็แข็งค้าง หล่อนรู้หมู่เลือดของตัวเอง เพราะหลังจากที่แต่งงานกับกู้วั่งหลานได้ไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง จนต้องมีการให้เลือด หล่อนจึงรู้หมู่เลือดของตัวเอง แต่ไม่เคยรู้หมู่เลือดของเสี่ยวเตี๋ยมาก่อน เพราะไม่เคยได้ตรวจเลย ใครจะไปตรวจเลือดโดยไม่มีเหตุผลกัน?
อย่างไรก็ตาม กู้วั่งหลานกลับพูดต่อว่า “คุณไม่รู้หมู่เลือดลูกตัวเองงั้นเหรอ คุณไม่รู้ แต่ผมรู้ หล่อนหมู่เลือด O ดังนั้นหล่อนจึงไม่ใช่ลูกสาวของคุณแน่ คุณหมู่เลือด AB ไม่สามารถให้กำเนิดลูกหมู่เลือด O ได้ อีกอย่างตอนนี้ต่างประเทศมีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่แม่นยำขึ้นไปอีก ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าหล่อนไม่ใช่ลูกของพวกคุณ”
“และถ้าไม่ใช้การตรวจเหล่านี้ เพียงแค่จับตัวน้องชายของคุณมาสอบถามสักหน่อย ความจริงก็ปรากฏแล้ว เพราะสมัยนั้นน้องชายของคุณเป็นคนอุ้มเด็กจากโรงพยาบาลมาให้คุณเองไม่ใช่เหรอ?”
ตอนแรกเล่อฉยงเยี่ยนยังรู้สึกโชคดี และคิดว่ากู้วั่งหลานแค่ขู่หล่อน แต่ไม่คิดว่าเขาจะหาหลักฐานมาได้ขนาดนี้
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาถึงรู้เรื่องมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของเล่อฉยงเยี่ยน กู้วั่งหลานก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมจะถามคุณอีกครั้งนะ ว่าจะไปขอโทษคุณเหมาชุนเถาไหม”
ถึงแม้ว่าในใจของเล่อฉยงเยี่ยนจะเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่หล่อนก็พยักหน้าตกลง
“ได้… ฉันจะไป”
“ตกลง วันนี้เวลาห้าโมงเย็น ให้มาที่ตรอกซวงจิ่ง จำไว้ว่าห้ามมาสายเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะไปหาผู้จัดการอวี๋”
เล่อฉยงเยี่ยนจ้องมองกู้วั่งหลานด้วยสายตาเย็นชา สุดท้ายก็รีบก้มหัวลงและตอบตกลงทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
ฝั่งกู้วั่งหลานที่ตกลงเรื่องเวลาเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเพื่อเตรียมบอกเหมาชุนเถา
เหมาชุนเถาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นกู้วั่งหลาน แต่เธอนึกว่าเขามาหาฉินมู่หลาน จึงหันไปทางฉินมู่หลานที่อยู่ข้างๆ โดยตรง
ทว่ากู้วั่งหลานกลับมองไปทางเหมาชุนเถาแล้วพูดว่า “คุณชุนเถา ผมมาหาคุณน่ะ เล่อฉยงเยี่ยนตกลงจะขอโทษคุณแล้ว คุณไปกับผมตอนนี้เลย”
“อะไรนะ จริงเหรอคะ?”
เหมาชุนเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เดิมทีหล่อนนึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้ แต่ไม่คิดว่ากู้วั่งหลานจะจัดการได้เร็วขนาดนี้
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ยังมีสีหน้าสนใจ
“ผู้หญิงคนนั้นตกลงจะขอโทษจริงๆเหรอ งั้นพวกเราก็ไปดูกันหน่อยดีกว่า” เดิมทีหล่อนวางแผนจะไปนั่งเล่นที่บ้านชุนเถา แต่ตอนนี้ไม่รีบแล้ว พวกหล่อนอยากจะตามไปดูเล่อฉยงเยี่ยนเอ่ยคำขอโทษ
แม้แต่ฉินมู่หลานก็มีความอยากรู้อยากเห็น จึงพูดว่า “งั้นพวกเราไปด้วยกันไหม” แล้วหันไปถามกู้วั่งหลานว่า “ผู้จัดการกู้ พวกเราไปด้วยได้ไหมคะ?”
กู้วั่งหลานย่อมไม่ปฏิเสธและพยักหน้าว่า “ได้สิ”
และในที่สุด กู้วั่งหลานก็พาเหมาชุนเถา ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไปที่ตรอกซวงจิ่ง พอพวกเขามาถึง เล่อฉยงเยี่ยนก็มาที่นั่นเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นคนเพิ่มขึ้นมาสองคน สีหน้าของหล่อนจึงไม่ค่อยดีนัก “พวกเธอเป็นใคร?”
กู้วั่งหลานอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่า “สองคนนี้เป็นผู้บริหารของโรงงานยาซิ่งหลินและร้านซิ่งหลิน พวกเราเชิญพวกหล่อนมาเป็นพยาน”
“อะไร พวกเธอเป็นหัวหน้าของคุณเหรอ?”
เล่อฉยงเยี่ยนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นผู้หญิงคนนี้บ่นจู้จี้ไม่ยอมเริ่มขอโทษ ก็เตือนตรงๆ ว่า “คุณไม่ได้มาขอโทษเหรอ รีบๆ เข้าสิ เราต่างก็ยุ่งไม่มีเวลาจะมาเสียเวลากับคุณที่นี่”
“คุณ…”
เล่อฉยงเยี่ยนโกรธมากที่ได้ยินแบบนั้น สุดท้ายก็มองไปทางกู้วั่งหลานแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกเรา ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็น”
ในเวลานี้เหมาชุนเถาก็พูดขึ้นมา
“มู่หลานและปิงหรุ่ยไม่ใช่คนอื่น รีบเถอะค่ะ”
เล่อฉยงเยี่ยนไม่คิดว่าหญิงสาวบ้านนอกคนนี้จะพูดแบบนี้ แต่พอเห็นสายตาเตือนจากกู้วั่งหลาน หล่อนก็ทำได้แต่กลั้นใจพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจ “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่กล่าวหาคุณในตอนนั้น”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดโดยไม่มีความจริงใจเท่าใด แต่เหมาชุนเถา ก็รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองชื้นขึ้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่ก็ยังเอ่ยขอโทษ นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายต่างหากที่ผิด เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เหมาชุนเถาจะได้พูดอะไร เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“นี่คุณขอโทษแบบนี้เหรอ พูดมาแบบนี้ไม่มีความจริงใจเลย แถมยังพูดเสียงเบาอีก พูดให้ใครฟัง พวกเราไม่ได้ยินเลยนะ”
เล่อฉยงเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหลับตาแล้วก็ขอโทษเสียงดังว่า “ขอโทษ…”
เซี่ยปิงหรุ่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมาชุนเถาก็ดึงหล่อนไว้แล้วจ้องไปทางเล่อฉยงเยี่ยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันได้รับคำขอโทษของคุณแล้ว หวังว่าคุณจะไม่ใส่ร้ายป้ายสีใครมั่วๆ อีก”
กู้วั่งหลานเห็นดังนั้นก็กล่าวเสริม “ใช่ อย่าเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
กู้วั่งหลานล่วงรู้จุดอ่อนของหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก และพูดกับกู้วั่งหลานแค่ว่า “ตอนนี้ฉันขอโทษแล้ว ฉันไปได้หรือยัง?”
กู้วั่งหลานพยักหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “ไปได้แล้ว”
พอได้ยินแบบนั้น เล่อฉยงเยี่ยนก็รีบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
หลังจากที่เล่อฉยงเยี่ยนจากไป เหมาชุนเถาจึงหันไปทางกู้วั่งหลานแล้วพูดว่า “ผู้จัดการกู้ ขอบคุณนะคะ”
แต่กู้วั่งหลานกลับโบกมือปฏิเสธและกล่าวว่า “คุณชุนเถา คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ ผมต่างหากที่ควรจะต้องขอโทษคุณ” เมื่อพูดจบกู้วั่งหลานก็ขอโทษตามไปด้วย
เมื่อเหมาชุนเถาเห็นอย่างนั้น จึงรีบพูดว่า “ผู้จัดการกู้ อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ”
ฉินมู่หลานที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ผู้จัดการกู้ คุณอย่าทำให้ชุนเถาลำบากใจเลยค่ะ ที่นี่ใกล้บ้านของชุนเถามาก เราไปแวะนั่งคุยกันเถอะ” จริงๆ แล้ว เธออยากรู้มากว่ากู้วั่งหลานทำอย่างไรถึงทำให้เล่อฉยงเยี่ยนยอมมาขอโทษ
เซี่ยปิงหรุ่ยเองก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน ดังนั้นเมื่อไปถึงบ้านของเหมาชุนเถา จึงอดใจไม่ไหวที่จะถามออกมา
“ผู้จัดการกู้ คุณใช้วิธีไหนเกลี้ยกล่อมเล่อฉยงเยี่ยนคะ?”
กู้วั่งหลานลังเลเมื่อได้ยินคำถามนั้น ก่อนจะตอบในที่สุดว่า “ผมรู้จุดอ่อนบางอย่างของเล่อฉยงเยี่ยน จึงทำให้หล่อนตกใจกลัวจนต้องมาขอโทษ”
“จุดอ่อนอะไรเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ กู้วั่งหลานก็เงียบไปชั่วครู่
เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของกู้วั่งหลานก็รีบพูดว่า “ผู้จัดการกู้ เราแค่สงสัยเฉยๆ ถ้าไม่สะดวกจะบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“จริงๆ แล้ว… ผมแค่บังเอิญรู้บางเรื่องเข้า”
กู้วั่งหลานลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงให้ทุกคนฟัง
“อะไรนะ…ลูกสาวคนนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาเหรอคะ เล่อฉยงเยี่ยนนี่ใจกล้ามากเลยนะ หล่อนไม่กลัวเหรอคะว่าสามีจะจับได้” เหมาชุนเถาตกใจมากจนพูดไม่ออก รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อมาก
แม้แต่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
แต่กู้วั่งหลานกลับหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เล่อฉยงเยี่ยนเป็นคนใจกล้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หล่อนถึงได้หย่ากับสามีคนที่สองไปไงล่ะ ก็เป็นเพราะว่าไม่มีลูก คราวนี้หล่อนก็เลยเสี่ยงพาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแล้วบอกว่าเป็นลูกของหล่อนกับอวี๋เฉิงอี้”
เมื่อเสร็จธุระ กู้วั่งหลานก็ไม่รอช้าและได้ขอตัวกลับก่อน
ส่วนฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ตามออกไปติดๆ และสองสาวก็มุ่งหน้าไปที่ร้านซิ่งหลิน
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ต้องให้โดนแฉความลับถึงจะยอมขอโทษละนะ
ไหหม่า(海馬)