ตอนที่ 649 คุณช่างโง่เขลา(2)
…………….
ตอนที่ 649 คุณช่างโง่เขลา(2)
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนี้ก็ถึงกับหน้าตาตกใจ
“คุณก็ไม่ได้ผิดอะไรตั้งแต่แรกนี่ แล้วทำไมต้องหลบเลี่ยงแม่เลี้ยงด้วย สภาพของคุณแบบนี้แสดงว่าครอบครัวคุณคงมีฐานะดีสินะ แต่คุณกลับหนีไปที่ซีหนาน สิ่งของในบ้านคุณก็ต้องตกไปอยู่ในกระเป๋าของแม่เลี้ยงไปหมดสิ คุณยอมได้จริงๆ เหรอ?”
ฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ครุ่นคิดขึ้นมาแวบหนึ่ง
เดิมทีเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เพราะแม้แต่พ่อแท้ๆ เขายังไม่อยากจะสนใจ และรู้สึกว่าการติดต่อกับพวกเขาเป็นเรื่องน่าขยะแขยง เขาจึงไม่เคยคิดจะสืบทอดทุกสิ่งของบิดา
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฟู่โฮ่วหลิ่นเป็นแบบนี้ก็เดาออกถึงความคิดของเขา
“คุณนี่โง่เขลาจริงๆ”
หล่อนทำหน้าไม่เห็นด้วยสุดๆ “ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยนิดก็แต่งงานกับพ่อของคุณแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะว่ารักแท้ หล่อนต้องหมายในทรัพย์สินของตระกูลคุณอยู่แน่ๆ แต่คุณกลับไม่แย่งชิงกลับมา แล้วยังเดินเข้าไปในกับดักของผู้หญิงคนนั้นอีก”
คราวนี้คังอันเหอก็เสริมเข้ามาอีกว่า “ใช่แล้วโฮ่วหลิ่น ถ้าคุณไม่แย่งชิงกลับมา สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ก็คือทังเยว่ซินกับลูกชายของหล่อนนะ คุณอย่าได้ทำเรื่องโง่ๆ เลย”
“ผู้หญิงคนนั้นมีลูกชายด้วยเหรอ ถึงว่าหล่อนก็คงอยากจะยึดทรัพย์ในบ้านให้กับลูกชายของตนเองหมดสิ คุณทำแบบนี้กลับกลายเป็นว่าได้ประโยชน์ให้แม่ลูกคู่นั้นไปแทน” เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าฟู่โฮ่วหลิ่นเป็นคนที่โง่เขลาสุดๆ ไม่ใช่แค่ยอมเสียเปรียบ แต่ยังยกประโยชน์ให้ศัตรูอีก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเย้ยขึ้นมาหนึ่งประโยค
“ดูเหมือนว่าพ่อของคุณยังแข็งแรงดีสินะ”
ฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินดังนั้นจึงหันมามองเซี่ยปิงหรุ่ยอีกครั้งแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ร่างกายเขายังแข็งแรง แต่ผมไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวก็ประสบความสำเร็จได้นะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยอดพูดต่อไม่ได้ “ถึงคุณจะประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งของตัวได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องรับในสิ่งที่สมควรได้ คุณไม่คิดถึงตัวเองก็ควรคิดถึงพี่ชายที่ตายไปแล้ว หรือคุณจะยอมให้แม่เลี้ยงได้ทุกสิ่งที่เป็นของคุณทั้งสองคนไปกันล่ะ?”
ฉินมู่หลานได้ยินก็รู้สึกเหมือนถูกราดน้ำสกปรกใส่ กระซิบถามคังอันเหอถึงเรื่องของฟู่โฮ่วหลิ่น และเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เธอก็พูดสนับสนุน
“ฉันก็เห็นด้วยกับปิงหรุ่ย คุณไม่ควรหลบหนี แต่ควรแย่งชิงทุกสิ่งที่เป็นของคุณคืนมา เพื่อให้คนเหล่านั้นได้รับโทษ”
เมื่อเห็นทุกคนพูดแบบนั้น ฟู่โฮ่วหลิ่นก็เริ่มลังเลกับความคิดเดิมๆ ของตัวเอง
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นดังนั้นจึงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉินมู่หลานก็รั้งหล่อนไว้ เธอหันไปทางฟู่โฮ่วหลิ่นแล้วพูดว่า “ฉันได้เขียนใบสั่งยาไว้ให้แล้ว คุณรับยาเสร็จแล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
คังอันเหอกำลังจะไปจัดยา แต่ก็ถูกคุณปู่ฉินตัดหน้าไปเสียก่อน
รอจนกระทั่งฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยามาแล้ว เขาก็จ่ายเงิน แล้วก็กล่าวคำอำลา
หลังจากฟู่โฮ่วหลิ่นออกไปแล้ว คุณปู่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตระกูลใหญ่ช่างวุ่นวายเสียจริง ถึงลูกชายคนโตจะตายไปแล้ว แต่พ่อจะไปเอาเมียของลูกชายคนโตที่ตายไปแล้วได้ยังไงกัน”
ผู้อาวุโสลั่วไม่ได้พูดอะไร เพราะเรื่องเหลือเชื่อมีอยู่มากมาย เมื่อเจอจนชินก็ไม่แปลกใจแล้ว
“เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเสี่ยวฟู่ว่าเขาจะทำอย่างไร”
เซี่ยปิงหรุ่ยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ใช่ เรื่องที่ควรพูด เราพูดไปหมดแล้ว ถ้าฟู่โฮ่วหลิ่นยังคิดจะหลบหนีต่อไปก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก ทุกอย่างเป็นทางเลือกของเขาเอง”
อย่างน้อยถ้าเป็นหล่อน หล่อนคงจะอาละวาดจนบ้านแทบแตก แม่กับพี่ชายตายไปแล้ว หล่อนไม่มีทางยอมให้พ่อกับแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงมีความสุขแน่
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับฟู่โฮ่วหลิ่นเอง”
หลังจากนั้น ทุกคนก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กันอีก แต่กลับถามถึงเรื่องภรรยาเก่าของกู้วั่งหลานแทน
“ทางฝ่ายผู้อำนวยการหลิวจะตามไปสืบหาข่าว เราก็แค่รอข่าวจากเขาก็แล้วกัน”
แม้ล่าสุดจะยังไม่ทราบสถานการณ์ของเล่อฉยงเยี่ยน แต่การแต่งงานถึงสามครั้งของหล่อนก็ยังสร้างความประหลาดใจให้กับเซี่ยปิงรุ่ยและคังอันเหอ
“ต้องบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้มีวิธีการมากมาย แม้ว่าจะหย่าไปแล้วถึงสองครั้ง แต่ก็ยังสามารถแต่งงานกับผู้จัดการโรงงานเหล็กได้”
“ใช่ เธอเก่งจริงๆ”
อันที่จริงฉินมู่หลานก็คิดแบบนั้น เพียงแต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจแค่ไหน พวกเธอก็ต้องลงมือลอง
ทางด้านหลิวเสวียข่ายก็ลงมืออย่างรวดเร็ว เมื่อสืบหาข่าวได้แล้วก็มาบอกกับฉินมู่หลาน
“ตอนแต่งงานครั้งที่สอง เล่อฉยงเยี่ยนไม่มีลูก พอแต่งงานกับสามีคนปัจจุบันก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน เพราะประวัติการแต่งงานที่มากมายและไม่มีลูกชาย แม่สามีจึงไม่ชอบหล่อนมากนัก แต่สามีคนปัจจุบันกลับชอบหล่อนมาก ตามใจหล่อนทุกอย่าง ทำให้ถึงตอนนี้แล้ว เล่อฉยงเยี่ยนก็ยังคงเอาแต่ใจตัวเองอยู่”
ระหว่างที่หลิวเสวียข่ายพูด ก็หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งออกมา
“ในนี้มีข่าวเกี่ยวกับโรงงานเหล็ก ผู้ชายในภาพนี้ก็คือสามีคนปัจจุบันของเล่อฉยงเยี่ยน”
ฉินมู่หลานรับหนังสือพิมพ์มาแล้วอ่านอย่างละเอียด แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าดูตามข่าวนี้ ผู้จัดการอวี๋ ก็เป็นผู้บริหารที่ดีคนหนึ่ง”
หลิวเสวียข่ายพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ตั้งแต่ผู้จัดการอวี๋เข้ามารับตำแหน่ง ผลประกอบการของโรงงานเหล็กก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะแบบนี้ทุกคนเลยคาดหวังในตัวเขามาก”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลิวเสวียข่ายก็หวนนึกขึ้นได้
“อ้อ ตอนที่ผมกำลังสืบหาข่าว ก็พบว่ามีคนอื่นกำลังสืบหาของอวี๋เฉิงอี้คนนี้อยู่ด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉินมู่หลานถึงกับแปลกใจ เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเพราะยังมีคนอื่นสืบหาประวัติของอวี๋เฉิงอี้ด้วย
แต่ไม่นานนัก เธอก็ได้รู้ว่าเป็นกู้วั่งหลานที่กำลังสืบหาอยู่
“มู่หลาน ผมไม่คิดว่าพวกคุณจะหาข้อมูลเรื่องนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตกลงกันไว้เหรอว่าให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “จริงๆ แล้วพวกเราแค่อยากให้คุณเล่อฉยงเยี่ยนออกมาขอโทษเหมาชุนเถาด้วยตัวเอง เราก็เลยต้องหาข้อมูลของคุณเล่อน่ะค่ะ”
กู้วั่งหลานคาดไม่ถึงว่าเหมาชุนเถาจะร้องขอเพียงเท่านี้
“คุณชุนเถาคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ หล่อนต้องการเรียกร้องความยุติธรรมและให้คุณเล่อฉยงเยี่ยนออกมาขอโทษหล่อนด้วยตัวเอง”
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ส่วนที่เหลือผมจะจัดการเอง” คำพูดนี้มีความหมายโดยนัยว่าให้พวกมู่หลานอย่าได้ยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น
ฉินมู่หลานเหลือบมองกู้วั่งหลานด้วยหางตา จากนั้นก็ถามว่า “ผู้จัดการกู้ มั่นใจแล้วเหรอว่าไม่ให้พวกเราช่วยเหลืออะไร?”
“ใช่ ผมจะให้ผู้หญิงคนนั้นออกมาขอโทษชุนเถาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลุ้นเลยค่ะว่าจะไปทำให้เล่อฉยงเยี่ยนขอโทษชุนเถาได้ยังไง
ไหหม่า(海馬)