ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 632 ซื้อบ้าน(1)

ตอนที่ 632 ซื้อบ้าน(1)

ตอนที่ 632 ซื้อบ้าน(1)

…………….

ตอนที่ 632 ซื้อบ้าน(1)

ฉินเคอวั่งเห็นเกาเชี่ยนเชี่ยนมา สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“เชี่ยนเชี่ยน เธอมาได้ยังไง”

เมื่อเกาเชี่ยนเชี่ยนเจอฉินเคอวั่ง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เคอวั่ง ขอโทษนะ ที่เมื่อวานทำให้นายลำบาก”

เมื่อเห็นท่าทางของเกาเชี่ยนเชี่ยน ฉินเคอวั่งก็รีบกล่าวทันที “เชี่ยนเชี่ยน ทำไมเธอพูดอย่างนั้นล่ะ”

เมื่อเห็นทั้งสองยืนอยู่ข้างหน้ารั้วประตูบ้าน ฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้นว่า “ยืนหนาวอยู่ข้างนอกทำไม รีบเข้ามาสิ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็อดหันมองฉินมู่หลานเสียไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะพี่มู่หลาน”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วส่ายหัว พลางกล่าวว่า “เชี่ยนเชี่ยน ทำไมเธอถึงสุภาพขนาดนี้ล่ะ รีบเข้ามาเร็ว”

เมื่อซูหว่านอี๋เห็นว่าเกาเชี่ยนเชี่ยนมา ก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ลูกชายไปบ้านตระกูลเกา จึงไม่ค่อยยินดีต้อนรับเกาเชี่ยนเชี่ยนเหมือนครั้งก่อน ซึ่งเกาเชี่ยนเชี่ยนก็รู้สึกได้เหมือนกัน แต่หล่อนก็ไม่ได้ตำหนิอะไรซูหว่านอี๋ เพราะฉินเคอวั่งตั้งใจไปกล่าวอวยพรปีใหม่ที่บ้าน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับหล่อน หล่อนเองก็คงไม่พอใจเหมือนกัน

ซูหว่านอี๋เห็นสีหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความลำบากใจ ก็รู้สึกได้ว่าสีหน้าของตัวเองดูเย็นชาเกินไป แต่ด้วยอคติกับตระกูลเกาจึงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นไม่ได้จริง ๆ แล้วรีบกลับเข้าไปทำงานนครัวต่อ

ทว่าซูหว่านอี๋ยังไม่ทันได้เดินจากไป เกาเชี่ยนเชี่ยนก็รีบเปิดปากทันที หล่อนหันมองตรงไปที่ซูหว่านอี๋และฉินมู่หลานพลางกล่าวว่า “น้าซู พี่มู่หลาน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ หนูไม่คิดว่าที่บ้านจะเป็นแบบนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้เลย แถมพวกเขายังคะยั้นคะยอให้หนูเชิญเคอวั่งไปที่บ้านด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า…”

หลังจากพูดจบ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็รู้สึกเหมือนทนพูดต่อไม่ได้ แต่ก็รู้สึกว่าควรแสดงความรู้สึกในใจของตัวเองให้หมดเปลือก

“แต่น้าซู พี่มู่หลาน ความรู้สึกที่หนูมีต่อเคอวั่งไม่เคยเปลี่ยนเลย ถึงครอบครัวหนูจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่หนูก็จะปักใจอยู่กับเคอวั่งค่ะ”

เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของสาวน้อย ซูหว่านอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะมุ่งมั่นขนาดนี้

ฉินมู่หลานมองตรงไปที่เกาเชี่ยนเชี่ยนแล้วกล่าวว่า “เชี่ยนเชี่ยน เธอตัดสินใจแล้วเหรอ เพราะครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วย พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันคงจะยากนะ”

เกาเชี่ยนเชี่ยนกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “หนูตัดสินใจแล้วค่ะ หนูชอบเคอวั่ง ขอแค่ได้อยู่กับเขาก็พอค่ะ”

ก่อนหน้านี้ที่พูดไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่พูดจบไปแล้ว ใบหน้าของเกาเชี่ยนเชี่ยนก็กลายเป็นสีแดงขึ้นมา

ในช่วงเวลาคับขัน หล่อนเอ่ยคำพูดเช่นนี้อย่างกล้าหาญกับแม่และพี่สาวของเคอวั่งออกไปแล้ว จึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะมองคน พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวหล่อนโผงผางเกินไปหรือไม่

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ซูหว่านอี๋จะรู้สึกเขินแทนเมื่อได้ฟังสาวน้อยสารภาพรักกับลูกชายตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าสาวน้อยเกาเชี่ยนเชี่ยนคนนี้เป็นเด็กดีมาก ที่ยืนหยัดข้างลูกชายของตนอย่างความเด็ดเดี่ยว จึงสนับสนุนหล่อนด้วยเหมือนกัน

“เชี่ยนเชี่ยน เธอชอบเคอวั่งขนาดนี้ ก็ถือเป็นบุญวาสนาของเขาเหมือนกันนะ ถึงยังไงครอบครัวของเราก็ไม่ได้ต่อต้านเธออยู่แล้ว ต่อไปพวกเธอสองคนก็รักใคร่กลมเกลียวกันให้ดีล่ะ”

เมื่อเห็นซูหว่านอี๋กล่าวแบบนั้น สีหน้าของเกาเชี่ยนเชี่ยนก็ดูดีใจ

“ขอบคุณค่ะน้าซู”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็โบกมือแล้วกล่าว “เชี่ยนเชี่ยน เรื่องนี้ต้องขอบคุณอะไรกัน เธอกับเคอวั่งได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราอยากจะเห็น ต่อไปเธอก็มานั่งเล่นบ้านเราให้บ่อยขึ้นนะ เดี๋ยวน้าจะทำอาหารอร่อย ๆ เตรียมเอาไว้ให้เอง”

ฉินมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่แล้วเชี่ยนเชี่ยน มีเวลาก็มานั่งเล่นที่บ้านก็ได้”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากกู้วั่งหลานเข้ามาข้างใน ก็เห็นว่าฉินมู่หลานกำลังพูดคุยกับอีกหลายคน จึงเดินไปนั่งอยู่อีกฝั่ง และเหมาชุนเถาก็เห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่คนเดียว จึงนำชาไปให้เขา

“ผอ.กู้ ดื่มชาก่อนค่ะ”

กู้วั่งหลานเห็นเหมาชุนเถา นอกจากนี้ยังเห็นหล่อนสวมผ้ากันเปื้อนรินชาให้เขา จึงอดแปลกใจไม่ได้ “สหายเหมา คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ”

เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ ฉันกับจี๋เซียงน้อยมาพักที่บ้านมู่หลานช่วงหนึ่ง ช่วงปีใหม่ก็เลยค่อนข้างคึกครื้นค่ะ”

“นั่นก็เป็นเรื่องดีนะครับ”

กู้วั่งหลานไม่ได้ถามเหมาชุนเถาว่าเหตุใดจึงไม่กลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่ เพียงแค่ยิ้มแล้วถามถึงจี๋เซียงน้อย

ขณะที่เหมาชุนเถากำลังจะตอบ จี๋เซียงน้อยก็มาพอดี ก่อนหน้านี้เขาเคยเจอกู้วั่งหลานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้พบกันอีกครั้ง จึงกล่าวทักทายทันที “คุณอากู้ สวัสดีปีใหม่ครับ”

เมื่อมองจี๋เซียงน้อย แววตาของกู้วั่งหลานก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีปีใหม่ จี๋เซียงน้อย”

เขาไม่เคยทราบมาก่อนว่าเหมาชุนเถาและจี๋เซียงน้อยสองแม่ลูกมาอาศัยอยู่ที่บ้านของฉินมู่หลาน ทำให้ไม่ได้เตรียมของมาเลย เขาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบขนมสองสามชิ้นออกมาพลางยื่นไปให้

จี๋เซียงน้อยไม่ได้รับในทันที แต่หันไปมองเหมาชุนเถาเหมือนเป็นการถาม หลังจากแม่พยักหน้าจึงยอมรับไว้ “ขอบคุณครับอากู้”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

กู้วั่งหลานลูบหัวจี๋เซียงน้อย ได้แต่รู้สึกว่าเด็กคนนี้ฉลาดเหลือเกิน

และเหมาชุนเถาก็กลัวว่ากู้วั่งหลานจะหนวกหู จึงหันไปมองแล้วพูดกับจี๋เซียงน้อยว่า “จี๋เซียง ลูกไปเล่นคนเดียวก่อนเถอะ”

แต่ถึงอย่างนั้นกู้วั่งหลานกลับยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมเล่นกับจี๋เซียงน้อยเอง” เขาค่อนข้างประทัยใจในตัวจี๋เซียงน้อย ดังนั้นจึงสุขใจที่ได้คุยเล่นกับเด็กแล้วเล่นกันอย่างสนุกสนาน

เหมาชุนเถาเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไร ขณะเดียวกันซูหว่านอี๋ก็เดินเข้ามา หล่อนสังเกตเห็นชาร้อนที่อยู่ตรงหน้ากู้วั่งหลานได้ในทันที แล้วก็ทราบด้วยว่าเป็นฝีมือของเหมาชุนเถา จึงรีบกล่าวว่า “ชุนเถา ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ เธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่กลับต้องมาทำงานแบบนี้ รีบไปนั่งพักเถอะ ไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอก เดี๋ยวน้าทำเอง”

เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณน้าคะ เมื่อวานฉันก็บอกแล้ว ว่าฉันทำอาหารขึ้นชื่อได้หลายอย่าง ก็เลยจะเข้าครัวกับน้าไงคะ”

ซูหว่านอี๋ก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่เมื่อวานคิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเหมาชุนเถาจะทำอาหารจริง ๆ สุดท้ายก็ขัดไม่ได้ เข้าครัวไปพร้อมกับเหมาชุนเถา

เมื่อฉินมู่หลานเห็นสิ่งนี้ก็วางแผนที่จะเข้าไปช่วยในครัว

เหมาชุนเถาเห็นฉินมู่หลานเข้ามา ก็รีบกล่าวขึ้น “มู่หลาน เธอไปคุยกับผอ.กู้เถอะ เดี๋ยวเรื่องในครัวฉันกับคุณน้าจัดการเอง”

“ไม่เป็นไร เคอวั่งกับเชี่ยนเชี่ยนก็นั่งคุยกับ ผอ.กู้อยู่ ฉันก็เลยเข้ามาช่วยพวกเธอนี่ไง”

ซูหว่านอี๋กล่าวผลักไส “มู่หลาน ลูกฟังที่ชุนเถาบอกเถอะ ออกไปนั่งคุยกับแขกข้างนอกไป ที่นี่ไม่มีอะไรให้ลูกช่วยหรอก”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังไม่ออกไปข้างนอก ซูหว่านอี๋ก็กล่าวตามตรง “ลูกอย่ามาเกะกะในนี้ดีกว่า รีบออกไปเลย”

“อุบ…”

เหมาชุนเถาไม่สามารถกลั้นขำได้และหัวเราะออกมา ขณะเดียวกันก็รู้สึกอิจฉาความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกของฉินมู่หลานและซูหว่านอี๋ไปด้วย

ใบหน้าของฉินมู่หลานเปลี่ยนเป็นสีแดง และไม่เซ้าซี้อีกต่อไป “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นหนูออกไปคุยกับผอ.กู้นะคะ”

หลังจากฉินมู่หลานออกมา ก็เห็นกู้วั่งหลานกำลังเล่นกับจี๋เซียงน้อย ใบหน้าที่เย็นชาอยู่เสมอมีรอยยิ้มแสนอบอุ่นประดับอยู่กำลังเล่นเครื่องบินกระดาษอยู่กับจี๋เซียงน้อย ส่วนฉินเคอวั่งและเกาเชี่ยนเชี่ยนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็นั่งคุยกันเงียบ ๆ

กู้วั่งหลานเห็นฉินมู่หลานกำลังเดินมา ก็อดเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ “มู่หลาน แล้วพวกลูก ๆ คุณล่ะครับ?”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อยู่กับพวกคุณปู่คุณย่าน่ะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเรียกพวกเขาก่อน”

“น้ามู่หลาน ผมไปด้วยครับ”

ช่วงหลายวันนี้ จี๋เซียงน้อยกับพวกเด็ก ๆ สนิทกันมากขึ้น แล้ว โดยเฉพาะกับชิงชิงและเฉินเฉิน นอกจากนี้ยังสามารถเล่นด้วยกันได้

“ได้จ้ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มันต้องอย่างนี้ยัยหนู สู้เพื่อความรักของเรา

ผู้ชายอบอุ่นอยู่กับเด็กแล้วมันน่ารักจังเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset