ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 612 อันตราย(1)

ตอนที่ 612 อันตราย(1)

ตอนที่ 612 อันตราย(1)

ตอนที่ 612 อันตราย(1)

ฉินมู่หลานมองบุคคลที่เข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ผู้จัดการตู้ อาหารกินมั่วซั่วได้ แต่คำพูดคำจาไม่ควรจะเป็นแบบนั้นนะคะ”

หลังจากที่ตู้เยว่เอ๋อร์เซ็นใบสั่งซื้อในครั้งก่อน หล่อนก็หายตัวไป และเพิ่งได้พบเจอตัวอีกครั้งในวันนี้

แต่ในขณะนี้ ตู้เยว่เอ๋อร์มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด พูดจาวกวนซ้ำๆว่า “เป็นเพราะเธอ ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ เธอเห็นฉันที่เมืองไห่เฉิง แล้วก็แพร่งพรายพิกัดของฉันไป ฉันจึงถูกตามหาเจอ”

พูดจนจบ ตู้เยว่เอ๋อร์ก็มีแต่แววเกลียดชังในดวงตา หล่อนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นและรีบวิ่งเข้ามาหาฉินมู่หลาน พร้อมกับมือที่ล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋า

“มู่หลาน ระวัง…”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นดังนั้นก็อุทานเสียงหลง

ฉินมู่หลานรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักเซี่ยเหยียนลั่วไปที่ปลอดภัยด้านข้าง แล้วเธอก็รีบผลักโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเข้าหาตู้เยว่เอ๋อร์

เมื่อตู้เยว่เอ๋อร์เห็นโต๊ะพุ่งเข้ามา ก็รีบหลบไปทางด้านข้าง แต่ก็ยังถูกมุมโต๊ะกระแทกจนแขนเป็นรอยฟกช้ำ และในใจก็มีความเกลียดชังฉินมู่หลานมากยิ่งขึ้น “ ฉินมู่หลาน ฉันสูญเสียลูกไปแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมให้เธอมีความสุขเช่นกัน”

ฉินมู่หลานกลับแค่นเสียงเย็นชา “คุณเสียลูกไปก็มาโยนความผิดให้ฉันเหรอ โทษฐานอะไร จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เจอคุณที่เมืองไห่เฉิงเลยนะ ถ้าฉันเจอคุณที่เมืองไห่เฉิงจริง แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าฉันเป็นคนแจ้งเบาะแสของคุณ”

ตอนที่อยู่เมืองไห่เฉิง เธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ ที่แท้ก็คือตู้เยว่เอ๋อร์ เพียงตอนนั้นเธอไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้ว

ตอนนั้นเธอกำลังยุ่งอยู่กับการหาตัวนักแสดงมาถ่ายโฆษณา และกำลังยุ่งกับการเจรจาความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้า เธอจะไปมีเวลามองคนที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นตู้เยว่เอ๋อร์หรือไม่ก็ไม่รู้ทำไมกัน

เมื่อตู้เยว่เอ๋อร์ได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกว่าฉินมู่หลานกำลังเถียงข้างๆคูๆ

“ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่เมืองไห่เฉิง และฉันก็เพิ่งจะเจอเธอที่เมืองไห่เฉิงเท่านั้น ดังนั้นนอกจากเธอแล้วยังจะมีใครอีก?”

แต่ฉินมู่หลานกลับแค่นเสียงเย็นชา “ฉันไม่ได้เจอคุณนะ พวกเราที่ไปเมืองไห่เฉิงในครั้งนี้ก็อยู่กันตั้งหลายคน แต่ไม่มีใครเห็นคุณเลย”

เซี่ยปิงหรุ่ยที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็พูดขึ้นว่า “มู่หลาน อย่าเสียเวลาพูดกับคนสติไม่ดีเลย พูดไปหล่อนก็ไม่เชื่อหรอก”

พูดจบก็รีบไปยืนอยู่ข้างๆ ฉินมู่หลานพร้อมกับคังอันเหอ เพราะคิดว่าหากตู้เยว่เอ๋อร์มีการเคลื่อนไหวอะไร พวกหล่อนก็จะช่วยกันจัดการได้

ฉินมู่หลานก็กลัวว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะคลุ้มคลั่งต่อ เธอจึงหยิบหม้อยาจากเคาน์เตอร์มาใบหนึ่ง โดยคิดว่าถ้าถึงคราวคับขันคงต้องใช้สิ่งนี้ฟาดหัวคน

ตู้เยว่เอ๋อร์เห็นสีหน้าระวังตัวของคนเหล่านี้ ก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จริงๆ แล้วหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะใช้ความรุนแรง แต่เมื่อคนเหล่านี้ขวางทางหล่อน ทั้งยังด่าทอหล่อนอีก คนพวกนี้ก็สมควรตายกันทั้งนั้น

“พวกแกสมควรตาย”

ว่าจบ ตู้เยว่เอ๋อร์ก็เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ก่อนจะชักปืนสีดำออกมาจากเอว

“ปิงหรุ่ย อันเหอ หลบไป…”

เมื่อฉินมู่หลานเห็นตู้เยว่เอ๋อร์คว้าของจากเอวด้านหลัง เธอก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงตะโกนบอกเซี่ยปิงหรุ่ยและคังอันเหอ ก่อนจะปาหม้อดินเผาใส่ตู้เยว่เอ๋อร์

“ปั้ก!”

ตู้เยว่เอ๋อร์โดนหม้อดินเผากระแทกเข้าที่หน้าผากจนมีเลือดไหลอาบ ส่วนปืนในมือก็เล็งเป้าไม่ได้ จึงยิงพลาดไปที่ตู้ยาด้านหลังฉินมู่หลานและคนอื่นๆ

“โอ๊ย…”

ดวงตาของตู้เยว่เอ๋อร์โดนเลือดบังจนมองไม่ถนัด แต่ก็ยังรู้ว่ากระสุนนัดเมื่อกี้คงยิงพลาด จึงไม่สนอะไรทั้งนั้นและเริ่มยิงแบบเดาสุ่ม

ฉินมู่หลานก็หาจังหวะคว้าหม้อยาอีกสองใบปาไปทางตู้เยว่เอ๋อร์ที่กำลังมองเห็นไม่ชัด และเธอก็เล็งได้ดีมาก เพราะหม้อใบหนึ่งปาไปโดนหน้าอกของตู้เยว่เอ๋อร์ อีกใบปาไปโดนข้อมือ

“โอ๊ย…”

ตู้เยว่เอ๋อร์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ปืนในมือร่วงลงพื้น

ตอนนี้แหล่ะ…

ฉินมู่หลานฉวยโอกาสตอนที่ตู้เยว่เอ๋อร์ยังตั้งตัวไม่ติด วิ่งเข้าไปเตะปืนอันตรายนั้นให้กระเด็นออกไป จากนั้นก็กระโดดใส่ตัวตู้เยว่เอ๋อร์ พร้อมกดให้หล่อนอยู่กับพื้น

เซี่ยปิงหรุ่ยมองตาค้างอยู่พักหนึ่ง กว่าจะได้สติก็เพราะคังอันเหอเตือน “ใช่แล้วๆ พวกเราต้องเข้าไปช่วย”

เซี่ยปิงหรุ่ยกับคังอันเหอวิ่งเข้ามาสมทบ และหญิงสาวทั้งสามก็กระโดดทับบนตัวตู้เยว่เอ๋อร์

“เชือก เอาเชือกมัดตัวหล่อนไว้”

เซี่ยปิงหรุ่ยหันไปเห็นเชือกเส้นหนึ่ง ก่อนจะทุบหน้าอกที่เต้นแรงและเดินเข้าไปด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยรีบนำเชือกไปมัดผู้หญิงคนนั้นทันที

“เฮ้อ…ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว”

เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลซึมเต็มหลัง แม้อากาศจะหนาวเย็นแต่กลับมเหงื่อออกมากมาย คังอันเหอที่อยู่ใกล้ๆก็มีสภาพไม่แพ้กัน เพราะหล่อนก็มีเหงื่อออกเต็มใบหน้า หันไปถามฉินมู่หลานว่า “มู่หลาน ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงมีอาวุธ”

ฉินมู่หลานเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะคลั่งถึงขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพกปืนติดตัวด้วย ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถหาสิ่งนี้มาได้แน่นอน และก็ไม่รู้ว่าหล่อนไปหามาจากที่ไหน

“หล่อนเป็นผู้จัดการตู้แห่งเยว่หรงกรุ๊ปจากเกาะฮ่องกง และมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ย” หลังจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องราวของตู้เยว่เอ๋อร์ทั้งหมด แล้วก็พูดในตอนท้ายว่า “ตอนนี้หล่อนสูญเสียลูกไป แต่กลับโทษว่าเป็นความผิดฉัน มันช่างน่าโมโหจริงๆ”

หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยกับคังอันเหอฟังจบแล้วก็พูดไม่ออกเช่นกัน

คังอันเหอเข้าใจถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูก แต่เมื่อคิดถึงตู้เยว่เอ๋อร์ที่ฆ่าเด็กบริสุทธิ์ไปคนหนึ่ง ก็ไม่รู้สึกเห็นใจ “หล่อนซวยเพราะตัวเองแท้ๆ และบางทีลูกของหล่อนอาจจะตายไปเพื่อชดใช้ความผิดที่หล่อนเคยก่อไว้”

“เงียบ พวกแกเงียบกันให้หมด”

แม้ว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะถูกมัดเอาไว้ แต่ปากของหล่อนกลับไม่ได้ถูกปิด ทำให้หล่อนตะโกนเสียงดังให้ฉินมู่หลานกับคังอันเหอหุบปาก “พวกแกจะไปรู้อะไร นางคนชั่วคนนั้นทำให้ชีวิตฉันเกือบพังทลาย เพราะฉะนั้นลูกของหล่อนจึงต้องชดใช้หนี้แทน”

“หยุด…แล้วลูกของเธอล่ะ ได้ชดใช้หนี้แทนเธอด้วยหรือเปล่า”

คังอันเหอทนรับกับคำพูดของตู้เยว่เอ๋อร์ไม่ไหวจริงๆ เลยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

อย่างไรก็ตามตู้เยว่เอ๋อร์กลับพูดด้วยน้ำเสียงแหลมสูงว่า “ไอ้เด็กนั่นมันจะไปเทียบอะไรกับลูกฉันได้ ลูก…ลูกของฉัน…” พูดมาได้แค่นั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ตู้เยว่เอ๋อร์รักลูกที่จากไปของหล่อนจริงๆ

แต่ฉินมู่หลานกับคังอันเหอกลับไม่เห็นใจตู้เยว่เอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย

เซี่ยปิงหรุ่ยถึงกับเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี เอาตัวส่งไปที่สถานีตำรวจเลยไหม”

พอพูดมาได้แค่นั้น หล่อนก็นึกถึงสถานะ ‘พลเมืองฮ่องกง’ ของตู้เยว่เอ๋อร์ขึ้นมา “เอาตัวหล่อนไปส่งที่สถานีตำรวจก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อที่นี่ไม่สามารถดำเนินคดีกับหล่อนได้ สุดท้ายก็ต้องส่งตัวหล่อนกลับไปอยู่ดี”

สำหรับขั้นตอนพวกนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก “ไม่รู้”

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดกันอยู่ว่าจะส่งตัวหล่อนไปที่สถานีตำรวจ หรือจะแจ้งให้เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบก่อนดี ก็มีผู้คนมากมายมาอยู่ที่หน้าประตู

“ใครน่ะ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเสียง ก็แสดงสีหน้าตึงเครียดเพราะหวาดกลัวว่าคนที่เดินเข้ามาจะเป็นพวกเดียวกับตู้เยว่เอ๋อร์

เมื่อมองเห็นว่าผู้มาเยือนคือเยวี่ยจงจี ฉินมู่หลานก็ถึงกับต้องตะลึงไปชั่วขณะ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

เยวี่ยจงจีมองไปที่ฉินมู่หลานก่อนจะมองไปที่ตู้เยว่เอ๋อร์ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดทั้งใบหน้าและศีรษะ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ฉินมู่หลานชี้ไปที่ตู้เยว่เอ๋อร์แล้วอธิบายว่า “หล่อนมีปืน และยังจะฆ่าพวกเราทุกคน แต่โชคดีที่พวกเราไหวตัวทัน เลยจัดการมัดตัวหล่อนเอาไว้”

“อะไรนะ…หล่อนมีของอันตรายแบบนั้นด้วยเหรอ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตู้เยว่เอ๋อร์บ้าไปแล้ว แล้วไปหาอาวุธแบบนั้นมาได้ยังไงล่ะนั่น

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset