ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 571 มีพิรุธ(2)

ตอนที่ 571 มีพิรุธ(2)

ตอนที่ 571 มีพิรุธ(2)

ตอนที่ 571 มีพิรุธ(2)

หลังจากที่ฉินมู่หลานเลือกที่ตั้งร้านซิ่งหลินและโรงงานผลิตยาได้ ก็ถือว่าทำเรื่องสำคัญเสร็จไปแล้ว เมื่อได้รับแปลนแบบที่ส่งมาจากเซินเจิ้น เธอก็เริ่มคิดว่าจะเริ่มตกแต่งเมื่อใด

ซูหว่านอี๋รู้ว่าช่วงนี้ลูกสาวกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ แต่ยังคงคิดว่าถ้าครอบครัวสามารถช่วยกันได้ ก็จะประหยัดเงินได้ จึงอดไม่ได้ที่จะแนะนำ: “มู่หลาน ทำไมลูกไม่รอจนกว่าพวกพ่อจะกลับมาจากเซินเจิ้นแล้วค่อยเริ่มตกแต่งล่ะ? แม่ได้ยินมาว่าอีกไม่นานพวกเขาจะกลับมาแล้ว”

“แม่คะ เมื่อไหร่พวกพ่อจะกลับมาเหรอคะ?”

“ลูกลองอ่านจดหมายนี้ดูสิ มันเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ แม่ว่าจะบอกลูกพอดี”

ฉินมู่หลานอ่านจดหมาย แล้วพบว่าพ่อกับพ่อสามีของเธอกำลังจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ “ปรากฏว่าพวกพ่อจะกลับมาในอีกประมาณครึ่งเดือน ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่าพวกพ่อจะกลับมาก่อนดีกว่า”

“ดีแล้วจ้ะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ตกลงกันแล้วนะ แต่น้องชายของลูกคงต้องกลับมาก่อน เพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว”

หลังจากนั้นซูหว่านอี๋ก็เริ่มกังวลอีกครั้ง

“ไม่รู้ว่าน้องชายของลูกกลับมาคนเดียวคราวนี้ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

ฉินมู่หลานเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะแม่ เคอวั่งฉลาดมาโดยตลอด เขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ แล้วก็ตอนนี้เขาโตขึ้นมากแล้ว ต้องให้เขาฝึกเอาตัวรอดค่ะ”

ซูหว่านอี๋ได้ฟังดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เปรียบเทียบลูกชายกับลูกสาวแล้ว ลูกชายของหล่อนยังเด็กเกินไปเล็กน้อย ดังนั้นเขาควรได้รับการฝึกเพิ่มบ้างจริง ๆ

“คราวนี้เขากลับมาคนเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เขาเป็นผู้ชาย ควรจะไปไหนมาไหนคนเดียวได้แล้วค่ะ”

ต้องบอกว่าในวันที่ฉินเคอวั่งกำลังกลับมา ซูหว่านอี๋ตื่นแต่เช้าและวางแผนจะไปรับเขาที่สถานีรถไฟ

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนั้นก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “แม่คะ ให้หนูไปด้วยนะคะ”

ซูหว่านอี๋รีบส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกจ้ะ แม่ไปคนเดียวได้ ลูกอยู่บ้านกับลูก ๆ ไปเถอะ” พูดจบหล่อนก็รีบออกไป รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะตอนแรกยังบอกอยู่เลยว่าอยากฝึกลูกชายให้ดี แต่วันนี้หล่อนก็ตัดสินใจไปรับเขาเหมือนเดิม

เมื่อมองซูหว่านอี๋ที่เดินออกไป ฉินมู่หลานก็ยิ้มก่อนจะส่ายหน้า แล้ววางแผนจะออกไปซื้อกับข้าว น้องชายออกไปข้างนอกนานแล้ว จึงควรต้อนรับเขาอย่างดีเมื่อเขากลับมา

เมื่อพ่อบ้านเหยารู้ว่าฉินมู่หลานกำลังจะออกไปซื้อกับข้าว เขาก็ยิ้มแล้วรีบพูดว่า “คุณหนูเล็กครับ ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ ผมจะรีบออกไปซื้อกับข้าวเดี๋ยวนี้ครับ”

นายท่านเหยาเห็นฉินมู่หลานมา เขาก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “มู่หลาน มาทันเวลาพอดีเลย ตามีเรื่องจะบอก”

เดิมทีฉินมู่หลานมาที่นี่เพื่อเล่นกับลูก ๆ เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “คุณตา มีอะไรเหรอคะ?”

“ตามาอยู่กับพวกหลานมานานแล้ว ก็เลยวางแผนไว้ว่าจะกลับบ้านในอีกสองวัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็ตกตะลึง

“คุณตา ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากกลับกันแล้วล่ะคะ คุณตาอยู่ที่นี่แล้วมีอะไรไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ?”

นายท่านเหยารีบส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่มีหรอก อยู่ที่นี่มีความสุขมาก ไม่เหงาเลย แต่ถวนถวนกับหยวนหยวนเริ่มโตแล้ว ก็เลยถึงเวลาที่พวกตาจะต้องกลับไปแล้ว”

“แม่รู้เรื่องนี้หรือยังคะ?”

นายท่านเหยารู้ว่าฉินมู่หลานกำลังพูดถึงเหยาจิ้งจือ เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จิ้งจือยังไม่รู้เรื่องนี้ เดี๋ยวถ้ากลับมาวันนี้ ตาจะบอกเอง แล้วก็ครอบครัวของเจ๋อเหว่ยก็จะกลับไปด้วย”

เมื่อเห็นท่าทางหนักแน่นของนายท่านเหยา ฉินมู่หลานก็รู้ว่าเรื่องนี้ได้รับการตัดสินใจแล้ว เธอจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่พูดว่า: “ได้ค่ะ ถ้าแม่กลับมา คุณตาก็คุยได้เลยนะคะ”

พ่อบ้านเหยาจัดการทุกอย่างได้ว่องไวมาก หลังจากซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาแล้ว เขาก็ให้คนเข้าครัวไปทำอาหารทันที

ซูหว่านอี๋ก็พาฉินเคอวั่งกลับมาแล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเกาเชี่ยนเชี่ยนกลับมาพร้อมกันด้วย

ฉินเคอวั่งที่อยู่ด้านข้างรีบอธิบายทันที: “เชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าผมจะกลับมาวันนี้ ก็เลยคิดไว้ว่าจะไปรับผม แต่จู่ ๆ แม่ก็ไปรอรับด้วย ก็เลยบังเอิญเจอกัน”

ฉินมู่หลานคิดไม่ถึงเลย เธอมองฉินเคอวั่งก่อนจะมองไปที่เกาเชี่ยนเชี่ยน แล้วรู้สึกอยู่เสมอว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา

ซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีความคิดแบบเดียวกัน แต่ก็ดีใจที่เห็นว่าเป็นแบบนี้ เพราะเกาเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นคนดีมาก ถ้าได้ลงเอยกับลูกชายของตนจริง ๆ หล่อนก็ย่อมมีความสุข

อาหารกลางวันนั้นอร่อยมาก ซูหว่านอี๋ตักอาหารให้ลูกชาย แล้วถามเขาถึงเรื่องต่าง ๆ ในเซินเจิ้น

“แม้ว่าเซินเจิ้นจะเพิ่งเริ่มพัฒนา แต่ในอนาคตมันจะเจริญรุ่งเรืองแน่นอนครับ” ฉินเคอวั่งรู้สึกแบบนี้จริง ๆ และเขาอยากจะไปอยู่ที่นั่นอีก เมื่อปิดเทอมครั้งต่อไป

เมื่อเกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำพูดของฉินเคอวั่ง หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “มันดีขนาดนั้นจริงเหรอ?”

“ใช่ ที่เซินเจิ้นดีมากจริง ๆ ไปคราวนี้ผมได้เรียนรู้เยอะเลย”

เกาเชี่ยนเชี่ยนกับฉินเคอวั่งเรียนอยู่สาขาวิชาเดียวกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด หล่อนก็อยากจะลองดู “คราวหน้าฉันจะลองไปดูบ้าง”

ซูหว่านอี๋มองรูปร่างหน้าตาที่สวยน่ารักของเกาเชี่ยนเชี่ยน แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “เชี่ยนเชี่ยน หนูมีแผนจะไปสถานที่ก่อสร้างในอนาคตจริงเหรอจ๊ะ มันจะเหนื่อยเกินไปไหม ผู้หญิงแบบหนูหางานที่เบากว่านั้นได้นะ”

แต่เมื่อพูดถึงวิชาเอกของหล่อน เกาเชี่ยนเชี่ยนก็พูดด้วยความมุ่งมั่น: “หนูไม่กลัวความยากลำบากหรอกค่ะ ในเมื่อหนูเลือกเรียนวิชาเอกนี้ หนูก็ต้องตั้งใจเรียนรู้ให้ดี หนูรู้อยู่แล้วค่ะ ว่าสภาพแวดล้อมที่หนูจะได้ทำงานในอนาคตเป็นยังไง หนูจะไม่ท้อถอยแน่นอนค่ะ หนูจะเป็นสถาปนิกที่ยอดเยี่ยมให้ได้แน่นอนค่ะ”

ได้ฟังคำพูดของเกาเชี่ยนเชี่ยน ฉินเคอวั่งก็อดไม่ได้ที่จะมองหล่อนอีกครั้ง แล้วพูดว่า “เป็นเรื่องดีที่คุณคิดอย่างนั้น ถ้าคุณอยากที่นั่นไปจริง ๆ คุณก็ไปกับผมได้”

เมื่อก่อนเขาไม่ได้ชอบเกาเชี่ยนเชี่ยนมากนัก แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหล่อนดีขึ้นมาก เพราะเขาได้ทำความรู้จักเกาเชี่ยนเชี่ยนในระดับหนึ่งแล้ว และค่อย ๆ ชื่นชมหล่อนมากขึ้น

เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังพูดของฉินเคอวั่ง ก็พูดอย่างมีความสุข: “ถ้าอย่างนั้นเราก็ตกลงกันแล้วนะคะ ว่าคุณจะพาฉันไปที่เซินเจิ้น”

“ตกลงครับ”

ซูหว่านอี๋อยากจะปราม แต่ในเมื่อลูกชายได้พูดไปแล้ว มันจึงสายเกินไปที่จะห้ามปรามแม้ว่าหล่อนจะต้องการก็ตาม

หากเกาเชี่ยนเชี่ยนตามลูกชายของหล่อนไปที่เซินเจิ้นจริง ๆ เคอวั่งจะต้องรับผิดชอบทุกย่างก้าวของเกาเชี่ยนเชี่ยน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกชายของหล่อนจะรับผิดชอบได้ดีหรือไม่

ฉินมู่หลานก็เหลือบมองฉินเคอวั่งด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เกาเชี่ยนเชี่ยนก็ถามฉินเคอวั่งเรื่องเซินเจิ้นหลายเรื่อง ก่อนที่จะขอตัวกลับไปในที่สุด

หลังจากที่เกาเชี่ยนเชี่ยนกลับไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับลูกชายเรื่องนี้

“เคอวั่ง ลูกไปเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเชี่ยนเชี่ยนตอนที่หล่อนตามลูกไปเซินเจิ้น ลูกจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างเลยนะ”

“แม่ครับ กว่าจะถึงวันหยุดครั้งต่อไปของพวกผมก็คงอีกนาน แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ เผื่อหล่อนอาจจะไม่อยากไปแล้วก็ได้”

ซูหว่านอี๋ได้ยินดังนั้นก็นิ่งอึ้งไป “มันก็อาจจะเป็นไปได้”

หล่อนจึงไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป แต่ถามเรื่องลูกชายกับเกาเชี่ยนเชี่ยนต่อ “ลูกกับเชี่ยนเชี่ยนนี่เป็นอะไรกัน ทำไมเธอถึงไปรับลูกล่ะ บอกแม่มาสิว่าลูกสองคนกำลังคบกันอยู่หรือเปล่า?”

“แม่……”

ฉินเคอวั่งไม่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน “เราก็แค่ติดต่อกันเป็นครั้งคราวน่ะครับ”

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีแววว่าหน่อต้นรักจะงอกแล้วหรือเปล่านะ เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset