ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 464 บ่าวสาวคู่ใหม่(1)

ตอนที่ 464 บ่าวสาวคู่ใหม่(1)

ตอนที่ 464 บ่าวสาวคู่ใหม่(1)

ตอนที่ 464 บ่าวสาวคู่ใหม่(1)

ผู้อาวุโสเซี่ยเห็นเจี่ยงสือเหิงตอบตกลงอย่างรวดเร็วก็อดยิ้มไม่ได้ คนที่เป็นกังวลมากที่สุดก็คือเขา หากหลานสาวคนเล็กได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเขาก็วางใจ มองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจี่ยงสือเหิงชอบและใส่ใจเซี่ยปิงชิงขนาดไหน

“ดี อย่างนั้นถ้าพวกเราตกลงกันแล้ว ครั้งนี้ที่พวกเรามาก็เพื่อจะหารือเรื่องฤกษ์วันแต่งงานกับพวกเธอด้วย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็รีบเอ่ยทันที “ผมว่าเดือนหน้าก็ค่อนข้างดีนะครับ พวกเราตกลงฤกษ์ได้เลยครับ”

เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็อดจ้องมองเขาเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “ดีตรงไหนกัน ตอนนี้ก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเดือนหน้าแล้ว เร่งรีบขนาดนี้จะไปเตรียมตัวทันได้ยังไง”

แม้แต่เซิงลี่ก็อดจ้องมองเจี่ยงสือเหิงไม่ได้ แล้วกล่าว “ฉันเข้าใจว่าเธอใจร้อน แต่นี่ก็ใจร้อนเกินไป เวลากระชั้นชิดขนาดนี้จะไปเตรียมอะไรทัน”

เซี่ยฉางเจี๋ยก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว เพิ่งบอกว่าปีหน้า เพราะฉะนั้นรอให้ถึงเดือนสิบสองตามปฏิทินจีนก่อนก็ได้”

เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็เสียดายนิดหน่อย แต่เมื่อลองคิดดู อีกไม่นานก็จะถึงเดือนสิบสองตามปฏิทินจีนแล้ว ถึงตอนนั้นเขากับปิงชิงก็จะกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว

เมื่อคิดได้แบบนี้ แววตาของเจี่ยงสือเหิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ครับ ถ้าอย่างนั้นปลายปีพวกเรามาหาฤกษ์กันให้เรียบร้อย แล้วกำหนดวันแต่งงานกันเลยเถอะครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลายคนก็อดหัวเราะไม่ได้

พวกเขาต่างมองออกว่าเจี่ยงสือเหิงต้องหาฤกษ์ให้ได้วันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงนอนไม่หลับอย่างแน่นอน สุดท้ายทุกคนก็ช่วยกันหาฤกษ์ จนตกลงกันเป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสองตามปฏิทินจีน

“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”

เจี่ยงสือเหิงอดทนรอสรุปวันเวลาแทบไม่ไหว จากนั้นก็หันไปมองแล้วถามเซี่ยปิงชิง “ปิงชิง คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”

“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็วันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสอง แต่ว่า…”

หลังจากพูดถึงท้ายประโยค เซี่ยปิงชิงก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามเซิงลี่ “แม่ แล้วถึงเวลาจะแต่งกันที่ไหน? จะต้องไปจัดงานที่ซีอานไหม?”

“ลูกแต่งงานออกเรือนก็ต้องไปแต่งจากที่บ้านสิ ถึงเวลาต้องให้พวกสือเหิงไปรับเจ้าสาวที่ซีอาน จากนั้นก็จัดงานเลี้ยงที่ซีอานก่อน หลังจากสือเหิงพาลูกมาที่ปักกิ่งแล้ว ก็สามารถเริ่มพิธีแต่งที่นี่ได้”

พูดจบ เซิงลี่ก็หันไปมองเจี่ยงสือเหิงแล้วเอ่ยถาม “สือเหิง เธอว่ายังไงบ้าง?”

เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าตอบตกลง “ดีอยู่แล้วครับ แบบนี้ทั้งสองฝั่งจะได้คึกครื้น” ถึงแม้ว่าตระกูลเซี่ยจะมีบ้านอยู่ที่ปักกิ่งเหมือนกัน แต่ตระกูลเซี่ยตระกูลหลักอยู่ที่ซีอานกันหมด จึงต้องไปจัดงานที่ซีอานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตกลงตามนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว

เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงตอบตกลง ทางฝั่งตระกูลเซี่ยก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือมีความสุขกับเจี่ยงสือเหิงมาก ในที่สุดเจี่ยงสืเหิงก็จะแต่งงานแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีสมาชิกครอบครัวคนอื่น มีพวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดกันที่สุด เพราะฉะนั้นพวกเขาจะต้องเตรียมจัดงานแต่งทางฝั่งปักกิ่งให้อย่างดี “ผู้อาวุโส ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองครอบครัวก็เริ่มเตรียมตัวกันเถอะค่ะ”

พูดจบก็ตกลงวันที่จะนัดพบญาติและจัดงานเลี้ยงที่ซีอานอีกครั้ง

“เพราะว่าวันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสองจะจัดงานแต่งที่ปักกิ่ง ถ้าอย่างนั้นที่ซีอานก็จัดล่วงหน้าสักสองสามวัน เป็นวันที่สิบแปดเดือนสิบสองก็ดี เพิ่งดูมา วันที่สิบแปดก็ถือเป็นฤกษ์ดีเหมือนกัน และก็จัดล่วงหน้าสักหลายวันหน่อย จะได้ไม่ต้องลำบากเรื่องเวลาเดินทางมากนัก”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”

หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งคุยกันเรื่องงานแต่งของเซี่ยปิงชิงและเจี่ยงสือเหิง ในขณะเดียวกันเซี่ยปิงชิงก็รู้สึกสบายใจมาก รู้สึกว่าไม่ต้องทำอะไรมาก

เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองเซี่ยปิงชิงแล้วพูดขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะแต่งงานแล้ว”

“ใช่แล้ว ฉันที่เป็นน้องสาวจะแต่งงานแล้ว พี่ก็ต้องรีบแล้วไหม”

เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหัวแล้วกล่าวขึ้น “ฉันยังไม่สนเรื่องแต่งงานหรอก แต่ในเมื่อเธอจะแต่งงานแล้ว ถึงตอนนั้นฉันก็มีของขวัญชิ้นใหญ่ให้เธอแน่นอน”

“ก็ดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะตั้งตารอ”

สองพี่น้องพูดคุยกันอีกไม่กี่คำก็ดึงฉินมู่หลานเข้าไปร่วมวงด้วย หลังจากทั้งสามพูดคุยกันสักพัก ในที่สุดก็ถึงเวลารับประทานอาหาร

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซิงลี่ก็ปรึกษาหารือกับเหยาจิ้งจือและซูหว่านอี๋เรื่องงานแต่งของเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิง และทางด้านฉินมู่หลานก็พาผู้อาวุโสกับเซี่ยฉางเจี๋ยไปหาหลิวเสวียข่าย

หลิวเสวียข่ายเห็นพวกฉินมู่หลานมา ก็รีบยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “มู่หลาน ทางนี้”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มพลางพาคนเดินเข้าไป หลังจากทุกคนนั่งลง ก็เริ่มแนะนำตัว “ผู้นี้คือผู้อาวุโสจากตระกูลเซี่ยแห่งซีอานค่ะ ส่วนท่านนี้คือคุณเซี่ยฉางเจี๋ย”

“สวัสดีครับผู้อาวุโส สวัสดีครับคุณเซี่ย” หลิวเสวียข่ายเคยได้ยินเรื่องตระกูลเซี่ยแห่งซีอานมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นท่าทางของเขาที่แสดงออกต่อผู้อาวุโสจึงกระตือรือร้นมาก

ผู้อาวุโสเซี่ยกับเซี่ยฉางเจี๋ยก็ทักทายหลิวเสวียข่ายพร้อมรอยยิ้มเหมือนกัน “ผอ.หลิว วันนี้ได้มาเจอคุณ ก็เพื่อจะปรึกษาเรื่องที่จะทำงานร่วมกับคุณครับ”

ได้ยินแบบนี้ หลิวเสวียข่ายก็พยักหน้าตอบตกลง หลังจากเขาได้ยินว่าตระกูลเซี่ยกำลังจะจัดจำหน่ายยาเม็ดส่งออก ก็อดหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “ยานี้ได้ผลจริงใช่ไหมครับ หากถึงเวลาแล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นคงจะเป็นปัญหาแน่เลย”

“วางใจค่ะ ผอ.หลิว ยาเม็ดนี้ได้ผลจริง มีบางคนได้ลองกินแล้ว เห็นผลลัพธ์ได้กับตาตัวเองเลยค่ะ” ฉินมู่หลานพูดพลางหยิบรูปถ่ายจำนวนมากออกมา มันคือรูปการเปลี่ยนแปลงของเซิงลี่ในช่วงที่ผ่านมา

หลิวเสวียข่ายไม่คิดว่าจะมีรูปถ่ายมากมายขนาดนี้ หลังจากเห็นชัดเจนว่าคนในรูปเปลี่ยนไปในแต่ละวันอย่างไร สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “นี่…นี่เห็นผลชัดมากเลยครับ เป็นเพราะยาที่พวกคุณพูดถึงจริงเหรอเนี่ย”

“แน่นอนค่ะ หรือว่า ผอ.หลิว ไม่เชื่อมั่นในตัวฉันกันคะ”

หลิวเสวียข่ายได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวทันที เขาเชื่อมั่นในตัวฉินมู่หลานอยู่แล้ว “ถ้ายาเม็ดพวกนี้ได้ผลขนาดนี้ ต้องขายดีในต่างประเทศแน่นอนครับ”

“ยาของพวกเราได้ผลอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาแน่นอน” เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นการเปลี่ยนแปลงจากตัวภรรยาของเขาเอง จึงเชื่อมั่นในประสิทธิผลของยาเม็ดพวกนี้อยู่แล้ว

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมร่างแผนก่อน”

หลิวเสวียข่ายตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้น ผมขออนุญาตพวกคุณนำยาพวกนี้กลับไปบางส่วนก่อนนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะเชื่อมั่นในตัวพวกคุณ แต่พวกหัวหน้าของพวกเราก็อาจจะอยากลองดูด้วยครับ”

“ย่อมได้แน่นอน”

เซี่ยฉางเจี๋ยก็พอเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงยอมส่งมอบยาที่เตรียมมาตั้งแต่แรกไปให้หลิวเสวียข่าย “ผอ.หลิว ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณด้วยนะครับ”

“ไม่รบกวนหรอกครับ หากเป็นไปได้ ผมก็ต้องขอบคุณพวกคุณ”

หลังจากอภิปรายกันเสร็จเรียบร้อย ฉินมู่หลานยิ้มแล้วเอ่ยแสดงความยินดี “ผอ.หลิว ยินดีด้วยนะคะ”

“ขอบคุณครับ”

หลิวเสวียข่ายยิ้มสดใส ได้แต่รู้สึกว่าทั้งคนกลายเป็นเด็กอีกครั้ง

ผู้อาวุโสเซี่ยกับเซี่ยฉางเจี๋ยหันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะสงสัยนิดหน่อยว่ายินดีกับหลิวเสวียข่ายเรื่องอะไร

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วบอกกล่าว “ผอ.หลิวก็จะแต่งงานปลายปีนี้แล้วค่ะ วันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสอง”

“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญจังเลย ห่างจากสือเหิงกับปิงชิงไม่กี่วันเอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลิวเสวียข่ายก็ดูแปลกใจ “จริงเหรอครับ เป็นเรื่องบังเอิญจังเลย”

เขาคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงสือเหิงกำลังจะแต่งงานแล้ว แถมวันใกล้กับเขาด้วย ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง

“ใช่ค่ะ พ่อบุญธรรมกับปิงชิงก็จะแต่งงานเหมือนกัน ฉันจะไปร่วมงงานแต่งของพวกเขา แล้วหลังจากนั้นก็ไปงานของคุณกับเจินจูต่อ ดีมากเลยค่ะ”

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset