ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 462 แต่งงานกัน(1)

ตอนที่ 462 แต่งงานกัน(1)

ตอนที่ 462 แต่งงานกัน(1)

ตอนที่ 462 แต่งงานกัน(1)

ตอนแรกเซี่ยฉางชิงอยากจะพูดคุยกับลูกสาวอีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดี จึงไม่พูดอะไรมาก แล้วพยักหน้าพลางกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นลูกระวังตัวด้วยนะ”

หลังจากฉินมู่หลานกลับไปแล้ว เริ่นม่านนีก็ตอบสนองทันที

“นี่…มู่หลานท้องหรือเปล่าคะ ถึงได้ไม่อยากอาหาร กินแต่อาหารรสเบา” หล่อนพยายามจะมีลูก จึงเรียนรู้ในเรื่องสัญญาณการตั้งครรภ์มามากมาย เมื่อถึงตอนนี้ จึงตระหนักขึ้นได้

“อะไรนะ…”

คุณนายเซี่ยกับว่านจี้อวิ๋นมองเริ่นม่านนีด้วยความแปลกใจ

ทั้งสองเคยมีลูก ตอนนี้จึงค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้น “อาจจะเป็นไปได้ที่หล่อนจะท้อง ของพวกนั้นเป็นของโปรดมู่หลาน ก่อนหน้านี้ที่หล่อนมาที่นี่ก็เห็นชัดว่ามีความสุขกับการกินมาก”

เซี่ยฉางชิงรู้สึกนั่งไม่ติดที่

“มู่หลานท้องจริงเหรอ ทำไมหล่อนถึงไม่พูดอะไรเลย”

เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ก็อดกล่าวไม่ได้ “อาจจะยังไม่ถึงสามเดือน ก็เลยยังไม่บอกค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณนายเซี่ยก็เอ่ยอย่างโมโห “ทำไมถึงจะบอกคนในครอบครัวไม่ได้ ฉันว่าหล่อนไม่ได้เห็นเราเป็นคนในครอบครัว ถึงได้ไม่บอกกล่าว”

เริ่นม่านนีเหลือบมองคุณนายเซี่ยก่อนจะแอบคิดในใจ

เรื่องนี้ยังต้องพูดอีกเหรอ มู่หลานไม่คิดว่าพวกเขาเป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว คุณนายเซี่ยเริ่มตระหนักรู้ได้น้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว ตอนมู่หลานจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ นายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยก็ไม่ได้ไป พวกเขาไม่คิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำเลยเหรอ

แต่คำพูดพวกนี้ไม่สามารถพูดออกไปตรง ๆ ได้

เซี่ยฉางชิงก็ทราบว่าลูกสาวห่างเหินกับครอบครัวพวกเขามาก หลังจากคิดแล้วคิดอีก จึงไม่ได้ไล่ตามออกไปถาม เอาไว้หากมีโอกาสจะลองถามฉินมู่หลานเอง

ทางด้านฉินมู่หลานกลับมาถึงบ้านแล้วก็พบว่าเยว่เจินจูมาหาเธอ ก่อนหน้านี้เคยคุยเรื่องเจินจูกับเริ่นม่านนี ไม่คิดว่าเพิ่งกลับมาจะได้เจอเลย “เจินจู เธอมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”

เยว่เจินจูกล่าวพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม “มู่หลาน ฉันมาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญให้เธอน่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พอคาดเดาได้แล้ว

“ใช่งานแต่งของเธอหรือเปล่า?”

เยว่เจินจูพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ฉันกับหลิวเสวียข่ายจะแต่งงานกันปีหน้านี้ ถึงตอนนั้นเธอต้องมาร่วมดื่มเหล้ามงคลสักแก้วด้วยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันก็คงไม่ได้รู้จักเขา”

ตอนแรกเธอคิดว่าคงใช้เวลาอีกนาน ไม่คิดว่าหลิวเสวียข่ายจะแน่วแน่ ทำให้ตระกูลหลิวยอมรับได้เร็วขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกว่าหลิวเสวียข่ายเป็นคู่ครองที่ดี

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วกล่าว “ได้ ถึงตอนนั้นฉันจะไปร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยแน่นอน เจินจู ยินดีกับเธอด้วย”

“ขอบคุณนะ”

สีหน้าของเยว่เจินจูเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ครั้งนี้ที่มาที่นี่ก็เพราะยังมีเรื่องที่อยากปรึกษากับฉินมู่หลานด้วย

“มู่หลาน ก่อนหน้านี้ฉันไปคุยกับทีมงานมาหลายที่แล้ว แต่สินค้าของพวกเราค่อนข้างแพง ทีมงานพวกนั้นก็เลยปฏิเสธทันทีเลย แต่ก็ยังมีนักแสดงที่ใช้เงินตัวเองซื้อเครื่องสำอางอยู่ แสดงว่าสินค้าของเราดีจริง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว สินค้าของพวกเราคุณภาพดีมาก ถ้าหากพวกทีมงานไม่ต้องการ ก็ช่างเถอะ ดูเหมือนว่าทางนี้เราจะไม่มีทางแล้ว”

ถึงอย่างนั้นเยว่เจินจูก็กล่าวขึ้นด้วยแววตาสดใส “มู่หลาน ถึงแม้ว่าทีมงานที่นี่จะไม่เอา แต่ทางฝั่งฮ่องกงอาจจะทำได้นะ ครั้งนี้ฉันไปหลายที่มาก ได้เจอนักแสดงจากฮ่องกงด้วย นักแสดงคนที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ที่ว่าซื้อสินค้าของเราใช้เองก็คือหล่อนนี่แหละ หล่อนซื้อเยอะมาก เธอบอกว่าใช้ดีมาก จึงจะแนะนำให้ฉันรู้จักกับทีมงานทางฮ่องกง ได้ยินมาว่าที่นู่นค่าเงินเยอะมาก ราคาสินค้าของพวกเราจึงไม่ค่อยแพงนัก”

ฉินมู่หลานไม่คิดว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้ แต่รายได้ยุคสมัยนี้ในฮ่องกงสูงกว่าที่นี่มาก ราคาเครื่องสำอางจึงอาจไม่แพงสำหรับพวกเขาจริง ๆ “ถ้านักแสดงคนนั้นจะแนะนำทีมงานทางฮ่องกงให้จริง ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย”

เยว่เจินจูพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ถ้าเราสามารถขายสินค้าให้กับทางฮ่องกงได้จริง ก็เป็นเรื่องดีมากเลย”

เมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เจินจูเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและหวัง ฉินมู่หลานก็อดพูดทั้งรอยยิ้มเสียไม่ได้ “เจินจู ถ้าอย่างนั้นเธอก็รอข่าวจากนักแสดงคนนั้นแล้วกัน จากนี้ไปเธอก็เอาเวลาไปเตรียมงานแต่ง”

“อื้ม”

หลังจากเยว่เจินจูไปแล้ว ฉินมู่หลานก็กลับไปที่ลานหลังบ้าน

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวมา ก็รีบเอ่ยถาม “เจินจูกลับไปแล้วเหรอ?”

“อื้ม หล่อนมาส่งคำเชิญเสร็จก็กลับไปแล้วค่ะ”

“คำเชิญ?” ซูหว่านอี๋คิดบางอย่างขึ้นในใจ “หรือว่าเจินจูกับหลิวเสวียข่ายจะแต่งงานกันแล้วเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว ครั้งนี้หลิวเสวียข่ายแน่วแน่มาก ตระกูลหลิวเลยยอมเปิดทางแล้ว เจินจูกับหลิวเสวียข่ายจะแต่งกันปีหน้า”

หลังจากได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็อดพูดทั้งรอยยิ้มเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าหลิวเสวียข่ายจะมีความรับผิดชอบสูงมากเลยนะ บอกครอบครัวตามตรงซ้ำยังลงมือทำจริง เขาได้คู่กับเจินจูก็เป็นคู่ที่เหมาะสมแล้ว”

หลังจากสองแม่ลูกพูดคุยเรื่องเยว่เจินจูกับหลิวเสวียข่ายสักพักแล้ว ซูหว่านอี๋ก็ถามฉินมู่หลานถึงเรือ่งที่ไปบ้านตระกูลเซี่ยมา

“ก็แค่กินอาหารนิดหน่อย แล้วก็ตรวจชีพจรให้ม่านนีกับสามีของหล่อนค่ะ”

“ลูกไม่โกรธบ้างเหรอ เพราะผู้อาวุโสสองคนเย็นชาใส่ลูกตลอดเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วกล่าว “แม่คะ ผู้อาวุโสสองคนนั้นเมินหนู หนูเองก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถึงใครจะโกรธ แม่ก็ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็อดพูดทั้งร้อยยิ้มเสียไม่ได้ “ได้ๆๆ แม่ไม่ถามแล้ว”

ขอเพียงแค่ลูกสาวไม่รู้สึกโกรธก็พอ หลังจากนั้นซูหว่านอี๋ก็คุยกับลูกสาวต่ออีกไม่กี่คำ จากนั้นก็หันหลังกลับไป ฉินมู่หลานเห็นว่าเด็กทั้งสองกำลังหลับอยู่จึงก็มานอนลงข้าง ๆ พวกเขา เพียงแต่เธอยังนอนไม่หลับ ตั้งแต่เซี่ยเจ๋อหลี่ไปครั้งนี้ เธอก็กังวลอยู่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะทำภารกิจเสร็จแล้วกลับมาเมื่อใด

ฉินมู่หลานเฝ้ารอนับวันในใจอยู่ตลอด เพียงแต่เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ทันกลับมา พวกผู้อาวุโสเซี่ยก็มาถึงปักกิ่งแล้ว

หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยทราบว่าครอบครัวของเธอจะมาถึงปักกิ่งในไม่ช้า เพื่อมาหาฉินมู่หลานโดยตรง

“มู่หลาน วันนี้ตอนบ่ายพวกคุณปู่ฉันจะมาปักกิ่งแล้ว ถึงเวลาก็มาทานข้าวด้วยกันนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ เข้ามาที่บ้านฉันเลยก็ได้นะ ฉันจะให้ที่บ้านเตรียมตัวต้อนรับให้ดี”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ไม่ได้คัดค้าน “ได้เลย เดี๋ยวจะเข้าไปที่บ้านเธอเลย”

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินมู่หลานก็อดหันมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยปิงหรุ่ยเสียไม่ได้ “จริงสิ แล้วปิงชิงล่ะ ตอนนี้ชินกับการอยู่คนเดียวหรือยัง”

“เหอะ…คนเดียวอะไร ฉันเห็นก็เหมือนเดิม”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็รีบเอ่ยถามทันที “หมายความว่ายังไง?”

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานไม่เข้าใจ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดหัวเราะขึ้นมาเสียไม่ได้ จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูฉินมู่หลาน “พ่อบุญธรรมของเธอไปกินข้าวกับปิงชิงทุกวันเลย รอจนดึกแล้วถึงค่อยกลับบ้านตัวเอง เธอว่าพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิมไหมล่ะ”

ฉินมู่หลานไม่รู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ หลังจากได้ยิน ก็อดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าพ่อบุญธรรมจะไม่วางใจให้ปิงชิงอยู่คนเดียว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คู่พ่อบุญธรรมก็หวานน้ำตาลหกเชียวค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset