ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 371 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(1

ตอนที่ 371 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(1

ตอนที่ 371 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(1)

ตอนที่ 371 ถึงเวลาตอบแทนบุญคุณแล้ว(1)

เซี่ยฉางชิงมาถึงโรงแรมตั้งแต่เช้า เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานมาแล้ว ก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “มู่หลาน ลูกมาแล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็หันไปทักทายซูหว่านอี๋และคนอื่น หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ เธอก็กลับมาแล้วเหรอ”

“ใช่ครับคุณพ่อ งานเลี้ยงวันเกิดลูกสองคน ผมต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว”

เซี่ยฉางชิงตบบ่าเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วพูดขึ้น “ใช่ ยังไงก็ควรกลับมา พวกเธอรีบอุ้มลูกเข้าไปข้างในกันเถอะ พ่อแค่ออกมาต้อนรับตรงนี้”

ฉินเจี้ยนเซ่อเห็นเซี่ยฉางชิงแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเทียบไม่ติด มู่หลานจำพ่อแท้ ๆของตัวเองได้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องมีพ่อเลี้ยงที่เฝ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กอย่างเขาอีก ดังนั้นเขาจึงเอ่ยพูดกับมู่หลานจากด้านข้าง “ใช่แล้วมู่หลาน พวกลูกเข้าไปข้างในกันเถอะ ทางนี้เดี๋ยวพวกพ่ออยู่เอง”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าพลางตอบกลับ “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกหนูเข้าไปก่อนนะคะ”

หลังจากพวกฉินมู่หลานเข้าไปแล้ว ฉินเจี้ยนเซ่อกับเจี่ยงสือเหิงก็ยังคงอยู่ตรงนี้ต่อ

เซี่ยฉางชิงเห็นจึงอดพูดบอกไม่ได้ “เจี้ยนเซ่อ สือเหิง พวกคุณก็เข้าไปนั่งข้างในเถอะ มีคนมาเมื่อใดเดี๋ยวผมช่วยต้อนรับเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกฉางชิง มีคุณคนเดียวเดี๋ยวจะลำบากเกิน ผมกับสือเหิงอยู่ช่วยเอง” ฉินเจี้ยนเซ่อปฏิเสธข้อเสนอของเซี่ยฉางชิงตามตรง ก่อนจะยิ้มแล้วบอกว่าอยากช่วย

เจี่ยงสือเหิงที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มแล้วพูดบอกเช่นกัน “ใช่แล้วฉางชิง วันนี้คนมาไม่น้อย พวกเราต้องช่วยกัน”

เมื่อเห็นทั้งสองบอกแบบนี้ เซี่ยฉางชิงจึงไม่พูดอะไรอีก

ทั้งสามคนยืนอยู่ตรงประตู คนทยอยกันมาเยอะมากอย่างที่คาดไว้ เมื่อนายท่านเหยาเดินเข้ามาก็เห็นทั้งสามคน จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจี้ยนเซ่อ สือเหิง พวกเธออยู่รับแขกกันเหรอ แล้วจิ้งจือกับมู่หลานเข้าไปข้างในแล้วใช่ไหม?”

“คุณท่าน มู่หลานกับคนอื่นอยู่ข้างในแล้วครับ ท่านกับคุณนายก็รีบเข้าไปเถอะครับ”

ฉินเจี้ยนเซ่อยิ้มแล้วตอบกลับ หลังจากผู้อาวุโสทั้งสองเข้าไปแล้ว ก็ยิ้มและทักทายครอบครัวของเสิ่นเจิ้นอวี่ที่เพิ่งมาถึง “เจิ้นอวี่ พวกนายก็มาเหรอ รีบเข้าข้างในเร็ว” พูดจบเขาก็หันมองเสิ่นหรูฮวนอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “หรูฮวน เธอก็มาเหรอ รีบเข้าไปนั่งก่อนเถอะ มู่หลานกับคนอื่นอยู่ข้างในกันหมดแล้ว”

“ได้ค่ะคุณอาฉิน พวกเราจะรีบเข้าไปค่ะ”

ท้องของเสิ่นหรูฮวนเริ่มนูนออกมาเห็นได้ชัดแล้ว ตัวหล่อนในตอนนี้จึงดูกลมนิดหน่อย

คนที่ตามมาติด ๆ คือหลิวเสวียข่าย เมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นเขาก็รีบก้าวเดินเข้าไปทักทายทันที แล้วเชิญคนเข้าไปข้างใน

หลังจากเซี่ยฉางชิงมองดูฉินเจี้ยนเซ่อกับเจี่ยงสือเหิงที่อยู่ด้วยกัน แล้วพบว่าเขาเองไม่ต้องทำอะไรเลย จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางส่ายหัว สองคนนี้ยังคับข้องใจและต้องการเอาชนะเขาอยู่ แต่เขาก็มองออกว่าฉินเจี้ยนเซ่อกับเจี่ยงสือเหิงไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อมู่หลานและรักเธอจากใจจริง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณพวกเขา

เมื่อคนตระกูลเซี่ยมาถึงและเห็นเซี่ยฉางชิง ฉินเจี้ยนเซ่อและเจี่ยงสือเหิงกำลังยืนต้อนรับอยู่ตรงหน้าประตู ก็เดินเข้ามาทักทายอย่างช่วยไม่ได้

ฉินเจี้ยนเซ่อกับเจี่ยงสือเหิงเห็นว่าเป็นคนตระกูลเซี่ย จึงไม่ขวาง แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเซี่ยฉางชิงแทน

เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็มาเหมือนกัน ทั้งสองคนแสร้งประดับยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ตามมารยาท เพื่อไม่ให้คนจับสังเกตความผิดปกติได้ แล้วตามนายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยเข้าไปข้างใน

หลังจากเข้าไปในโรงแรม คุณนายเซี่ยก็เห็นฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังอุ้มเด็ก ๆ และพูดคุยกับคนตรงนั้น นางยกยิ้มแล้วเดินมาหาพลางพูดขึ้น “มู่หลาน ขอย่าดูเด็กสองคนหน่อยสิ”

เมื่อเห็นคุณนายเซี่ยมาหา ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วพยักหน้าพลางบอกกล่าว “คุณย่า เฉินเฉินกับชิงชิงตื่นพอดีเลยค่ะ พวกคุณย่ารีบเข้ามาดูสิคะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น คุณนายเซี่ยก็รีบตรงเข้าไปหาเด็กทั้งสองทันที

เพียงแค่ได้เห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักประหนึ่งภาพถ่ายนิตยาสารทั้งสองคน คุณนายเซี่ยก็รู้สึกสุขใจไปหมด “ไอ้หยา เจ้าหนูน่ารักทั้งสอง เป็นเด็กดีจังเลยนะ” หลังจากพูดจบ นางหยิบซองแดงซองใหญ่ที่ผูกด้ายไหมสีสันสดใสออกออกมาสองซองทันที ก่อนจะวางมันลงในอ้อมแขนของเด็กน้อยทั้งสอง “สุขสันต์วันเกิดนะเฉินเฉินชิงชิง ขอให้สุขภาพแข็งแรง ชีวิตราบรื่นปราศจากภัยอันตราย”

เมื่อเห็นคุณนายเซี่ยให้ซองแดงแล้ว ว่านจี้อวิ๋นก็หยิบซองแดงที่หล่อนเตรียมเอาไว้ออกมาแล้วกล่าวอวยพร

ครั้งนี้เติ้งซูหลานก็ไม่รั้งท้าย ส่งมอบซองแดงไปให้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่รอยยิ้มในแววตาได้จางลง ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นด้วยความลำบากใจ

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณทุกคน หลังจากนั้นก็เก็บรวบรวมซองแดงทั้งหมด

“คุณย่าคะ พวกคุณย่านั่งตรงไหนกันคะ เดี๋ยวฉันพาไปค่ะ”

“อ๋อ ได้”

คุณนายเซี่ยตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบนหน้า ได้แต่รู้สึกว่าหลานสาวคนโตคนนี้ช่างมีน้ำใจไปเสียทุกเรื่อง ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้คน

เซี่ยอวี่หรงเห็นคุณย่าซึ่งแต่เดิมชื่นชอบตัวเองมากกว่าใครแต่ตอนนี้กลับใจดีกับฉินมู่หลานมาก ก็กำจิกมือแน่นจนแทบเลือดไหล แต่ติดที่ว่าไม่สามารถพูดอะไรได้และยังต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม เป็นอย่างนี้หล่อนจึงรู้สึกเสียใจมากขึ้น

หลังจากคนตระกูลเซี่ยนั่งลงแล้ว ฉินมู่หลานก็กลับมานั่งที่ตัวเองอีกครั้ง

เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ อดพูดเสียไม่ได้ “ฉันเห็นว่านะว่าถึงเซี่ยอวี่หรงจะยิ้ม แต่รอยยิ้มฉายไปไม่ถึงแววตาเลย บางทีอาจจะคิดอะไรไม่ดีอยู่ในใจก็ได้”

เซี่ยปิงชิงก็ทราบแล้วว่าเซี่ยอวี่หรงทำเรื่องอะไรไว้ในมหาวิทยาลัย จึงไม่ชอบพฤติกรรมพวกนั้นของเธอเลย

“ฉันไม่รู้เลยว่าเซี่ยอวี่หรงกำลังคิดอะไรอยู่ เป็นคุณหนูตระกูลเซี่ยเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้ทำอะไรที่ไม่เข้าท่าอย่างนั้น” หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันไปถามฉินมู่หลาน “อยากให้ฉันแบ่งยาพิษให้เธอสักขวดไหม เผื่อเธอจะลองเอาไปให้เซี่ยอวี่หรง ให้หล่อนได้รับรู้ถึงชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตาย”

ฉินมู่หลานรีบโบกมือทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกปิงชิง ฉันจะเอาคืนให้สาสมเมื่อถึงเวลานั้น หล่อนทำให้ชื่อเสียงฉันเสียหายอย่างนั้นใช่ไหม เพราะฉะนั้นถึงเวลาพวกเราก็จะเอาคืนแบบเดียวกัน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นความคิดที่ดี

หลังจากฉินมู่หลานพูดต่ออีกไม่กี่คำ ก็หันไปเห็นเสิ่นหรูฮวน จึงยกยิ้มแล้วรีบเดินเข้าไปคุยกับเธอ “หรูฮวน ช่วงนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?”

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าแล้วรีบบอกกล่าว “ค่อนข้างดี แต่ว่า…ฉันไม่ได้เจอซวี่ตงนานแล้ว” วันนี้เมื่อเธอได้เจอเซี่ยเจ๋อหลี่ จึงคิดถึงฟู่ซวี่ตงขึ้นมา

เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนดูผิดหวังนิดหน่อย ฉินมู่หลานจึงอดพูดไม่ได้ “หลังจากอาหลี่กลับไปครั้งนี้ จะให้เขาบอกซวี่ตงให้ ว่ายังไงก็ควรลากลับบ้านแล้วมาหาเธอบ้าง”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนพี่หลี่ด้วยนะ”

หลังจากทั้งสองคนพูดคุยกัน เสิ่นหรูฮวนก็เห็นว่ามีแขกมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงรีบหันไปบอกฉินมู่หลาน “มู่หลาน เธอรีบไปจัดการเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

“ก็ได้ หรูฮวน เธอกับคุณอานั่งกินเยอะ ๆ กันหน่อยนะ”

หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็ไปช่วยกันต้อนรับแขก หลังจากแขกทุกคนมาถึงแล้ว เจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยฉางชิง ฉินเจี้ยนเซ่อ ทั้งสามคนก็เข้ามากันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นนายท่านเหยากับนายท่านเซี่ยก็เป็นคนอุ้มหลานทั้งสองออกมาข้างหน้าแล้วเอ่ยพูดเปิดงาน และขอให้คุรหญิงเหยากับคุรหญิงเซี่ยพาเด็ก ๆ ไปทำพิธีจัวโจ่ว(พิธีเสี่ยงทายจับสิ่งของเมื่ออายุครบปี)

ฉินมู่หลานไม่คิดเลยว่าคุณนายทั้งสองคนจะเตรียมตัวกันมาดีขนาดนี้ บนผ้าปูสีแดงเต็มไปด้วยสิ่งของที่เตรียมเอาไว้ให้เด็กใช้ มีไม้บรรทัด หนังสือ เหรียญและของอื่น ๆ ตอนนี้จึงตั้งตารอว่าเด็กทั้งสองจะหยิบจับอะไรบ้าง

หลังจากวางเฉินเฉินกับชิงชิงลงแล้ว เฉินเฉินก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากเห็นเป้าหมายชัดเจนแล้ว ก็พุ่งเข้าไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา

“ว้าว…เฉินเฉินของพวกเราหยิบหนังสือ ต่อไปจะต้องรักการอ่านมากแน่นอน”

หลังจากนั้นทุกคนก็จับจ้องไปที่ชิงชิง เพียงแต่แม่หนูน้อยมองโน่นนี่นั่นไปทั่วแล้วก็ไม่จับอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นพี่ชายมีหนังสืออยู่ในมือ สุดท้ายก็เหมือนคิดได้ว่าตัวเองต้องหยิบอะไรสักอย่าง แล้วสิ่งที่คว้าจับเอาไว้ในมือ…ก็คือต้นหอมหนึ่งกำ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยหนูชิงชิงโตขึ้นจะเป็นอะไรน้า หรือว่าจะทำอาหารเก่ง?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset