ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 347 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(1)

ตอนที่ 347 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(1)

ตอนที่ 347 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(1)

ตอนที่ 347 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(1)

ฉินมู่หลานไม่ได้ปิดบังอะไรเลย แล้วเล่าตามตรง “ตอนคุณตาตามสืบเรื่องตระกูลเซี่ยก็ได้เจอเรื่องพวกนี้เข้าค่ะ ตอนนั้นเติ้งซูหลานส่งคนไปที่มณฑลซานตง มันประจวบเหมาะกับตอนที่แม่มีภาวะคลอดบุตรยากพอดี เรื่องนี้มันมีกลิ่นไม่ชอบมาพากลว่าภาวะคลอดบุตรยากของแม่อาจเกิดขึ้นจากฝีมือคนค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของซูหว่านอี๋ก็แดงก่ำ มือไม้กำหมัดแน่น

“เติ้งซูหลาน…ทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้ หลังจากพี่สาวรู้ว่าเซี่ยฉางชิงกำลังจะแต่งกับหล่อนก็ไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนี้เลย ไม่ใช่แค่ตัดขาดจากเซี่ยฉางชิงเท่านั้น แต่หลังจากที่พี่รู้ว่าตัวเองตั้งท้องก็คิดจะเลี้ยงดูลูกเพียงคนเดียวด้วย แต่เติ้งซูหลาน…หล่อนกลับฆ่าพวกเขาหมด”

หลังจากพูดจบ ใบหน้าของซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เมื่อเห็นซูหว่านอี๋เป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงรีบก้าวเดินเข้าไปแล้วกอบกุมมือหล่อนเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “แม่คะ อย่าเพิ่งโกรธเลย ตัวเองโกรธเองมันไม่ได้คุ้มค่าเลยค่ะ เรื่องนี้พวกเราต้องวางแผนระยะยาว และเรียกร้องความยุติธรรมให้แม่แท้ ๆ ของหนู”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋จึงค่อย ๆ สงบลง หลังจากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วเราจะเรียกความยุติธรรมยังไง”

ฉินมู่หลานเล่าแผนการณ์ของตัวเองให้ฟังอีกครั้ง

“อะไรนะ…ลูกจะกลับเข้าตระกูลเซี่ยเหรอ?”

ซูหว่านอี๋รีบส่ายหัวแล้วบอกกล่าวทันที “มู่หลาน เซี่ยฉางชิงไม่คิดจะรับผิดชอบหรอก เติ้งซูหลานก็สารเลวมาก แม้แต่เซี่ยอวี่หรงที่ยังอายุน้อยอยู่ก็ร้ายกาจมากด้วย หากลูกกลับไปตระกูลเซี่ย ก็คงเหมือนเดินเข้าถ้ำหมาป่า”

“แม่ เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงต้องไม่อยากเห็นหนูกลับไปแน่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พวกหล่อนกลัวมากที่สุด มันหมายความว่าพวกหล่อนอาจต้องสูญเสียทุกอย่างของตระกูลเซี่ย สูญเสียเซี่ยฉางชิง หนูจึงอยากจะกลับไปแล้วทวงคืนทุกอย่างของตระกูลเซี่ยมา ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาติดค้างพวกเราอยู่” หลังจากพูดจบ แววตาของฉินมู่หลานก็ฉายแววมุ่งมั่น

“มู่หลาน ลูกตัดสินใจดีแล้วเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ ตัดสินใจดีแล้ว ตอนนี้เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของหนูแล้ว ถ้าอย่างนั้นตามนิสัยของพวกหล่อนสองแม่ลูกแล้วคงไม่ปล่อยให้หนูลอยนวลแน่ พวกเราก็ต้องชิงออกตัวก่อน”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานมีแผนเรียบร้อยแล้ว ซูหว่านอี๋ก็ไม่ได้เอ่ยค้านอะไร แต่เมื่อนึกไปถึงว่าพวกเติ้งซูหลานทราบเรื่องเรียบร้อยแล้ว หล่อนจึงรู้สึกว่าครอบครัวของเธอเองก็ควรจะรู้เรื่องนี้ด้วย “มู่หลาน เดี๋ยวไปบอกพ่อบุญธรรมของลูกกับอาหลี่ไว้ด้วยนะ”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานก็คิดแบบเดียวกัน หลังจากนั้นสองแม่ลูกจึงออกไปข้างนอก แล้วบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง

เจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยเจ๋อหลี่ทราบเรื่องอยู่แล้ว แต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงยังไม่ค่อยทราบมากนัก เมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้คนเล็กของตนแท้จริงแล้วเป็นหลานสาวของซูหว่านอี๋ และเป็นลูกสาวของเซี่ยฉางชิงกับซูหว่านอวี๋ ใบหน้าของทั้งสองจึงเต็มไปด้วยความแปลกใจ “นี่…มู่หลานเป็นลูกสาวของเซี่ยฉางชิง ถ้า…ถ้าอย่างนั้นก็เป็นพี่น้องกับเซี่ยอวี่หรงไม่ใช่เหรอ”

“เป็นพี่น้องกันจริงค่ะ เป็นน้องสาวต่างแม่ ฉันแก่กว่าหล่อนอยู่หลายเดือนเลยค่ะ”

ฉินมู่หลานอธิบายเรื่องราวอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ยังบอกด้วยว่าซูหว่านอวี๋อาจโดนเติ้งซูหลานฆาตกรรม

“อะไรนะ…”

ในตอนนี้ เหยาจิ้งจือรู้สึกตกใจมากขึ้นกว่าเดิม “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” หลังจากทราบว่านายท่านเหยาเป็นคนค้นพบเบาะแสนี้ หล่อนจึงเลือกปักใจเชื่อ แต่หากเติ้งซูหลานทราบว่ามู่หลานเป็นลูกสาวของซูหว่านอวี๋ ผลที่ตามมาคงเป็นเรื่องหายนะแน่

“แม่คะ หล่อนทราบแล้วค่ะ”

ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็ต่างพากันคิ้วขมวด รู้สึกเหมือนเรื่องครั้งนี้ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย

เซี่ยเจ๋อหลี่อดที่จะเดินเข้าไปเอ่ยถามฉินมู่หลานอย่างเสียไม่ได้ “มู่หลาน คุณมีแผนแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ”

ฉินมู่หลานหันมองซูหว่านอี๋แล้วพูดขึ้น “แม่ช่วยหาเวลาชวนเซี่ยฉางชิงออกไปข้างนอก หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องตัวตนของหนูให้เขาฟัง แล้วมาลองดูปฏิกิริยาของเซี่ยฉางชิงกันค่ะ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าตอบตกลง “ได้ แม่เข้าใจแล้ว แม่จะลองคิดหาวิธีชวนเซี่ยฉางชิงออกมา”

หล่อนปิดบังไม่ให้มู่หลานรู้เรื่องของตัวเองมาตลอด นอกจากนี้ยังไม่อยากให้เธอต้องข้องเกี่ยวกับตระกูลเซี่ยด้วย แต่ในตอนนี้ เพื่อค้นหาความจริงเรื่องของพี่สาวที่เกิดขึ้นในปีนั้น และเพื่อทวงคืนความยุติธรรม วิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นวิธีเดียวเท่านั้น

เจี่ยงสือเหิงไม่ได้พูดอะไร แต่หลังจากกินข้าวเสร็จก็เรียกฉินมู่หลานออกมาพบในห้องอ่านหนังสือตามลำพัง

“มู่หลาน ตามที่ลูกบอก ตระกูลเซี่ยอันตรายมากเลย ถ้าลูกโผล่เข้าไปอย่างนั้น มันจะไม่อันตรายเหรอ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงตอนนั้นเหวินเฉียนกับชุยเสี่ยวผิงจะตามฉันเข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยด้วย แล้วจากนั้น…” หลังจากพูดถึงประโยคท้าย แววตาของฉินมู่หลานก็ฉายแววโหดร้าย “ฉันจะทำยาป้องกันตัวเอาไว้ใช้ให้เรียบร้อย หากตระกูลเซี่ยอยากจะขัดขวางฉันจริง อย่างนั้นฉันก็จะไม่ปล่อยพวกเขาเหมือนกัน”

เมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นของฉินมู่หลาน เจี่ยงสือเหิงก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดว่า “ลูกรู้จักดูแลตัวเองก็ดีแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ยทั้งสองคนกำลังเดินทางไปที่บ้านตระกูลเซี่ยตามเวลาที่นัดหมายเอาไว้

เมื่อคนตระกูลเซี่ยเห็นว่าพวกหล่อนมาแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ปิงหรุ่ย ปิงชิง พวกเธอสองพี่น้องมากันแล้วเหรอ รีบเข้ามานั่งก่อนสิ”

เมื่อคุณนายเซี่ยได้พบสองพี่น้อง ก็รีบเชื้อเชิญพวกเขาให้เข้าไปในบ้านทันที

เซี่ยอวี่หรงและเติ้งซูหลานแม่ของหล่อนก็อยู่ในนั้นด้วย ไม่ว่าจะคิดอย่างไร แต่เมื่อสองพี่น้องตระกูลหลักได้เจอครอบครัวแล้ว พวกหล่อนกลับยิ้มเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น เซี่ยอวี่หรงนั่งลงข้างเซี่ยปิงหรุ่ย ก่อนจะพูดขึ้น “ปิงหรุ่ย พวกเราเคยเจอกันที่มหาวิทยาลัยแล้ว ต่อไปเราก็ทักทายกันได้นะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ปรายตามองเซี่ยอวี่หรง หากไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหล่อนคงคิดว่าเซี่ยอวี่หรงเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยที่จิตใจดีอ่อนโยน แต่เมื่อจากอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น หล่อนก็ต้องตอบกลับสักหน่อย

“ฉันค่อนข้างยุ่งในมหาวิทยาลัย คงไม่มีเวลาหรอก”

เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพูดแบบนั้น เซี่ยอวี่หรงก็ได้แต่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไร

เติ้งซูหลานเห็นว่าลูกสาวโดนเซี่ยปิงหรุ่ยปฏิเสธ สีหน้าจึงยับยู่น่าเกลียดมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวของหล่อนถึงได้เกรงใจตระกูลหลักขนาดนี้ ปกติแล้วทั้งสองตระกูลก็ติดต่อกันน้อยมาก แต่เมื่อเด็กสาวทั้งสองจากตระกูลหลักมาที่นี่ พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น ราวกับพยายามทำให้สาวน้อยทั้งสองคนพึงพอใจ จนตอนนี้แม้แต่เซี่ยอวี่หรงลูกสาวของหล่อนก็ยังโดนดูถูกด้วย

“แม่ ฉันรู้สึก…”

เติ้งซูหลานยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนคุณนายเซี่ยขัดจังหวะทันที “ปิงหรุ่ย ปิงชิง พวกเธอชอบกินอะไร เดี๋ยวย่าจะบอกให้พวกคนครัวทำของโปรดพวกหลานให้นะ”

ไม่รอให้เซี่ยปิงชิงได้โต้ตอบ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยิ้มแล้วพยักหน้า “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณนายด้วยนะคะ”

“ไม่รบกวนหรอก พวกเธอมากินข้าวที่บ้านก็ดีแล้ว”

ในตอนนี้เซี่ยปิงชิงก็อดถามไม่ได้ “จริงสิ แล้วคุณอาฉางชิงล่ะคะ จำได้ว่าช่วงปีใหม่ปีที่แล้วเขาไปมณฑลเหอเป่ยกับคุณลุงฉางหมิง พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกันเลย”

เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงพูดถึงลูกชายคนเล็ก คุณนายเซี่ยก็อดยิ้มแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “เขายังยุ่งอยู่จ้ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาก่อนเวลากินข้าวเย็นแล้วล่ะ คุณลุงฉางหมิงของพวกเธอก็ใกล้จะกลับมาแล้ว”

ไม่นานเซี่ยฉางหมิงลูกชายคนโตของตระกูลเซี่ยก็กลับมาแล้ว ทราบว่าวันนี้ที่บ้านจะมีแขกจากตระกูลหลักมากินข้าว ทุกคนจึงมารวมตัวกัน รวมถึงเริ่นม่านนีด้วย

เติ้งซูหลานเห็นเริ่นม่านนี แววตาก็เป็นประกาย ก่อนจะอดพูดไม่ได้ “ม่านนี ทำไมถึงยังอยู่ที่บ้านล่ะ ไม่กลับไปช่วยพ่อกับแม่ที่บ้านเธอเหรอ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เริ่นม่านนีก็ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกกล่าว “พ่อกับแม่จัดการเรื่องม่านลี่เรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นฉันไม่จำเป็นต้องไปหรอก”

“ม่านลี่? เริ่นม่านลี่น่ะเหรอ?”

เริ่นม่านนีเพิ่งพูดจบ เซี่ยปิงชิงก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

และเมื่อเริ่นม่านนีได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงชิงแล้ว ก็หันไปมองเขาด้วยวามประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณ…รู้จักน้องสาวฉันเหรอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แผนโหดมาก สองแม่ลูกนั่นดิ้นพราดๆ เป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกแน่นอน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset