ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 333 ไม่ต้องแอบ ฉันมองนายออก(1)

ตอนที่ 333 ไม่ต้องแอบ ฉันมองนายออก(1)

ตอนที่ 333 ไม่ต้องแอบ ฉันมองนายออก(1)

ตอนที่ 333 ไม่ต้องแอบ ฉันมองนายออก(1)

เมื่อฉินมู่หลานทราบว่าเจี่ยงสือเหิงหายตัวไป ก็รีบสวมใส่เสื้อคลุมแล้วออกไปข้างนอกทันที

ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวทำแบบนี้ จึงรีบพูดขึ้น “มู่หลาน ลูกอย่าเพิ่งวิตกไป สือเหิงต้องไม่เป็นไรแน่ ตอนนี้ลูกจะไปที่สถาบันวิจัยใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วตอบกลับ “ใช่ค่ะ หนูจะไปถามสถานการณ์ที่สถาบันสักหน่อย”

“ใช่ ๆ ควรจะไปที่นั่นแล้วถามสถานการณ์กับอาหลี่ เดี๋ยวแม่ไปกับลูกด้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดขึ้นทันที “แม่คะ หนูไปเองก็ได้ค่ะ แม่อยู่รอฟังข่าวที่บ้านนี่แหละ”

ซูหว่านอี๋ก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นปัญหา จึงพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นลูกพาเสี่ยวผิงไปด้วย ลูกไปคนเดียวแม่ก็เป็นห่วง”

ชุยเสี่ยวผิงเป็นคนที่เซี่ยเจ๋อหลี่หามาคอยคุ้มกันให้หลังจากที่เหวินเฉียนไปมณฑลซานตง ทักษะการต่อสู้ค่อนข้างดี

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้าแล้วยอมรับ “ค่ะ”

ชุยเสี่ยวผิงไม่ค่อยสนิทกับกับฉินมู่หลานมากเท่าใด แต่หล่อนก็ตระหนักในหน้าที่ของตัวเองได้ แล้วก็ปฏิบัติตามคำสั่งมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ว่าฉินมู่หลานจะพูดอะไร หล่อนก็คอยตามฉินมู่หลานออกไปข้างนอกด้วยกัน

หลังจากฉินมู่หลานพาชุยเสี่ยวผิงมาถึงสถาบันวิจัยด้วยกันแล้ว ก็มุ่งหน้าตรงไปที่แผนกรักษาความปลอดภัยทันที ตอนแรกเธออยากถามหาโหยวหย่ง แต่ก็พบว่าพวกโหยวหย่งไม่อยู่ที่นั่นเลย “ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าโหยวหย่งไปไหน?”

“ไม่ใช่ธุระของคุณครับ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอายุประมาณวัยกลางคนมองไปที่ฉินมู่หลานอย่างตั้งรับ

ฉินมู่หลานยังอยากถามอะไรเพิ่มเติมสักหน่อย แต่แล้วก็มีคนเดินเข้ามา “สหายฉิน คุณมาทำไมเหรอครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานจึงหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นหวังหู่ “หวังหู่ ที่แท้นายก็อยู่นี่เอง” ขณะพูดเธอก็รีบก้าวเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามทันที “พ่อบุญธรรมฉันล่ะ? เขาหายตัวไปจริง ๆ เหรอ?”

หวังหู่ได้ยินแบบนี้ก็ลังเลที่จะพูดอีกครั้ง สุดท้ายจึงพาฉินมู่หลานออกไปข้างนอก ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกกล่าว “ผอ.เจี่ยงหายตัวไปจริง ๆ ครับ”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมพ่อบุญธรรมถึงหายตัวไปได้ล่ะ?”

“ผอ.เจี่ยงโดนลักพาตัวไปครับ หลังจากนั้นก็คลาดกัน”

ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าพ่อบุญธรรมจะโดนลักพาตัว “ใครเป็นคนลักพาตัวพ่อบุญธรรมไปหรือ?”

“เป็นพวกหวงจินซ่ง ผอ.ของสถาบันวิจัยอีกคนกับนักวิจัยที่ชื่อเย่อินครับ นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ก็มีคนจากข้างนอกมารับพวกเขาไปด้วย”

“เย่อิน…หล่อนเป็นตัวปัญหาจริง ๆ ด้วย”

นึกถึงครั้งล่าสุดที่เซี่ยเจ๋อหลี่บอกกับเธอว่าเย่อินไม่มีปัญหาอะไร

“แล้วนี่…อาหลี่ล่ะ ตอนนี้เขาอยู๋ที่สถาบันวิจัยไหม?”

หวังหู่ส่ายหัว ก่อนจะเอ่ย “ไม่อยู่เหมือนกันครับ เขาพาโหยวหย่งออกไปตามหาพวกผอ.เจี่ยง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คิ้วของฉินมู่หลานก็ยิ่งขมวดเป็นปมแน่นมากขึ้น “นายรู้ไหมว่าพวกเขาไปที่ไหน?”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยถาม หวังหู่ก้รีบบอกกล่าวทันที “สหายฉิน คุณอย่าไปเลยครับ พวกเขาไปที่นั่นกันหมดแล้ว พวกเราสามารถพาตัวผอ.เจี่ยงกลับมาได้แน่นอนครับ”

ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเจี่ยงสือเหิงกลับมาได้ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นฉินมู่หลานต้องไปเสี่ยง

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพูดขึ้น “พวกเขาไปที่ไหนกันคะ?”

หวังหู่เห็นใบหน้าของฉินมู่หลานเต็มไปด้วยความเพียรพยายาม จึงได้แต่บอกเส้นทางบางแห่งให้เท่านั้น “จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ทราบแน่ชัดครับว่าพวกเขาไปที่ไหน รู้แค่ว่าเป็นทางใต้”

“ค่ะ ฉันทราบแล้ว”

ฉินมู่หลานหันหลังแล้วพาชุยเสี่ยวผิงกลับออกจากสถาบันวิจัย

ชุยเสี่ยงผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยให้คำแนะนำ

“สหายฉินคะ ผู้กองเซี่ย…สหายเซี่ยกับโหยวหย่งกำลังออกไปตามหาคน พวกเขาจะต้องพาคนกลับมาได้แน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ” หล่อนก็กลัวเช่นกันว่าถึงตอนนั้นฉินมู่หลานจะเป็นอันตราย เพราะหากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งหรืออีกฝ่ายมีจำนวนมาก หล่อนปกป้องตัวเองได้ แต่หากมีฉินมู่หลานอีกคน หล่อนคงไม่สามารถหลบหนีกันได้อย่างสะดวกแน่นอน

ครั้งนี้ฉินมู่หลานไม่ปฏิเสธ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูดว่า “ใช่ กลับบ้านกันก่อน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ชุยเสี่ยวผิงก็ถอนหายใจ

แต่ถึงอย่างนั้นก็พบว่าผ่อนคลายเร็วเกินไป ฉินมู่หลานกลับบ้านก็จริง แต่เธอเริ่มบอกให้ตัวหล่อนเองไปเตรียมตัว

เป็นเพราะซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกังวลใจ วันนี้จึงไม่ได้ไปทำงาน และมอบหมายให้หวังจาวตี้กับซ่งอวี้เฟิ่งช่วยดูแทนก่อน ตอนนี้เมื่อพวกหล่อนเห็นพวกฉินมู่หลานกลับมาแล้ว จึงรีบเอ่ยถามทันที “มู่หลาน เป็นยังไงบ้าง สถานกรณ์ที่สถาบันวิจัยเป็นยังไงบ้าง?”

“พ่อบุญธรรมหายไปจริง ๆค่ะ เขาโดนคนลักพาตัวไป ตอนนี้อาหลี่กำลังพาคนออกไปตามหาพ่อบุญธรรมค่ะ”

อะไรนะ…”

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความตกใจและเศร้าใจ ตอนแรกพวกเขายังมีความหวัง แต่สุกท้ายก็มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นจนได้

ฉินมู่หลานไม่มีเวลาอธิบาย ก่อนจะหันมองทั้งสองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้น “แม่คะ หนูจะลองลงไปดูทางใต้เสียหน่อย”

ซูหว่านอี๋ไม่ต้องฉุกคิดเรื่องนี้เลย พลางส่ายหัวทันที “มู่หลาน นี่มันอันตรายเกินไป แล้วลูกก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกอาหลี่ไปที่ไหน ลูกลงไปทางใต้แบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับหัวเดียวกระเทียมลีบเลยนะ”

เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าวเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน เธอไม่รู้จักสถานที่ มันหาตัวคนยากมาก อยู่รอฟังข่าวที่บ้านเสียดีกว่า”

“แม่คะ หนูเข้าใจว่าพวกแม่เป็นห่วง แต่ถึงตอนนั้นหนูกลัวว่าพ่อบุญธรรมกับอาหลี่จะบาดเจ็บ ถ้าช่วยไม่ทันเวลา พวกเขาอาจเป็นอันตราย และหนูก็ไม่ได้คิดจะลงใต้ไปโดยไม่ได้เตรียมการอะไรค่ะ หนูจะไปหาคุณตา แล้วยืมกำลังคนจากท่าน คุณตามีคนดี ๆ เยอะค่ะ พวกเขาจะสามารถตามหาร่องรอยแล้วนำทางไปได้อย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานพูด ทั้งสองจึงโล่งใจนิดหน่อย กลายเป็นว่ามู่หลานเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วนี่เอง

เมื่อเห็นทั้งสองยังลังเลนิดหน่อย ฉินมู่หลานจึงรีบกล่าวขึ้นทันที “แม่คะ หนูไปบ้านคุณตาก่อนนะคะ ส่วนเรื่องที่ว่าจะลงไปทางใต้นั้น จะรอฟังความเห็นจากคุณตาก่อนค่ะ”

เหยาจิ้งจือเห็นว่าลูกสะใภ้อยากไปตามหาจริง ๆ หล่อนจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน เดี๋ยวฉันไปด้วย”

“ค่ะ”

ชุยเสี่ยวผิงฟังคำพูดของมู่หลานอยู่ข้าง ๆ ก็เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอ จึงครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น “สหายฉิน อดีตสหายร่วมรบของฉันอยู่ที่เมืองหลวงก็มีอยู่ไม่น้อย ฉันติดต่อพวกเขาให้ได้นะคะ แล้วพวกเราจะไปกับคุณค่ะ”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกษียณออกจากกองทัพและเปลี่ยนอาชีพแล้ว แต่เมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้น แม้แต่สมาชิกในครอบครัวของฉินมู่หลานก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย พวกเขาจึงไม่นิ่งนอนอยู่เฉย

ฉินมู่หลานไม่คิดว่ายังมีเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่อีก จึงรีบหันมองแล้วบอกกล่าวชุยเสี่ยวผิงทันที “พี่เสี่ยวผิง ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ”

“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปดูก่อนนะคะ”

ชุยเสี่ยวผิงรู้ว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว จึงรีบไปหาคนทันที และฉินมู่หลานกับเหยาจิ้งจือก็มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลเหยา

นายท่านเหยาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น จึงพูดเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็มอบกำลังคนทั้งหมดให้กับฉินมู่หลาน “มู่หลาน คนพวกนี้ไมใช่แค่มีทักษะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังหาข้อมูลเบาะแสได้ด้วย ล้วนเป็นยอดฝีมือกันทั้งนั้น หลานพาพวกเขาไปด้วยก็สามารถให้คอยคุ้มกันได้”

“คุณตาคะ ขอบคุณค่ะ”

นายท่านเหยาได้ยินแบบนี้ก็โบกมือ ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ตาเองก็เป็นห่วงอาหลี่กับพ่อบุญธรรมของหลานเหมือนกัน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันจะต้องขอบคุณอะไรอีก นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน หลานรีบพาคนไปเถอะ”

“ค่ะ คุณตา”

ฉินมู่หลานก็อยากไปให้เร็วที่สุดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงพาคนทั้งหมดแปดคนที่นายท่านเหยามอบให้ แล้วกลับไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงก่อน จากนั้นก็เตรียมพร้อมกับชุยเสี่ยวผิง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มันต้องอย่างนี้ พาคนไปด้วยเยอะๆ ไปคนเดียวอันตราย นอกจากหาคนไม่เจอแล้วยังเสี่ยงเป็นเหยื่อเองด้วย

ไหหม่า(海馬)

…………………………………………

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset