ตอนที่ 195 ยังมีหวัง
ตอนที่ 195 ยังมีหวัง
เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงรีบหันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน รีบตรวจให้พ่อเธอเร็วเข้า บางทีเธออาจจะมีวิธี”
พวกเขาทราบดีว่าลูกสะใภ้มีฝีมือการรักษาดีมาก ตอนนี้จึงพากันมองอย่างใจจดใจจ่อ
ฉินมู่หลานเดินไปที่ข้างเตียงแล้ว จากนั้นก็นั่งลงแล้วตรวจคลำชีพจรของฉินเจี้ยนเซ่ออย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขาอีกครั้ง
ยิ่งตรวจมากเท่าใด สีหน้าของฉินมู่หลานก็เริ่มสงบลง
จนกระทั่งตรวจดูหมดแล้ว จึงหันไปถามซูหว่านอี๋ “แม่คะ ที่พ่อเป็นแบบนี้ เพราะมีใครมาทำร้ายเขาหรือคะ?”
ซูหว่านอี๋ไม่คิดว่าลูกสาวจะมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเขาโดนคนทำร้ายมา แต่ใครเป็นคนทำร้ายสามีหล่อนเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน “มู่หลาน พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำร้ายพ่อของลูก วันนั้นพ่อเข้าเมืองไปซื้อของ เห็นฟ้ามืดแล้วยังไม่กลับมา คนในหมู่บ้านจึงช่วยกันตามหา สุดท้ายไปเจอพ่อของลูกนอนหมดสติอยู่ตรงคูน้ำข้างถนน ตอนพวกเราไปเจอ เขาก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว”
ขณะที่พูด ซูหว่านอี๋ก็ทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง แต่ก็ยังหันมองลูกสาวด้วยสีหน้าคาดหวังก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน พ่อของลูกเขา…เขาจะยังฟื้นได้อยู่ไหม?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ย “ไม่ต้องห่วงค่ะ พ่อฟื้นแน่ เพียงแต่ว่าเอ็นที่มือขวาฉีกขาด ต้องได้รับการผ่าตัดทันที ไม่อย่างนั้นมือขวาจะใช้งานไม่ได้อีก”
ซูหว่านอี๋ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวเอ่ยก็ทำสีหน้าแปลกใจ
“มู่หลาน พ่อของลูกจะฟื้นได้จริงเหรอ หากเป็นเรื่องจริงก็คงดีมากเลย”
แม้แต่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสองมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พ่อของเธอก็ต้องเข้าผ่าตัดทันที เดี๋ยวพวกเราจะไปช่วยตามหมอให้”
แต่ยังไม่ทันที่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงจะออกไปข้างนอก หลี่เฉิงต้งก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หมอฉินครับ เรารักษาข้อมือของพ่อคุณไม่ได้ ตอนแรกที่ส่งเขาเข้ามา เราก็พยายามกันแล้ว แต่น่าเสียดายที่เส้นเอ็นฉีกขาดทั้งหมด พวกเราจึงช่วยเย็บซ่อมไม่ได้ นอกจากนี้มันก็หลายวันมากแล้วด้วย โอกาสที่มันจะต่อติดได้เหมือนเดิมก็น้อยลงแล้วครับ”
แต่ถึงอย่างนั้นฉินมู่หลานก็หันไปพูดกับหลี่เฉิงต้ง “หมอหลี่คะ เตรียมห้องผ่าตัดให้หน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวฉํนจะผ่าตัดให้พ่อเองค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน สีหน้าของหลี่เฉิงต้งก็แปลกใจ “หมอฉิน หรือว่า…พ่อคุณยังมีหวัง?”
“ค่ะ ต้องขอรบกวนคุณด้วยนะคะ”
ครั้งนี้ฉินเจี้ยนเซ่อได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากเส้นเอ็นที่ข้อมือขวาฉีกขาดแล้ว ขาของเขาก็อาการสาหัสเหมือนกัน กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ แม้แต่ศีรษะก็ได้รับบาดเจ็บด้วย หากเธอมาช้ากว่านี้สองวัน เช่นนั้นเขาคงไม่อาจฟื้นได้แล้ว
เมื่อคิดไปถึงว่าพ่อตัวเองต้องนอนเจ็บเพราะใครก็ไม่รู้ แววตาของฉินมู่หลานจึงฉายแววเยือกเย็น เธอต้องตามหาตัวคนทำให้พบ ถึงเวลานั้นจะให้พวกมันชดใช้อย่างสาสม
หลี่เฉิงต้งเห็นฉินมู่หลานยืนกรานดังนั้น จึงรีบไปเตรียมตัวทันที
เมื่อเหยาจิ้งจือรู้ว่าลูกสะใภ้กำลังจะเข้าผ่าตัดด้วยตัวเอง ก็มองดูท้องของเธออย่างลังเล เพียงแต่ฉินเจี้ยนเซ่อเป็นพ่อของลูกสะใภ้คนเล็ก ถึงแม้ว่าหล่อนจะกังวลเพียงใด แต่ก็ทราบดีว่าการผ่าตัดในครั้งนี้เป็นเรื่องจำเป็น จึงไม่พูดอะไรมาก เพียงแต่กังวลนิดหน่อย
ด้านโหยวหย่ง หวังหู่ เหวินเชี่ยน ทั้งสามคนทราบว่าฉินมู่หลานจะเข้าผ่าตัดด้วยตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าที่แท้พี่สะใภ้ก็เป็นหมอ และเมื่อมองสถานการณ์ตรงนี้ก็ทราบได้เลยว่าฝีมือการรักษาของพี่สะใภ้ต้องดีมากแน่นอน ถึงได้ทำการผ่าตัดที่หมอคนอื่นทำไม่ได้ แต่เธอทำได้
แต่ทั้งสามมองเห็นใบหน้ายังสาวของฉินมู่หลานแล้วก็เกิดข้อกังขาอยู่ในใจ ยังสาวอยู่เลย พวกเขาทราบดีว่าพวกหมอที่ฝีมือดีต้องแก่แล้วเท่านั้น ไม่มีทางจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ได้
หลี่เฉิงต้งจัดเตรียมอุปกรณ์รวดเร็วมาก เขาเชื่อในตัวฉินมู่หลาน จึงออกปากรับประกันด้วยตัวเอง จากนั้นก็เตรียมห้องผ่าตัดให้
หลังจากฉินเจี้ยนเซ่อโดนเข็นเข้าห้องผ่าตัด ฉินมู่หลานก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปทันที หลี่เฉิงต้งก็เดินตามเข้าพร้อมอยู่แล้ว ที่ตามมาติด ๆ คือพยาบาลหวง หล่อนเป็นพยาบาลที่คอยช่วยส่งเครื่องมือผ่าตัด ส่วนแพทย์และพยาบาลคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ เป็นเพราะพวกเขาทราบว่าฉินมู่หลานเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน แต่ครั้งนี้กำลังจะทำการผ่าตัด พวกเขาจึงคิดว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะล้มเหลวเสียมากกว่า จึงต่างพากันไม่มา
ซูหว่านอี๋ เหยาจิ้งจือและคนอื่น ๆ กำลังรออยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่แค่กังวลเรื่องฉินเจี้ยนเส่อเท่านั้น แต่ยังกังวลเรื่องฉินมู่หลานด้วย ความรู้สึกจึงซับซ้อนคุกรุ่นไปหมด
ในตอนนี้ ฉินเคอวั่งก็วิ่งมาด้วยอาการหอบเหนื่อย “แม่ ได้ยินมาว่าพ่อจะได้ผ่าตัดอีกครั้งเหรอ”
เมื่อเขามาถึง ก็พบว่าเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ไม่รู้จักรวมอยู่ด้วย เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงพ่อตัวเองมากขึ้น เขาเพิ่งออกไปซื้ออาหาร พอกลับมาพ่อก็โดนเข็นเข้าห้องผ่าตัดอีกแล้ว
ซูหว่านอี๋เห็นฉินเคอวั่งกลับมา ก็รีบบอกกล่าวทันที “เคอวั่ง พี่สาวลูกกลับมาแล้ว หล่อนบอกว่ามือของพ่อยังมีหวัง แล้วก็ยังฟื้นได้ ตอนนี้พี่กำลังผ่าตัดให้พ่อของลูกอยู่”
ฉินเคอว่างได้ยินว่าพี่สาวกลับมาแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พี่กลับมาแล้ว พี่หาวิธีได้จริงเหรอ?”
“พี่ของลูกจะต้องมีวิธี ต้องมีแน่” ซูหว่านอี๋เอ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่น มั่งใจในตัวลูกสาวมาก ขณะเดียวกันก็ดูแลอารมณ์ตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง ว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น โนเวลพีดีเอฟ
ทุกคนอยู่ข้างนอกค่อย ๆ สงบลง รอคนข้างในออกมา
ส่วนฉินมู่หลานที่อยู่ข้างในก็หยิบเข็มทองออกมา ก่อนจะแทงเข้าบนมือข้างที่บาดเจ็บของฉินเจี้ยนเซ่ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นำเข็มทองไปปักบนหัวของฉินเจี้ยนเซ่อ ไม่ว่าจะเจ็บขนาดไหน ฉินเจี้ยนเซ่อก็ไม่มีท่าทีว่าจะสะดุ้งตื่นเสียด้วยซ้ำ
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เธอก็ถอดเฝือกที่ขาขวาออก
หลี่เฉิงต้งเห็นเช่นนี้ จึงรีบเอ่ย “หมอฉินครับ ขาของพ่อคุณผ่าตัดไปแล้วนะครับ”
“ฉันทราบค่ะ”
มือของฉินมู่หลานยังคงเคลื่อนไหว เพื่อถอดผ้าพันแผลออกต่อไป
เมื่อเห็นฉินมู่หลานทำแบบนี้ หลี่เฉิงต้งกับพยาบาลหวงต่างก็มองด้วยความงุนงง เมื่อพวกเขาเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของฉินมู่หลานต่อไปอีก ก็เริ่มทนไม่ไหว ก่อนจะอุทานขึ้น “หมอฉิน ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรครับ”
ปรากฎว่า ฉินมู่หลานกรีดเปิดแผลผ่าตัดขาข้างที่หักของฉินเจี้ยนเซ่ออีกครั้ง
ฉินมู่หลานถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ต้องต่อกระดูกใหม่ค่ะ ถึงแม้ว่าจะต่อกระดูกเสร็จไปแล้ว พ่อของฉันก็ยังจะพิการอยู่ถ้าเป็นแบบนี้”
หลี่เฉิงต้งไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ พวกเขาต่างก็ทราบว่าหลังการผ่าตัดขาของฉินเจี้ยนเซ่อจะทิ้งผลข้างเคียงหลงเหลือไว้อย่างแน่นอน แต่ตอนนั้นพวกเขาทำดีที่สุดแล้ว ไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะมองออก มีอะไรที่เธอไม่ทราบบ้าง แต่ไม่นานนัก แววตาของหลี่เฉิงต้งก็เป็นประกาย
“หมอฉิน ถ้าอย่างนั้นคุณสามารถผ่าตัดให้ขาของพ่อคุณไม่มีผลข้างเคียงหลงเหลือได้เหรอครับ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่ค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดยืนกรานของฉินมู่หลาน แววตาของหลี่เฉิงต้งก็เป็นประกายมากขึ้น ต่อไปเขาจะตั้งใจดูให้ดี ว่าฉินมู่หลานจะทำการผ่าตัดด้วยวิธีไหน
ฉินมู่หลานก็เห็นว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว จึบดึงเข็มทองออกจากข้อมือของฉินเจี้ยนเซ่อ เธอเพิ่งกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตราบใดที่ยังมีการไหลเวียนอยู่ ก็ยังมีโอกาส เธอจึงไม่อยากเสียเวลา จากนั้นจึงเริ่มทำการผ่าตัดทันที
พยาบาลหวงยังรู้สึกงุนงงอยู๋ในตอนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน หล่อนก็ค่อย ๆ ปรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกับจังหวะการเคลื่อนไหวของฉินมู่หลาน แล้วค่อย ๆ เร็วขึ้น หลี่เฉิงต้งก็คอยช่วยเป็นอย่างดี ฉินมู่หลานให้เขาทำอะไร เขาก็ทำตาม ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
หลังจากรักษาข้อมือของฉินเจี้ยนเซ่อเสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็เริ่มทำการผ่าตัดขาของเขาอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เป็นการผ่าตัดที่ยากมากขึ้น เธอใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ
และในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็รู้สึกเหนื่อยมากจนหน้าเริ่มซีดเหงื่อไหลริน
พยาบาลหวงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นแบบนี้ จึงรีบเอ่ยทันที “หมอฉินคะ คุณยืนต่อไปไม่ไหวแล้วนะคะ คุณต้องไปพักก่อนค่ะ”
หลี่เฉิงต้งก็พบว่าฉินมู่หลานอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก จึงเอ่ยถามตามมา “ใช่ครับหมอฉิน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คุณจะไม่ไหวเอานะครับ คุณควรคิดถึงลูกในท้องเป็นหลักก่อนครับ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ สุดท้ายก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พอเท่านี้ ส่วนอาการบาดเจ็บตรงอื่นฉันจะรักษาให้พ่อตามมาทีหลังค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีนางเอกเรื่องไหนทรหดเท่านี้ไหมคะ ตัวเองท้องแก่แต่ก็ยังต้องผ่าตัดเคสยากๆ แบบนี้อีก
ไหหม่า(海馬)