ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 179 จุดจบของเซี่ยเจ๋อ

ตอนที่ 179 จุดจบของเซี่ยเจ๋อ

ตอนที่ 179 จุดจบของเซี่ยเจ๋อน่า(1)

ตอนที่ 179 จุดจบของเซี่ยเจ๋อน่า(1)

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ทุกคนก็ต่างพากันตกตะลึง

สีหน้าท่าทางของเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงค่อนข้างยากจะคาดเดา ถึงแม้จะทราบว่าเซี่ยเจ๋อน่าฟื้นขึ้นมาไม่ได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลานที่ยืนกรานชัดเจน ทั้งสองต่างก็พากันรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่นานก็นึกถึงสิ่งที่เซี่ยเจ๋อน่าเคยทำ อารมณ์จึงค่อย ๆ สงบลง

หมอที่เพิ่งตรวจให้เซี่ยเจ๋อน่าเมื่อสักครู่ยังไม่ออกไป เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน สีหน้าก็ดูไม่คาดฝัน “สหายครับ ขอเพียงคนไข้ได้รับการดูแลอย่างดี บางทีก็ยังอาจมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมา พูดตัดความหวังกันตรง ๆ แบบนี้ จะไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

หมออีกคนก็ดูท่าจะไม่พอใจเช่นกัน เขาขมวดคิ้วแล้วหันไปพูดกับฉินมู่หลาน “ใช่แล้ว ถึงตอนนี้คนไข้จะหมดสติไป แต่ก็ยังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ เธออย่าพูดอะไรเลยดีกว่า บอกว่าหล่อนจะไม่ตื่นขึ้นมามันดูตื่นตูมเกินไป”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอสองคนพูด คนอื่นก็หันมองฉินมู่หลานเหมือนกัน

เกาหยวนก็เอ่ยด้วยสีหน้าโกรธจัด “ถ้าเธอไม่รู้เรื่องก็อย่ามาพูดจาไร้สาระ หมอที่เชี่ยวชาญทั้งสองคนเขาก็บอกแล้วว่ายังมีโอกาสฟื้น แต่เธอกลับบอกว่าจะไม่ฟื้นอีก เธอใจร้ายเกินไปแล้ว ทำไมถึงแช่งน่าน่าได้น่ากลัวแบบนี้”

ฉินมู่หลานแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ย “อันที่จริงเซี่ยเจ๋อน่าก็มีโอกาสฟื้นหรอกนะ แต่นายกลับทำลายมันด้วยมือของนายเอง”

“เธอหมายความว่ายังไง เธอหาทางไม่ได้เอง แล้วมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน”

เกาหยวนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดเลย รู้สึกเพียงแค่ว่าเธอกำลังบอกปัดความรับผิดชอบ

ฉินมู่หลานไม่ได้ปรายตามองเกาหยวนเลยสักนิด แต่กลับหันไปมองหมอสองคนแทน แล้วพูดขึ้น “สภาพร่างกายแต่เดิมของผู้ป่วยไม่ดีอยู่แล้ว ไม่นานมานี้เขาโดนสามีทำร้ายร่างกายจนแท้งลูก จากนั้นก็ไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี ทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่ลงไปอยู่ไม่น้อย เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ หล่อนจึงไม่มีโอกาสฟื้นมาแล้วค่ะ”

“เธอ…”

เกาหยวนไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะพูดเช่นนี้ และเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้เลย เพราะเซี่ยเจ๋อน่าโดนทำร้ายร่างกายจนแท้งลูกจริง แต่ไม่นานนักเขาก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ หันไปมองฉินมู่หลานแล้วพูดจาด้วยท่าทางก้าวร้าว “เธอโกหก ถึงน่าน่าจะแท้งลูกก็เถอะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหล่อนยังดูดีอยู่ แล้วจะไม่ฟื้นขึ้นมาได้ยังไง”

ฉินมู่หลานไม่ได้อยากพูดคุยกับเกาหยวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และหันไปพูดกับเหยาจิ้งจือแทน “ฉันลองตรวจชีพจรอย่างละเอียดแล้ว เซี่ยเจ๋อน่าจะไม่ฟื้นมาแล้วค่ะ”

เหยาจิ้งจือทราบว่าการที่ลูกสะใภ้คนเล็กยอมมาตรวจลูกสาวของหล่อนนั้นถือเป็นความเมตตาทั้งหมดที่มีให้แล้ว จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะมู่หลาน”

ฉินมู่หลานส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็แค่ลองมาตรวจให้”

ถึงอย่างไรหมออีกสองคนก็ยังไม่เชื่อ พวกเขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่นายท่านเหยาพาตัวมา จึงไม่เชื่อในฝีมือการรักษาของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของพวกเขาแล้ว ศาสตร์แพทย์แผนจีนไม่สามารถรักษาคนได้ ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเอ่ยพูดอะไร เถาป๋อหลุนก็เดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นฉินมู่หลาน ก็รู้สึกดีใจ “หมอฉิน คุณมาได้ยังไงครับเนี่ย?”

ฉินมู่หลานเห็นเถาป๋อหลุน จึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการเถา สวัสดีค่ะ” โนเวลพีดีเอฟ

หมอสองคนนั้นรู้จักเถาป๋อหลุนดีอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเขาไม่เพียงแต่รู้จักฉินมู่หลานเท่านั้น แต่ยังมีท่าทางกระตือรือร้น ก็อดจะเอ่ยถามไม่ได้ “ผู้อำนวยการเถาครับ ท่านนี้คือ?”

“หมอต่งกับหมอเหลียงนี่เอง ฉันจะแนะนำให้พวกนายรู้จัก นี่คือหมอฉิน หมอฉินคนที่พัฒนายาแก้อักเสบและยาลดไข้ที่ได้ประสิทธิภาพสุด ๆ คนนั้นน่ะ”

“อะไรนะ…หล่อนคือหมอฉินคนนั้นเหรอ?”

หมอต่งกับหมอเหลียงหันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาสงสัยแล้วได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย เพราะหญิงมีครรภ์ตรงหน้ายังดูสาวมาก แต่ทำไมถึงมีฝีมือการแพทย์ดีขนาดนี้ได้

เถาป๋อหลุนมองออกว่าทั้งสองดูไม่ค่อยเชื่อ เขาจึงหัวเราะ แล้วเอ่ย “ฉันจะโกหกพวกนายไปทำไมกัน เรื่องแบบนี้จะลองตรวจสอบดูก็ได้นะ ถ้าคิดว่าฉันโกหก เดี๋ยวเรื่องก็แดงออกมาเองแหละ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเถาป๋อหลุน ทั้งสองคิดว่ามันก็มีเหตุผล ขณะเดียวกัน สุดท้ายพวกเขาก็ยอมรับว่าฉินมู่หลานคือหมอฉินที่พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงมา ถ้าเป็นอย่างนั้น สิ่งที่ฉินมู่หลานเพิ่งบอกไปเป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ หรือว่าคนไข้คนนี้จะฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ?

หมอเหลียงทนไม่ไหว ก่อนจะหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานตามตรง “หมอฉินครับ ที่คุณเพิ่งตรวจชีพจรคนไข้คนนี้ไป หล่อนจะไม่ฟื้นขึ้นมาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ จากที่ฉันลองตรวจชีพจรแล้ว หล่อนฟื้นไม่ได้แล้วจริง ๆ”

เถาป๋อหลุนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากได้ทราบเรื่องราว เขาก็มองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ เพราะยาพิเศษทั้งสองชนิดนี้เป็นยาแผนตะวันตก จึงไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ แต่เขาเชื่อในตัวฉินมู่หลาน จึงไม่คิดว่าเธอเพียงแค่เดาสุ่ม

“หากหมอฉินกล่าวเช่นนั้น ก็คงเป็นอย่างนั้นจริง”

เมื่อเห็นเถาป๋อหลุนเอ่ยแบบนี้ หมอต่งกับหมอเหลียงจึงไม่เอ่ยพูดอะไรอีก พวกเขาทั้งสองก็เชื่อการวินิจฉัยของฉินมู่หลานด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เกาหยวนไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้

“ไม่มีทาง น่าน่าจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอน” เขาจะทำอย่างไรหากเซี่ยเจ๋อน่าไม่ฟื้นขึ้นมา เขาได้มาถึงเมืองหลวงและได้เข้ามาอยู่ในตระกูลร่ำรวยอย่างไม่เคยคาดฝันแล้ว จะปล่อยให้มันสลายหายไปไม่ได้

เถาป๋อหลุนเห็นสีหน้าเกาหยวนดูไม่ค่อยอยากจะเชื่อ จึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ “อันที่จริงแล้ววันนี้มีหมออาวุโสศาสตร์แพทย์แผนจีนมาเยี่ยมโรงพยาบาลเรา เดี๋ยวจะขอให้เขามาช่วยดู”

เกาหยวนได้ยินสิ่งนี้ จึงรีบพยักหน้าทันที “ได้ครับ ได้ครับ”

แม้แต่หมอต่งกับหมอเหลียงก็หันมองเถาป๋อหลุนด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม “หมอคนไหนมาที่นี่เหรอ?”

“ท่านเฉียว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเถาป๋อหลุน หมอต่งกับหมอเหลียงก็มีท่าทางเหลือเชื่อ “ท่านเฉียวเองหรือ ทำไมผู้อาวุโสถึงมาที่นี่เล่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรให้ท่านเข้ามาดูหน่อย”

เถาป๋อหลุนหันไปมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “หมอฉิน ถ้าอย่างนั้นผมไปตามท่านเฉียวนะครับ?”

นี่เป็นการถามความเห็นของฉินมู่หลาน เพราะเธอวินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขากลับจะไปตามหมออีกคนมาตรวจซ้ำ เรื่องแบบนี้อาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจสักเท่าใด นอกจากนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะต้องถ่อไปรบกวนท่านเฉียวด้วย จึงเป็นการดีที่สุดหากจะไม่รบกวนเขา จะได้ไม่ต้องขอให้ผู้อาวุโสเที่ยววิ่งวุ่นไปมา

ฉินมู่หลานสนใจท่านเฉียวมาก และอยากจะเห็นหมออาวุโสแพทย์แผนจีนผู้นี้ที่พวกเขาพูดถึงด้วย จึงพยักหน้าทันทีแล้วพูดขึ้น “ได้ค่ะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพยักหน้า เถาป๋อหลุนจึงไม่พูดอะไรอีก แล้วไปเชิญคน ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไม่นานนัก เถาป๋อหลุนก็พาชายชราที่มีผมและหนวดเคราสีขาวมา ถึงแม้ว่าชายชราคนนั้นจะอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ดูใจดีมาก ซึ่งท่านผู้นี้คือท่านเฉียว

ตอนแรกท่านเฉียวไม่อยากมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดจากเถาป๋อหลุน จึงได้ทราบว่ามีหมอผู้พัฒนายาพิเศษอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงมาที่นี่เพื่อพบคน

เถาป๋อหลุนแนะนำท่านเฉียวโดยเร็ว “ท่านเฉียวครับ นี่คือหมอฉินที่ผมบอก”

ท่านเฉียวหันมองฉินมู่หลานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้เธอแล้วพูดขึ้น “หมอฉินนี่ไม่เลวเลยนะ เขาว่าศิษย์เก่งกว่าครู วงการแพทย์มีคนรุ่นใหม่ที่เก่ง ๆ แบบคุณ ผมมีความสุขมากจริง ๆ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ จึงรีบเอ่ย “ท่านเฉียว ชมเกินไปแล้วค่ะ”

“เปล่า ผมพูดจริงทั้งนั้น เห็นว่าหมอหนุ่มสาวอย่างพวกคุณเก่งกันแค่ไหน ผมก็ดีใจมากเหลือเกิน” หลังจากพูดจบ ท่านเฉียวก็อดหันมองเซี่ยเจ๋อน่าที่กำลังนอนหมอสติอยู่เสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “นี่คือคนไข้ที่จะให้ฉันช่วยดูใช่ไหม”

หมอต่งกับหมอเหลียงเอ่ยพูดด้วยความประหม่า “ขออภัยครับท่านเฉียว พอดีพวกผมเห็นต่างกับหมอฉิน เรื่องก็เลยเป็นแบบนี้”

ท่านเฉียวได้ยินเรื่องที่เถาป๋อหลุนเล่าให้ฟังระหว่างทางมาที่นี่ จึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ฉันบังเอิญว่างพอดี ก็จะมาดูสักหน่อย” หลังจากพูดจบก็เดินไปหยุดอยู่ด้านข้างเซี่ยเจ๋อน่า จากนั้นก็เริ่มจับชีพจรของเซี่ยเจ๋อน่า

“เอ๊ะ…คนไข้เพิ่งแท้งลูกไปใช่ไหม”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มีหมอมายืนยันสี่คนแล้วว่าไม่ฟื้น นั่นก็หมายความว่าไม่ฟื้นแหละค่ะ ทำไม กลัวจะตกสวรรค์กลับไปอยู่ชนบทเหมือนเดิมเหรอไอ้ชายแท้ตีเมีย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset