“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านที่ครอบครองเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีนามว่า ‘หมื่นไฟประลัยกัลป์’ ได้สำเร็จ เพลิงนี้เกิดจากการควบแน่นของพลังปราณจากสวรรค์และปฐพี พลังของมันไร้ขีดจำกัด สามารถทำลายหลายสิ่งทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตให้สลายเป็นเถ้าถ่านได้ เมื่อนายท่านได้หมื่นไฟประลัยกัลป์มาครองแล้ว นายท่านจะต้องฝึกซ้อมอย่างแข็งขัน เพื่อใช้ประโยชน์จากมันให้ได้สูงสุดและควบคุมไฟนั้นได้อย่างดี”
แม้เสียงของระบบจะนิ่งขึงตามปกติ แต่ปู้ฟางก็เลิกคิ้วขึ้นพลันรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินเสียงนี้
เพียงเท่านี้น่ะหรือที่เขาต้องทำเพื่อให้ได้หมื่นไฟประลัยกัลป์มาไว้ในครอบครอง ถ้าเป็นเช่นนั้นภารกิจนี้ก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แม้หมื่นไฟประลัยกัลป์จะเป็นสิ่งที่น่าประทับใจพอตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีค่าอะไรให้พูดถึงขนาดนั้น
ชายหนุ่มไม่คิดแม้แต่น้อยว่าหากเหล่าขั้นเซียนเทพมาได้ยินความคิดนี้ของเขาเข้า เขาคงถูกจับยัดกระสอบแล้วซ้อมจนตายแน่นอน
แล้วชายหนุ่มอุตริสรุปออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร แม้หมื่นไฟประลัยกัลป์นี้จะเพิ่งเกิดใหม่สดๆ ร้อนๆ แต่มันก็ถือเป็นเมล็ดพันธุ์เพลิง ที่ไม่ว่าจะดูอ่อนแอเพียงใด ก็ยังเป็นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่มีพลังยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานอยู่ดี
แม้แต่ขั้นเซียนเทพยังไม่กล้าเข้าใกล้ตรงๆ แล้วมันจะถูกปราบง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
มีเพียงปู้ฟางที่ได้รับวิธีประหลาดจากระบบมาเท่านั้น จึงสามารถกินลูกไฟเข้าไปซึ่งๆ หน้าได้
แม้ปู้ฟางจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก แต่เขาก็ยังยิ้มด้วยความตื่นเต้น ในเมื่อมีเพลิงนี้อยู่ในครอบครองแล้ว ก็แปลว่าเขาสามารถใช้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำทำอาหารได้แล้วน่ะสิ
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาเฝ้าปรารถนามาพักใหญ่แล้ว
นั่นเพราะกระทะนี้ถือเป็นของล้ำค่ายิ่ง…
พอทำใจให้สงบลงได้ ปู้ฟางก็เริ่มสำรวจร่างกายตนเอง พลังปราณระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการทำให้เขาตรวจดูทั่วร่างกายได้ง่ายขึ้น ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของเขาสูงมาก พลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลเวียนอยู่ในแก่นพลังปราณเผาไหม้ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง พลังปราณที่เคยเป็นสีขาว บัดนี้กลายเป็นสีทองอร่ามเรืองรองด้วยพลังของหมื่นไฟประลัยกัลป์
หัวใจของปู้ฟางสั่นสะท้านเล็กน้อย
ลูกไฟสีทองสวยงามกำลังเต้นอยู่ที่ใจกลางเส้นปราณของเขาอย่างมีชีวิตชีวา พายุพลังปราณที่หมุนวนอยู่รอบลูกไฟนั้น บางทีก็ดูดซับลำแสงสีทองอร่ามเข้าไปรวมกับพลังปราณเที่ยงแท้ของเขา ลูกไฟสีทองดังกล่าวคือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอันมีนามว่าหมื่นไฟประลัยกัลป์นั่นเอง
ปู้ฟางเดาะลิ้นอย่างยินดีเมื่อเห็นภาพดังกล่าว จากนั้นก็จ้องลูกไฟสีสวยต่อด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เมื่อพิจารณาจนพอใจ ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นพลางเอามือลูบคาง
เขาพยายามส่งจิตไปควบคุมหมื่นไฟประลัยกัลป์ที่แก่นพลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามควบคุมหรือขยับมันเพียงใด ลูกไฟก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ใบหน้าของชายหนุ่มแข็งทื่อขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตนเองคุมลูกไฟไม่ได้
เขาพยายามใช้หลายต่อหลายวิธีเนื่องจากยังไม่ปักใจเชื่อว่าตนจะควบคุมลูกไฟไม่ได้ แต่ลูกไฟกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย มันยังลอยเด่นอยู่กลางแก่นพลังอย่างสวยงามเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าข้าจะลงทุนลงแรงไปเยอะ แต่สุดท้ายกลับใช้เพลิงนี้กับกระทะกลุ่มดาวเต่าดำไม่ได้ไปเสียอีก หรือโชคชะตาจะกำหนดมาว่าข้าจะไม่มีวันใช้กระทะนี้ทำอย่างอื่นได้ นอกจากใช้เป็นอิฐทุบหัวคนกันนะ”
ปู้ฟางผ่อนลมหายใจยาวเหยียดพลางเอามือลูบแก้มตนเอง ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
พอลงมาถึงตัวร้าน เขาก็สังเกตเห็นว่าเซียวเสี่ยวหลงยังมาไม่ถึง แม้จะได้เวลาที่ชายหนุ่มจะต้องมาฝึกซ้อมทำอาหารแล้วก็ตาม
ปู้ฟางขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงง แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาพยายามควบคุมลูกไฟต่อไป ขณะฝึกทักษะการใช้มีดและการและสลักไปด้วย
พอฝึกเสร็จ จู่ๆ เขาก็นึกถึงวิธีควบคุมลูกไฟที่ระบบเคยมอบให้เมื่อวันก่อนขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น ปู้ฟางรวบรวมพลังปราณให้หมุนตามวิธีที่ระบบมอบให้ ระหว่างที่กำลังบังคับให้พลังปราณหมุนวน เขาก็พยายามควบคุมหมื่นไฟประลัยกัลป์ไปด้วย
หลังจากบังคับให้พลังปราณหมุนวนไปได้หนึ่งรอบ ใบหน้าของชายหนุ่มก็แดงก่ำไปหมด
เขาเริ่มคันคอเล็กน้อยจึงอ้าปาก จู่ๆ เปลวเพลิงสีทองก็ปะทุออกมาอย่างไม่คาดคิด พอเปลวเพลิงปะทุออกจากปากของเขามาสู่โลกภายนอก ห้องครัวก็พลันร้อนระอุเหมือนนรกขึ้นมาทันที
ปู้ฟางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พลางรีบยกมือปิดปาก
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง สีหน้าประหลาดชอบกล
เกิดบ้าอะไรขึ้นกันนี่ ทำไมจึงมีไฟพุ่งออกมาจากปากข้า
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกขวับ จากนั้นก็หยิบกระทะใบใหญ่ออกมา กระทะใบนั้นไม่ใช่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ แต่เป็นกระทะที่เขาตั้งใจว่าจะลองใช้เพื่อทดสอบเปลวเพลิงดูก่อน
เขาควบคุมจิตของตนเองแล้วพ่นเปลวเพลิงออกมาอีกครั้ง
ร่างกายของปู้ฟางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นเขาอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมาใส่ก้นกระทะ
กระทะตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีทองทันทีพร้อมเสียงดังฉ่า ครู่ต่อมาก้นกระทะก็หลอมเหลวกลายเป็นน้ำ เกิดเป็นรูเบ้อเริ่มเทิ่ม
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นปู้ฟางก็สะดุ้งตกใจอีกครั้ง เปลวเพลิงร้อนระอุนี่ออกมาจากปากของเขาจริงๆ หรือ
แล้วเหตุใดปากของเขาจึงยังไม่ไหม้อีก
ชายหนุ่มทิ้งกระทะดังกล่าวแล้วมานั่งคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็หยิบเนื้อมังกรปฐพีส่วนซี่โครงออกมา
ควันสีเขียวลอยวนรอบข้อมือชายหนุ่ม อึดใจต่อมามีดทำครัวกระดูกมังกรทองก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ปู้ฟางควงมีดในมือแล้วหั่นเนื้อซี่โครงของมังกรปฐพีระดับแปดเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็เตรียมเนื้อโดยการทุบเล็กน้อยเพื่อให้มันนิ่มลงและกินง่ายขึ้น ชายหนุ่มเตรียมเครื่องปรุงรสพร้อมสรรพแล้วทาลงบนเนื้อซี่โครงมังกร ก่อนจะเตรียมทำขั้นตอนสำคัญ
ควันสีเขียวลอยออกมาจากข้อมืออีกครั้ง ตามมาด้วยกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่ปรากฏในมือ
ทันทีที่กระทะปรากฏขึ้น มันก็เริ่มขยายขนาดจนใหญ่เท่ากระทะปกติก่อนจะหยุดนิ่งลง
ปู้ฟางพ่นเปลวเพลิงออกจากปากไปที่ก้นกระทะ
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีนี้ จะสามารถทำให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำใช้งานได้จริงๆ หรือไม่
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำตั้งอยู่บนเตาสี่ขาซึ่งดูแล้วน่าจะทำมาจากสำริด เมื่อเปลวเพลิงลามเลียไปถึงกึ่งกลางขาตั้ง ก็ก่อเกิดเป็นประกายแสงที่สว่างวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ประกายแสงเหล่านี้ส่งกระแสพลังที่มองไม่เห็นออกมาควบคุมเปลวเพลิงสีทอง
เปลวเพลิงเริ่มเสถียรและเผาไหม้อย่างเงียบเชียบอยู่ใต้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
ปู้ฟางหลับตาแล้วไอแห้งๆ ออกมา เขาเพิ่งเรียนรู้วิธีพ่นไฟ จึงยังไม่คุ้นชินกับอะไรเช่นนี้นัก
เปลวเพลิงสีทองภายใต้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำไม่ได้ส่งเสียงปะทุออกมาเลยแม้แต่น้อย
ปู้ฟางเอามืออังบนกระทะแล้วสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ถูกส่งออกมาจากผิวกระทะ ชายหนุ่มดีใจเป็นอันมากที่เปลวเพลิงนี้ทำให้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำใช้งานได้จริงๆ ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นเขาก็จัดแจงเทน้ำมันลงในกระทะ ความร้อนที่กระจายออกจากกระทะทวีความรุนแรงขึ้นอีก ชายหนุ่มเทซี่โครงมังกรปฐพีที่ทาเครื่องปรุงรสแล้วลงไป
ฉ่า!
ทันทีที่เนื้อมังกรสัมผัสกระทะ คลื่นพลังปราณปั่นป่วนก็กระจายออกจากซี่โครง พลังปราณดังกล่าวมีปริมาณมากเสียจนดูเหมือนว่ากระทะจะรองรับไม่ไหว
นี่เป็นเนื้อของมังกรปฐพีระดับแปด แน่นอนว่าระดับพลังปราณที่อยู่ภายในเนื้อย่อมต้องมากมายมหาศาล
ภาพมายาของเต่าที่ตัวใหญ่ดังขุนเขาปรากฏขึ้นกลางกระทะ เจ้าเต่าใช้เท้ากดพลังปราณมหาศาลจากเนื้อมังกรเอาไว้ แล้วผลักกลับเข้าไปในกระทะดังเดิม
โครม!
เนื้อในกระทะสุกอย่างรวดเร็ว ซี่โครงมังกรปฐพีบัดนี้ถูกทอดจนกลายเป็นสีทองอร่ามสวยงาม
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา กลิ่นหอมเข้มข้นก็กระจายออกจากกระทะ กลิ่นนั้นชวนให้น้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง เนื้อของมังกรปฐพีนั้นอร่อยกว่าเนื้อของอสูรเวทหมูเป็นไหนๆ เนื่องจากเป็นวัตถุดิบระดับแปดนั่นเอง
ความยอดเยี่ยมของกระทะกลุ่มดาวเต่าดำทำให้เนื้อสุกทั่วในเวลาไม่นาน
ปู้ฟางตักเนื้อซี่โครงที่สุกแล้วออกจากกระทะอย่างชำนาญ ไอน้ำหนาแน่นและกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายไหลจนต้องอ้าปากค้างลอยล่องไปทั่วห้องครัว มันหนาแน่นมากจนดูเหมือนจะก่อตัวเป็นวัตถุขึ้นมาจริงๆ
ปู้ฟางเทน้ำมันลงในกระทะกลุ่มดาวเต่าดำอีกครั้งแล้วเริ่มทำน้ำซอส
โครม!
ทันทีที่เขาเทวัตถุดิบลงในกระทะ ม่านตาของชายหนุ่มก็หดแคบเมื่อเห็นเปลวเพลิงพุ่งขึ้นมา แต่กระนั้นปู้ฟางก็ยังเดินหน้าทำอาหารต่อไปด้วยความเร็วคงที่ เขาตักน้ำซอสขึ้นมาชิม น้ำซอสมีรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว ดูเหมือนว่าจะเคี่ยวจนงวดได้ที่แล้ว
ชายหนุ่มเทน้ำซอสลงบนซี่โครงมังกรปฐพีทอด มือของเขาขยับอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา เขาคลุกเคล้าซี่โครงกับซอสจนเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ
ปู้ฟางเทซี่โครงเปรี้ยวหวานลงในจานกระเบื้องสีฟ้าขาว กลิ่นของซี่โครงเปรี้ยวหวานจานนี้หอมเข้มข้นยิ่งกว่าซี่โครงเปรี้ยวหวานจานใดๆ ที่ชายหนุ่มเคยทำมาก่อน น้ำลายของเขาถึงกับสอออกมาทีเดียว
ชายหนุ่มจึ๊ปาก จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบซี่โครงเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งขึ้นมา
น้ำซอสชุ่มฉ่ำสีเรื่อทิ้งเส้นไว้เป็นสายยาวตามตะเกียบที่ยกขึ้น
ไอร้อนโชยออกจากเนื้อชิ้นนั้น
ทันทีที่ยัดเนื้อเข้าปาก ปู้ฟางก็ต้องหยีตาอย่างสุขใจ เขาบรรจงเคี้ยวเนื้อชิ้นเพื่อเก็บทุกรายละเอียดของรสชาติ จากนั้นก็เดินถือจานซี่โครงเปรี้ยวหวานออกจากห้องครัวไป
พอเปิดประตูร้าน ไอขาวพร้อมกลิ่นหอมเข้มข้นของซี่โครงมังกรปฐพีเปรี้ยวหวานก็พวยพุ่งออกไป
ตรอกที่อยู่รายรอบร้านถูกสร้างขึ้นมาใหม่เรียบร้อย ปู้ฟางมองบรรยากาศรอบตัวสักพัก ก่อนจะวางจานอาหารลงตรงหน้าเจ้าดำที่กำลังนอนหลับอยู่
“เจ้าดำ ได้เวลาอาหารแล้ว”
ปู้ฟางพูดเสียงนิ่งจากนั้นก็เอามือลูบศีรษะเจ้าดำ
ซี่โครงเปรี้ยวหวานเนื้อมังกรปฐพีระดับแปดคืออาหารจานแรกที่ใช้กระทะกลุ่มดาวต่ำดำทำ และบัดนี้ก็กำลังจะตกสู่ท้องของสุนัขตัวอ้วนพี
ทันทีที่เจ้าดำได้กลิ่นซี่โครงเนื้อมังกรปฐพีเปรี้ยวหวาน ดวงตาที่ว่างเปล่าและเพิ่งเปิดขึ้นจากการนอนก็พลันเบิกโพลง จากนั้นมันก็ใช้ขาทั้งสองข้างกวาดจานอาหารเข้ามาหาตัวพร้อมเสียงดัง ‘วืด!’ ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า มันเลียริมฝีปากทำจมูกฟุดฟิด แล้วเริ่มเห่าด้วยน้ำเสียงเหมือนเมาความอร่อย
‘ไอ้หนูตัวเหม็น ดูเหมือนเจ้าจะยังพอมีสติรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างนะ’
เจ้าดำคิดนิดหนึ่งก่อนจะเริ่มตั้งหน้าตั้งตากิน
ทันทีที่กินซี่โครงเปรี้ยวหวานชิ้นแรกเข้าไป ดวงตาของท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ก็เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังส่องประกายเจิดจ้าขึ้นไปอีก
‘ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ชอบซี่โครงมังกรปฐพีเปรี้ยวหวานเป็นที่สุด โฮ่ง!’
อาหารจานนี้ทำให้เจ้าดำ สุนัขที่ขี้เกียจจนไม่อยากแม้แต่จะขยับตัว กลายเป็นสุนัขที่ตื่นเต้นจนอุทานออกมาด้วยความชื่นชมไปเรียบร้อย กระนั้นเสียงเห่าของมันก็ยังเจือความขี้เกียจอยู่บ้าง
รสสัมผัสของเนื้อมังกรนั้นแข็งกว่าเนื้อหมู แต่เมื่อถูกตระเตรียมโดยปู้ฟางผู้ที่มีความสามารถยอดเยี่ยมด้านการควบคุมอุณหภูมิและการทอด ซี่โครงจึงออกมาอ่อนนุ่มและมันกำลังดี แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ ปู้ฟางก็ยังสามารถจับความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงน้อยนิดของวัตถุดิบได้ เนื่องจากกระทะที่เขาใช้เป็นอุปกรณ์พ่อครัวเทพนั่นเอง
การทำอาหารด้วยกระทะธรรมดานั้นง่ายกว่าเป็นไหนๆ ตอนที่เขาใช้กระทะธรรมดาทำอาหาร เขาต้องทำจิตใจให้สงบเพื่อใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการทำอาหาร นอกจากนี้ยังต้องจับสัมผัสทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทะอย่างใกล้ชิด
แต่แม้จะทำทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ก็ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่อาจทำให้เขาควบคุมกระทะพลาด ความแตกต่างแม้เพียงน้อยนิดในการควบคุมกระทะ อาจทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยนไปมากโขเลยทีเดียว
ซี่โครงมังกรปฐพีเปรี้ยวหวานเป็นอาหารจานแรกที่ปู้ฟางใช้กระทะกลุ่มดาวเต่าดำทำ รสชาติของมันอร่อยมากเสียจนปู้ฟางจินตนาการแทบไม่ออก เขายังคงดื่มด่ำกับรสชาติของซี่โครงที่ค้างอยู่ในปาก เนื้อมังกรนั้นนุ่มมาก ส่วนซอสเปรี้ยวหวานก็กลมกล่อมลงตัว ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังปราณมหาศาล ส่วนประกอบทั้งสามนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซี่โครงมังกรปฐพีเปรี้ยวหวานจานนี้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์พ่อครัวเทพและเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเหนือจินตนาการ
ปู้ฟางคิดเรื่องนี้วนไปวนมาอย่างมีความสุข ทักษะการทำอาหารของเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว
เจ้าดำกำลังดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อยอย่างเต็มที่จนไม่ได้สนใจอะไรอย่างอื่น สิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของมันตอนนี้ก็คือ… ซี่โครงมังกรปฐพีเปรี้ยวหวาน
ปู้ฟางยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าครัว จากนั้นก็ลากเก้าอี้ออกมาวางที่หน้าร้านแล้วนั่งแปะลงไป พลางมองเจ้าสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารจานโปรด ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้น ดื่มด่ำกับกลิ่นอาหารหอมและแสงแดดอบอุ่น ชีวิตช่างดีอะไรเช่นนี้
เซียวเสี่ยวหลงกำลังค่อยๆ ก้าวตรงมาที่ร้าน หน้าตาของเขาดูไม่สู้ดีนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาดูร
เมื่อชายหนุ่มเห็นปู้ฟางจากระยะไกลก็ชะงักไปทันที
แต่อึดใจต่อมา ความคาดหวังที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม