แรงระเบิดรุนแรงเสียจนทำให้เจดีย์ของสำนักเจดีย์นภากระจ่างโคลงเคลงไม่หยุด เกิดความชุลมุนวุ่นวายในเมืองเชิงเขาของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง ศิษย์จำนวนมากต่างพุ่งตัวออกมาจากลานฝึกที่แต่ละคนกำลังฝึกซ้อมอยู่
สีหน้าพวกเขาล้วนตื่นตกใจ ทุกคนตัวสั่นเทิ้มจากการระเบิดอย่างฉับพลัน การระเบิดเช่นนี้ไม่ปรากฏมาหลายปีแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
มีข้อมูลมากมายที่ศิษย์ทั่วไปไม่อาจเข้าถึงได้ นั่นเพราะระดับของพวกเขายังไม่สูงถึงจุดที่กำหนด
หมื่นไฟบรรลัยกัลป์คือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีที่สำนักเจดีย์นภากระจ่างพิทักษ์ปกป้องคุ้มครองมาหลายยุคหลายสมัย เปลวเพลิงชนิดนี้มีพลังแก่กล้ามหาศาล หากไม่มีชีพจรมังกรจากดินแดนแสนภูผาและวงแหวนปราณของสำนักเจดีย์นภากระจ่างสะกดไว้ ดินแดนแห่งนี้คงมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้วแน่นอน
มีแต่ศิษย์ระดับสูงของสำนักเจดีย์นภากระจ่างที่รู้รายละเอียดเหล่านี้
ดังนั้นตอนที่คนอื่นพากันเสียขวัญจากการระเบิด เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพของสำนักเจดีย์นภากระจ่างกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาล้วนจ้องไปยังทิศเดียวกัน
ไกลออกไป เปลวเพลิงหลายลูกพุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบนและจุดท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สว่างไสว
ภาพที่เห็นช่างน่าหวาดหวั่นใจเสียจริง
เยี่ยอวิ๋นชิงขมวดคิ้วพลางจ้องไปยังทิศนั้นอยู่นาน จากนั้นชายชราก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนไล่เยี่ยจึหลิงกับเยี่ยผังออกไป พร้อมกำชับคนทั้งคู่ไม่ให้ออกมาเดินเพ่นพ่าน จากนั้นจึงขึ้นนั่งบนหลังของนกอัคคีจรัสแล้วพุ่งทะยานไปยังจุดที่เกิดการระเบิดทันที
คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็พุ่งออกไปยังทิศนั้นด้วยเช่นกัน พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือของสำนักเจดีย์นภากระจ่างทั้งสิ้น
…
ภายในพื้นที่หนึ่งที่แสนเบียดเสียดของดินแดนแสนภูผา เหล่าคนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ต่างเงยหน้าขึ้นช้าๆ ขั้นปราณของคนเหล่านี้ทรงพลังยิ่งนัก พวกเขาสวมเครื่องแบบชุดคลุมยาว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
“ศิษย์พี่ หมื่นไฟบรรลัยกัลป์กำลังจะอุบัติขึ้นหรือ”
หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีในสนามฝึกซ้อมจริงๆ เสียด้วย ข้าเกรงว่าเหล่าผู้อาวุโสจะไม่รู้ความจริงข้อนี้ แต่ช่างเถอะ ถือเป็นโอกาสที่พวกเราจะได้ครอบครองหมื่นไฟบรรลัยกัลป์ก็แล้วกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นการเดินทางครั้งนี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ แล้วข้าเป่ยกงหมิงก็จะได้รับความนับถือจากพวกสำนักใหญ่มากขึ้น!”
คนเป็นหัวหน้าคือบุรุษหน้าตาดี เขาเพ่งมองไปทางทิศที่เปลวไฟส่งประกายแปลบปลาบในอากาศ แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
สำนักของพวกเขาใช้ดินแดนทางใต้เป็นสนามฝึกซ้อม พื้นที่กว้างขวางแห่งนี้มีไว้ให้เหล่าศิษย์ใช้ฝึกพลังปราณเป็นหลัก แต่ที่นี่ไม่ได้รับความสนใจจากสำนักนัก ใครเลยจะคิดว่าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีจะปรากฏบนพื้นที่ที่ถูกมองข้ามเช่นนี้
สิ่งนี้จัดได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง เมื่อได้ครอบครอง มันจะช่วยในการฝึกพลังปราณอย่างมหาศาล ผู้ที่ได้ครอบครองมันจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลท่ามกลางสำนักต่างๆ และนี่ก็ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด
“เร็วเข้า! เราต้องเอาหมื่นไฟบรรลัยกัลป์มาให้ได้ ไม่ว่าใครที่ขวางทางต้องถูกกำจัดให้หมด” ความละโมบแวบผ่านดวงตาที่ลุกโชนของเป่ยกงหมิง จากนั้นจิตสังหารก็ระเบิดออกมาจากตัวเขาขณะนำกำลังคนรุดไปยังตำแหน่งของหมื่นไฟบรรลัยกัลป์
เรื่องนี้สำคัญกับขั้นปราณในอนาคตรวมถึงชื่อเสียงของเขามาก แล้วเป่ยกงหมิงจะไม่ให้ความสำคัญกับภารกิจนี้ได้อย่างไร!
…
“ดีมาก ค่อยๆ ดับเพลิงสังเคราะห์ทีละนิด แบบนั้นละ…”
ต้วนอวิ๋นมีสีหน้าเศร้าหมอง เพลิงสังเคราะห์ที่เขาเฝ้าทะนุถนอมที่สุดถูกเอามาใช้ย่างเนื้อ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับเรื่องนี้ดี
แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลิ่นที่แผ่ออกมาในอากาศหอมหวนยวนใจขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เขาหิวโหย ทำให้ท้องเขาร้องครวญคราง
การระเบิดยังดำเนินต่อไป ท้องฟ้าถูกแผดเผาด้วยแสงจ้า
ทั้งต้วนอวิ๋นและปู้ฟางรู้ว่านี่คือสัญญาณที่หมื่นไฟบรรลัยกัลป์กำลังจะอุบัติขึ้น
ต้วนอวิ๋นกระวนกระวายและวิตกกังวลเพราะเขาต้องการครอบครองเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีนี้
แต่ปู้ฟางยังสงบนิ่ง สายตาจดจ่ออยู่ที่เนื้อย่าง เขาใช้เวลาเต็มที่ ไม่แสดงอาการร้อนรนให้เห็น ราวกับว่าเนื้อย่างมีความสำคัญมากกว่าหมื่นไฟบรรลัยกัลป์อยู่อักโข
“เอาละ เนื้อสุกแล้ว เนื้อมังกรปฐพีย่างด้วยเพลิงสังเคราะห์ ต้องรสชาติดีแน่” ปู้ฟางประกาศ ก่อนจะบอกให้ต้วนอวิ๋นเก็บเพลิงสังเคราะห์ จากนั้นก็หรี่ตาลง
เนื้อมังกรปฐพีที่ย่างด้วยเพลิงสังเคราะห์มีสีแดงระเรื่อราวทับทิมเม็ดงามที่ส่องประกายยั่วตา
ไอร้อนลอยวนอยู่เหนือเนื้อมังกรปฐพี ทำให้เกิดกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว เนื้อมังกรปฐพีคืออาหารตาอย่างดี และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันกระตุ้นความอยากอาหารมากเพียงใด
ปู้ฟางยืนขึ้นพลางยืดเส้นยืดสาย เนื้อมังกรปฐพีมีระดับพลังปราณสูงส่ง เขาต้องใช้ทักษะในการควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ดูดซับพลังปราณเอาไว้เพื่อไม่ให้รสชาติกับความฉ่ำของเนื้อหายไป
ปู้ฟางโยนกิ่งไม้เสียบเนื้อย่างสองสามกิ่งให้ต้วนอวิ๋น
ได้เห็นต้วนอวิ๋นพ่นเพลิงสังเคราะห์อยู่นานสองนาน ปู้ฟางย่อมไม่ปฏิบัติกับอีกฝ่ายไม่ดีแน่
ต้วนอวิ๋นตื่นเต้นเป็นล้นพ้นตอนรับเนื้อย่างเสียบไม้ กลิ่นหอมของเนื้อย่างโอบล้อมจมูกของเขาจนมิด เขารู้สึกว่าร่างของตนกำลังจมอยู่ในกลิ่นหอมที่มีมนตร์ขลัง ตอนนี้ชายหนุ่มลืมเรื่องเปลวไฟที่เต็มท้องฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว
“กลิ่นนี้… หอมเหลือเกิน!”
ต้วนอวิ๋นพูดพลางเขมือบเนื้อคำใหญ่
ปู้ฟางฉวยเนื้อย่างเสียบไม้ขึ้นมาพลางมองต้วนอวิ๋นที่ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า จากนั้นก็หันไปมองทางทิศที่ไฟกำลังลุกไหม้ เขาเก็บของทุกอย่างแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นโดยไม่นึกลังเลใจ
ต้วนอวิ๋นกำลังเลียน้ำซอสมันเยิ้มบนเนื้อย่างตอนที่ตระหนักได้ว่าปู้ฟางกำลังจะไปแล้ว ชายหนุ่มรีบลุกอย่างรวดเร็ว กัดเนื้อหนึ่งคำแล้วตามไปติดๆ
เนื้อย่างอร่อยมากจริงๆ เพลิงสังเคราะห์ไม่ได้ทำให้เนื้อสุกเกินไปและยังรักษาความนุ่มของเนื้อสัมผัสไว้ได้ กลิ่นหอมอบอวลและความฉ่ำตอนเคี้ยวก็หนุบหนับเต็มปากจนทำให้อิ่มเอิบใจ
ตึง!
เกิดเสียงดังสนั่นราวสายฟ้าฟาด สายลมพัดกระหน่ำรุนแรงถอนรากถอนโค่นเหล่าต้นไม้ที่อยู่บนเทือกเขา
เท้าขนาดยักษ์กระแทกลงมาจากฟากฟ้าแล้วย่ำลงบนเทือกเขาอย่างไร้ความปรานี มันกระทืบต้นไม้น้อยใหญ่จนแหลกลาญ
สายลมวนพัดผ่านไป ทำเอาเสื้อคลุมและผมเผ้าของต้วนอวิ๋นกับปู้ฟางปลิวสะบัด
ทั้งสองปกป้องเนื้อย่างของตนพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดวิเคราะห์อสูรเวทขาเดียวตัวใหญ่ยักษ์
ตึง ตึง ตึง
ขาข้างเดียวยกขึ้นอีกครั้งก่อนกระโดดออกไปไกล มันพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าขนาดมหึมา
มันคือคางคกขาเดียวขนาดใหญ่ที่มีพลังปราณน่าเกรงขาม
“อสูรเวทระดับเก้า” ต้วนอวิ๋นตกตะลึง เขาไม่ใช่คนของดินแดนทางใต้และไม่สนใจใคร่รู้เรื่องอสูรเวทนัก กระนั้นการปรากฏตัวของมันในสนามฝึกซ้อมแห่งนี้ก็ถือว่าน่าฉงนไม่น้อย
“อสูรเวทระดับเก้าจะกินอร่อยไหม”
ปู้ฟางจ้องร่างของคางคกขาเดียวขนาดใหญ่พลางพึมพำออกมา เขากัดเนื้อย่างหนึ่งคำทำให้น้ำซอสมันเยิ้มกระเซ็นไปทั่ว
นอกจากเจ้าสุนัขตัวอ้วนที่นอนอยู่หน้าประตูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอสูรเวทระดับเก้า จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
ต้วนอวิ๋นชำเลืองมองปู้ฟางแวบหนึ่ง พูดอะไรไม่ออก “ทำไมสมองของเจ้าเอาแต่คิดเรื่องกิน อสูรเวทระดับเก้าจัดได้ว่าไร้เทียมทาน... ขนาดศิษย์สำนักมหาพิภพยังไม่กล้าดูแคลน แล้วสัตว์เช่นนั้นจะกลายมาเป็นอาหารบนจานได้อย่างไร”
ต้วนอวิ๋นดูดปากเสียงดังก่อนใช้ฟันกัดเนื้อมังกรปฐพีย่าง เขาลืมไปเสียสนิทว่าเนื้อปรุงสุกในมือคืออสูรเวทระดับแปด
“การอุบัติของเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีดึงดูดยอดฝีมือมากมาย ขนาดอสูรเวทระดับเก้าขาเดียวยังเดินทางหลายหมื่นลี้มาที่นี่ ดูนั่น…” ต้วนอวิ๋นสังเกตพลางชี้นิ้วไปที่บางสิ่ง
บนหลังของอสูรเวทระดับเก้ามีร่างสองร่างนั่งขัดสมาธิอยู่
ประกายของคมกระบี่พาดผ่านท้องฟ้าราวกับเป็นดาวตก มันคือกระบี่เหาะเหินของผู้เยี่ยมยุทธ์อีกคนหนึ่ง
ผู้ที่หาญกล้าคิดครอบครองเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีย่อมเป็นผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่นึกเลยว่าจะมีผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพมากมายในสนามฝึกซ้อมแห่งนี้… เรื่องนี้น่าฉงนไม่น้อย” ต้วนอวิ๋นกัดเนื้อทั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจกำลังแผ่ไปทั่วตัว
ปู้ฟางไม่สนใจต้วนอวิ๋นที่กำลังพึมพำกับตนเองสักนิด เขาเลือกมุ่งหน้าไปยังทิศเป้าหมายช้าๆ
หมื่นไฟบรรลัยกัลป์คือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีรูปแบบหนึ่ง และคือสิ่งที่เขาต้องครอบครองให้ได้ เปลวเพลิงนี้จะช่วยให้ทักษะการทำอาหารของเขาได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเสียที ไฟชั้นดีที่มีปัญญาวิญญาณมากพอน่าจะช่วยให้อาหารของเขามีพลังปราณมากขึ้น มันจะช่วยเรื่องการทำอาหารของปู้ฟางอย่างมหาศาล
ต้วนอวิ๋นถอนหายใจจากนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายต้อยๆ
คนสองคนบวกหุ่นเชิดอีกหนึ่งเร่งฝีเท้าขึ้น พวกเขามีเป้าหมายชัดเจน และระดับพลังปราณของพวกเขาก็ช่วยให้คนทั้งคู่ไปถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงพวกเขาก็เห็นว่าเกิดการต่อสู้เป็นวงใหญ่เพื่อช่วงชิงหมื่นไฟบรรลัยกัลป์