เนื้อของสุนัขป่าเขียวแย่เหมือนที่สตรีผู้นั้นบอกเอาไว้ไม่มีผิด แย่จนอยากจะเบือนหน้าหนีเลยทีเดียว
แค่ถลกหนังและหั่นเนื้อออกมา ปู้ฟางก็สามารถประเมินรสชาติของเนื้อได้แล้ว เนื้อของสุนัขป่าเต็มไปด้วยมัดกล้าม ทุกส่วนในร่างของมันเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งจนกัดแทบไม่ออก รสชาติย่อมต้องออกมาแย่อย่างไม่ต้องสืบต่อ
แม้เนื้อของพวกมันจะมีพลังปราณปริมาณมาก แต่ก็ยังเปลี่ยนความจริงที่ว่ามันกระเดือกไม่ลงไม่ได้อยู่ดี
ปู้ฟางมองวัตถุดิบตรงหน้าแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่เป็นเนื้อของอสูรเวทระดับห้า… หากโยนมันทิ้งไปเฉยๆ เขาคงจะรู้สึกเหมือนกำลังหักหลังอาชีพของตนเองอยู่แน่ๆ
ชายหนุ่มโบกมีดทำครัวในมือไปมาก่อนจะหั่นเนื้อสุนัขป่าออกเป็นส่วนๆ จากนั้นก็เอากิ่งไม้เสียบเนื้อแล้ววางมันลงบนกองไฟเพื่อย่าง
เขาปรุงรสเนื้อเป็นครั้งคราวด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ระหว่างย่าง
โจ๊กงูโลหิตมังกรที่ยังเดือดอยู่ในหม้อแทบไม่เหลือแล้ว ปู้ฟางจึงไม่คิดที่จะขูดก้นหม้อเพื่อกินให้หมด เพราะได้ชิมรสชาติของมันไปเรียบร้อยแล้ว
เขาล้างหม้อจนสะอาดแล้วเก็บกลับเข้ากระเป๋าไป ก่อนจะหันมาสนใจเนื้อสุนัขป่าย่างบนกองไฟ ชายหนุ่มใช้ความตั้งใจเป็นอย่างมากในการปรุงรสเนื้อ กลิ่นของเลือดยังคงฟุ้งกระจายอยู่ในบรรยากาศโดยรอบ ทั้งยังมีเสียงอสูรคำรามลอยมาเข้าหูเป็นระยะๆ ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงร้องคำรามของสัตว์ป่าเข้าไปคงรู้สึกกลัวจนตัวชาแน่นอน
ฉ่า!
เนื้อบนกองไฟร้อนแรงสุกอย่างรวดเร็ว แม้รสสัมผัสของเนื้อจะแข็งมาก แต่มันก็ยังเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามหลังจากย่างเสร็จ ทั้งยังมีหยดน้ำมันไหลลงมาเป็นทางร่วงหล่นไปบนกองไฟ ทำให้ไฟลุกโชนยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ปู้ฟางหยิบเครื่องปรุงออกมาจากกระเป๋าของระบบ แล้วจัดการทามันลงบนเนื้อ
แม้ว่านี่จะไม่ใช่วัตถุดิบที่ดีที่สุดที่เขาหามาได้ แต่ปู้ฟางก็จะไม่มีวันโยนมันทิ้งขว้างเป็นอันขาด เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะเปลี่ยนเนื้อสุนัขป่าเขียวให้กลายเป็นอาหารอร่อย
กลิ่นหอมลอยออกจากเนื้อที่กำลังร้อนฉ่า เนื้อสุนัขป่าที่ควรจะกินไม่ได้ส่งกลิ่นยวนใจออกมาจนทำให้ใครก็ตามที่ได้กลิ่นล้วนต้องน้ำลายสอ
กลิ่นของเนื้อย่างกระจายไปทั่วป่า ทำให้อสูรเวทที่ได้กลิ่นเริ่มกระสับกระส่ายด้วยความอยากกิน พวกมันรีบรุดออกจากที่ซ่อนมาล้อมปู้ฟางเอาไว้อีกครั้ง
แต่ขณะที่พวกมันกำลังจะโจมตีชายหนุ่ม เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ทำให้พวกมันหยุดชะงัก
อสูรเวททุกตัวเหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ พวกมันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จากนั้นก็หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป ไม่นานนักทุกตัวก็หายกลับเข้าป่าไปดังเดิม
ปู้ฟางมองไปยังทิศที่เกิดระเบิดด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็คว้าเนื้อย่างมาถือไว้ในมือ เนื้อนั้นถูกย่างจนกลายเป็นสีเหลืองทองและส่งกลิ่นหอมออกมาไม่หยุด เขาลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังทิศที่เกิดระเบิดขึ้น
ชายหนุ่มปลุกพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายพลางตบมันเข้าใส่กองไฟ ดับไฟลงทันทีในฝ่ามือเดียว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินไปยังทิศที่เกิดระเบิดพร้อมถือเนื้อย่างเอาไว้ในมือ
ปู้ฟางมาที่ดินแดนแสนภูผาแห่งนี้เพื่อตามหาต้นเพลิงที่ชื่อว่าหมื่นไฟประลัยกัลป์ หรือว่าไอ้แรงระเบิดนั่นจะเกี่ยวข้องกับไฟดังกล่าวกันนะ…
เมื่อคิดได้ดังนั้น ปู้ฟางก็อดวิ่งไปยังต้นตอของระเบิดไม่ได้ ทั้งที่ยังถือเนื้อย่างเอาไว้ในมือ
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบวาบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะค่อยๆ เดินตามปู้ฟางไปอย่างคล่องแคล่ว
…..
“ฮี่ๆ… พวกเจ้ามาจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างหรือ”
น้ำเสียงเหยียดหยันดังสะท้อนไปทั่วหุบเขาว่างเปล่าวังเวง
ในหุบเขามืดมิดที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์รกรุงรังมากมาย ชายหนุ่มผมสีเทากำลังยืนกอดอกอยู่เหนือต้นไม้สูงใหญ่พลางมองทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง
ผู้คนที่อยู่บนพื้นสวมชุดคลุมยาวสีขาวที่มีรูปเจดีย์เล็กๆ ประดับอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
อย่างไรเสียดินแดนแสนภูผาแห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของสำนักนี้
“ไอ้ประสาทกลับ! ในเมื่อเจ้าอาจหาญสังหารคนของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง เจ้าก็ควรยอมมอบตัวกับพวกข้าเสียแต่โดยดี”
ชายชราผู้มีสีหน้าเย็นชามองชายหนุ่มผมเทา ดวงตาลุกโชนด้วยไฟโทสะขณะตะโกนใส่ชายหนุ่มตรงหน้า บรรดาศิษย์จากสำนักเจดีย์นภากระจ่างที่อยู่ข้างๆ ก็โกรธมากเช่นกัน
“พวกเจ้านี่ช่างน่ากลัวจนข้าขนหัวลุกไปหมด… สำนักเจดีย์นภากระจ่างนั้นช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ถึงกับกล้าพูดจาไม่มีเหตุมีผลแค่เพราะมาจากไอ้สำนักอะไรนั่น” ชายหนุ่มผมเทาเยาะเย้ยทุกคนบนพื้น
“ข้าพบมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬระดับแปดก่อน แต่ไอ้ศิษย์จากสำนักเจดีย์สวยหรูของเจ้าพยายามแย่งมันไปจากข้า ข้าก็เลยฆ่ามันทิ้งเสีย หมอนั่นตายเพราะอ่อนแอกว่า จะมาโทษว่าเป็นความผิดข้าได้อย่างไร”
ผู้อาวุโสจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างพ่นลมเยาะ ดวงตามองไปที่พืชสีเขียวเข้ม พลังปราณเข้มข้นไหลวนอยู่บนใบไม้สีเขียวชอุ่มเงางาม มองแค่แวบแรกอาจไม่รู้สึกว่าวิเศษวิโสอะไร แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นพืชหายาก ตัวเขาเองก็ประหลาดใจกับการค้นพบมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬระดับแปดนี้เช่นกัน
สมุนไพรระดับแปดถือว่าเป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง
“แต่ก็ยังไม่ใช่เหตุสมควรที่จะสังหารศิษย์ของสำนักเจดีย์นภากระจ่างอยู่ดี” ผู้อาวุโสสูดลมหายใจเข้าลึก เดินหน้ากดดันชายหนุ่มผมเทาตรงหน้าต่อ ดวงตาของเขาคมกริบขึ้นกว่าเดิม ศิษย์หลายคนรอบกายเริ่มง้างคันธนู ทุกคนเล็งปลายลูกศรไปที่ชายหนุ่มผมเทาตรงหน้า
ชายหนุ่มผมเทายิ้มเยาะจากนั้นก็หมุนคอเสียงดังกร็อบ ดวงตาของเขาก็เย็นชาลงเช่นกันขณะมองไปยังผู้ฝึกตนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่าง
“เป็นแค่สำนักเล็กๆ บนสนามฝึกของข้าแท้ๆ แต่กลับกล้าทำตัวเย่อหยิ่งจองหองไม่รู้สี่รู้แปด สมแล้วที่เป็นพวกขี้กะโล้ที่เกิดในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าไร้อารยะ ในเมื่อพวกเจ้าอยากรนหาที่ตายนัก…ก็ลงนรกกันไปเสียให้หมดจะเป็นไร” ชายหนุ่มผมเทาหัวเราะเสียงดังลั่น จิตสังหารเอ่อล้นดวงตา
ครืด…
กระแสพลังปั่นป่วนระเบิดขึ้นจากกายเขา
ผู้อาวุโสแห่งสำนักเจดีย์นภากระจ่างตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ยิงเลย!”
วืด! วืด! วืด!
ลูกธนูมากมายที่เรืองแสงด้วยพลังปราณเที่ยงแท้พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มผมเทา แม้เขาจะยืนอยู่บนต้นไม้สูง แต่ระยะห่างระหว่างเขาและคนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างเบื้องล่างก็เรียกได้ว่าใกล้มาก ห่าฝนธนูจึงพุ่งขึ้นท้องฟ้าตรงไปยังเขาทันที
ศิษย์จากสำนักเจดีย์นภากระจ่างได้รับการฝึกยิงธนูมาเป็นอย่างดีทุกคน และเมื่อร่วมมือกัน จะสามารถยิงห่าฝนธนูให้ปกคลุมทั่วท้องฟ้า จนทำให้ศัตรูหาทางหนีได้ลำบาก
ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักมีปราณอยู่ที่ระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ ส่วนคนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ที่ระดับห้า ห่าฝนธนูนี้สามารถทำให้แม้แต่ขั้นเทพแห่งสงครามระดับแปดร้อนๆ หนาวๆ ได้เลยทีเดียว
แต่ชายหนุ่มผมเทาก็ทำเพียงพ่นลมเยาะ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเดียดฉันท์เมื่อเห็นห่าฝนธนูตรงหน้า มือของเขาส่องแสงสว่างเจิดจ้า จากนั้นลูกไฟก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ เพลิงนั้นเผาไหม้ร้อนแรงจนทำให้อากาศรอบๆ บิดเบี้ยวไปทันที พอชายหนุ่มวาดแขนไปข้างหน้า กำแพงไฟก็พลันก่อตัวขึ้นรอบกายเขา
ทันทีที่ห่าฝนธนูปะทะเข้ากับกำแพงไฟ ประกายไฟก็กระจายไปทั่ว แม้พลังของธนูแต่ละดอกจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเจาะทะลุม่านไฟได้แม้แต่น้อย
“นั่นมันเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีหรือ” ชายชราจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างสูดลมเย็นเข้าปอด เขามุ่นคิ้วเข้าหากันแล้วเริ่มคิดวิเคราะห์
ไม่สิ…จะเป็นเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไปไม่ได้ แม้พลังของเพลิงตรงหน้าจะยอดเยี่ยม แต่ก็ยังด้อยกว่าเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอยู่หลายขุม
“เจ้ามาที่ดินแดนแสนภูผาแห่งนี้…เพื่อเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีรึ”
การปรากฏตัวของผู้ที่มีพลังปราณกล้าแกร่งซึ่งครอบครองเปลวเพลิงแสนประหลาด… มีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่คนผู้นี้จะมายังดินแดนแสนภูผา นั่นคือเพื่อครอบครองหมื่นไฟประลัยกัลป์
“ตาแก่หนังยาน เจ้านี่ก็ฉลาดใช้ได้ การอุบัติขึ้นของหมื่นไฟประลัยกัลป์ในดินแดนทางใต้นั้นถือว่าเป็นบุญของแผ่นดินนี้เลยทีเดียว แน่นอนว่าข้าต้องมาลองเสี่ยงโชคดูอยู่แล้ว” ชายหนุ่มผมเทาพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ผู้อาวุโสจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างกำลังจะพูดต่อ แต่เขาก็รีบยั้งปากตนเองเอาไว้ เพราะเห็นเปลวเพลิงเบื้องหน้าเปลี่ยนสภาพไปเป็นนกเพลิงที่กำลังส่งเสียงร้องจิ๊บๆ นกตัวนั้นกางปีกออกแล้วพุ่งเข้าหากลุ่มศิษย์จากสำนักทันทีพร้อมพลังร้อนแรงร้ายกาจ
ศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้ารับกรรมเข้าไปเต็มๆ ร่างของพวกเขาสลายกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ชายหนุ่มผมเทานี้เป็นผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงคราม เปลวเพลิงแสนประหลาดที่เขาครอบครองทำให้เขาแข็งแกร่งมากทีเดียว เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีจากผู้อาวุโสของสำนักเจดีย์นภากระจ่าง เขาก็สามารถป้องกันตนเองได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้ชายชราถึงกับต้องกระอักเลือดออกมาแม้จะไม่มีบาดแผลใดๆ
ศิษย์หลายคนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างถูกเผาไหม้กลายเป็นขี้เถ้า สุดท้ายพวกเขาต้องใช้พลังจากวงแหวนปราณในการต้านทานการโจมตีจากชายหนุ่มผมเทา วงแหวนปราณนี้สร้างมาจากการรวมพลังกันของศิษย์ทุกคน จึงทำให้พวกเขายื้อเวลาชะลอการโจมตีจากชายหนุ่มได้สักพัก
แม้บรรดาศิษย์เหล่านี้จะต้านทานการโจมตีของชายหนุ่มผมเทาได้ แต่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ของตนเองด้วยซ้ำ คนผู้นี้เพียงแค่ใช้ไฟโยนไปโยนมาแกล้งคนจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างเหมือนของเล่นเท่านั้น
ทันใดนั้นดวงตาของชายหนุ่มผมเทาก็มองไปยังมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬที่อยู่ด้านล่าง เขากระโจนลงพื้นพลางเดินไปหาหัวมันฝรั่ง พืชต้นนี้กวัดแกว่งไปตามลม ส่งกลิ่นหอมเข้มข้นออกมา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างไม่ตั้งใจ
มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬได้นามนี้มาจากการที่ใต้ใบของมันมีเห็ดรูปร่างเหมือนหัวสิงโตเติบโตอยู่
เขายื่นมือออกไปจับใบของมันไว้ แล้วใช้พลังทั้งหมดในการดึงหัวมันฝรั่งออกมาจากพื้น ทันทีที่ดึงมันฝรั่งออกมาได้ เสียงสิงโตคำรามก็ดังไปทั่ว พลังปราณเข้มข้นระเบิดออกจากหัวมันฝรั่งกระจายตัวไปทั่วบริเวณ
ใต้ใบไม้นั้นมีศีรษะสิงโตสีทองที่ดูเหมือนจริงมากอยู่ มันอ้าปากพลางส่งเสียงคำรามออกมาดังลั่น
“มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬนี้เป็นวัตถุดิบที่อร่อยมาก… ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เสียเวลาเปล่าแล้ว”
ชายหนุ่มผมเทายิ้มกริ่ม เขายื่นจมูกเข้าไปใกล้ศีรษะสิงโต สูดลมหายใจเอากลิ่นเข้าไปเต็มปอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา
แต่จู่ๆ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขามองไปที่ระยะไกล สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนออกมา “ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อศิษย์จากสำนักเจดีย์นภากระจ่างได้ยินเสียงตะโกนของชายหนุ่ม ใบหน้าของพวกเขาก็ดีใจขึ้นมา หลังจากที่ต้องต้านทานการโจมตีของนกเพลิงมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ใกล้จะแพ้ไม่แพ้แหล่เต็มทน ดูเหมือนว่ากำลังเสริมจากสำนักจะมาถึงแล้ว
พวกเขามองตามไปที่ระยะไกลเช่นกัน เสียงกรอบแกรบดังออกมาจากพงหญ้า ก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก แต่ตอนนี้กลับดีใจเป็นล้นพ้น
ทว่าความดีใจนั้นกลับเหือดหายไปทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินเข้าฉากมาไม่ใช่กำลังเสริมจากสำนักเจดีย์นภากระจ่างแต่อย่างใด
คนผู้นี้เป็นเพียงชายหนุ่มตัวผอมๆ โย่งๆ ซึ่งเดินถือเนื้อย่างอยู่ในมือ เนื้อนั้นมันย่องไปด้วยน้ำมัน ดวงตาของชายผู้ที่ถือเนื้ออยู่ก็กำลังมองมายังกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน…