ร่างในชุดคลุมสีดำก้าวเดินไปบนท้องฟ้าเหนือนครหลวง
ทุกย่างก้าวของคนผู้นี้ราวกับทำให้อากาศเปลี่ยนสภาพกลายเป็นของแข็งเหมือนก้อนหินที่จับต้องได้ จนเขาสามารถเดินเหินไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ
ปรมาจารย์อาวุโสของลัทธิอสุรามีสีหน้าเคร่งขรึมขณะเดินตรงไปยังจุดที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางตั้งอยู่
ที่นอกนครหลวง จีเฉิงอวี่สั่งให้กองทัพรอรับคำสั่ง ตอนนี้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว นั่นเพราะแม้แต่องครักษ์โลหิตของลัทธิอสุรายังต้องพ่ายแพ้ หากคนพวกนี้จัดการกับปู้ฟางไม่ได้ แล้วปรมาจารย์อาวุโสจะทำอะไรชายหนุ่มได้จริงๆ น่ะหรือ
หากสุดท้ายปรมาจารย์อาวุโสตกเป็นฝ่ายปราชัย กองทัพของเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไป
นั่นเพราะหากแม้แต่ปรมาจารย์อาวุโสยังทำอะไรอสูรเวทขั้นเซียนเทพไม่ได้ พวกเขาก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสู้ต่อ
ภายในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง
หลังจากที่จัดการกับองครักษ์โลหิตจนทำให้คนพวกนั้นต้องเผ่นแน่บไปเรียบร้อย ปู้ฟางก็หยิบวงแหวนปราณออกมาอีกครั้ง จำนวนคนที่มาตามหามันบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าวัตถุชิ้นนี้ล้ำค่าเพียงใด
หรือความจริงแล้วจะมีความลับที่เขาไม่รู้อยู่เบื้องหลังวัตถุชิ้นนี้กันแน่
ปู้ฟางขมวดคิ้วจากนั้นก็พินิจพิจารณามันอีกครั้งด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ยันต์หยกทั้งห้าชิ้นเรียงตัวกันอย่างประณีตพันเกี่ยวกันเป็นลวดลาย ก่อเกิดเป็นวงแหวนปราณที่ดูลึกลับซับซ้อนไม่น้อย
ภายในวงแหวนปราณ หรือหากจะพูดให้ถูกก็น่าจะเรียกว่าคุกเสียมากกว่า เป็นที่กักขังวิญญาณที่กำลังขับเขี้ยวเคี้ยวฟันโบกกำปั้นอย่างโกรธแค้น
“ช่างชั่วร้ายอะไรเช่นนี้…”
ปู้ฟางวางวงแหวนปราณลงบนโต๊ะ ควันสีเขียวปรากฏขึ้นที่มือของเขา ตามมาด้วยมีดทำครัวกระดูกมังกรทองที่มาปรากฏอยู่ในมือ
จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าทำลายวงแหวนปราณนี่ให้กลายเป็นซาก
หัวใจของปู้ฟางคันยิบๆ เพราะความอยากรู้อยากลอง
แต่ตอนที่เขากำลังจะใช้มีดทำลายวงแหวนปราณ พลังปราณน่าสะพรึงกลัวก็ตกลงมากดทับร้านเอาไว้เสียก่อน มันเป็นพลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังปราณขององครักษ์โลหิตที่ใกล้จะบรรลุขั้นเซียนเทพเสียอีก
หัวใจของปู้ฟางกระตุกทันที
ตู้ม ตู้ม โครม…
ท้องฟ้าราวกับมืดหม่นลงชั่วขณะ ทั้งร้านถูกเมฆสีดำสนิทเข้าปกคลุม
ปูฟางเก็บวงแหวนปราณกลับเข้าที่พลางเลิกคิ้วขึ้น วันนี้มีคนมาก่อความไม่สงบที่ร้านเยอะจริง
มีมาอีกคนแล้วหรือ
ชายหนุ่มเดินออกจากประตูร้านไป แล้วก็ได้เห็นผู้ฝึกตนในชุดคลุมสีดำกำลังเดินอยู่บนอากาศตรงเข้ามาหา ชุดคลุมสีดำนั้นคุ้นตาเขาเป็นอย่างมาก
นี่ก็มาจากลัทธิอสุราอีกคนหรือ
ปูฟางเคยประมือกับผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุรามาหลายต่อหลายครั้ง จนรู้แล้วว่าคนพวกนี้ชอบสวมชุดคลุมสีดำเหมือนกันไปหมด
ตอนแรกปรมาจารย์อาวุโสไม่ได้รู้พิกัดที่แน่นอนของร้าน แต่เขาก็จับกระแสพลังงานของวงแหวนปราณได้ นั่นเพราะเขามีลูกโลกวิญญาณล่วงลับอยู่ในครอบครอง และคุ้นเคยกับกระแสพลังของวงแหวนปราณผสานวิญญาณเป็นอย่างดี
ปรมาจารย์อาวุโสมองลงมาด้านล่างด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็เห็นปู้ฟางเข้าพอดี
ผมสีขาวของชายชราปลิวไสวไปในอากาศ
“แค่ขั้นจักรพรรดิยุทธการเองหรอกรึ…”
ปรมาจารย์อาวุโสขมวดคิ้ว เขาจับขั้นปราณของปู้ฟางได้ทันที แต่มันกลับทำให้ชายชรารู้สึกสยองอยู่ภายในยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ระหว่างที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ ปรมาจารย์อาวุโสก็สัมผัสได้ถึงพลังงานหายนะที่อธิบายไม่ถูกซึ่งพุ่งเข้ามาปะทะตัว มันเป็นความรู้สึกอันตรายที่แม้แต่ขั้นเซียนเทพอย่างเขายังสัมผัสได้… หรือว่าจะมีสิ่งมีชีวิตไร้เทียมทานซ่อนอยู่ในร้านแห่งนี้กันนะ
แล้วมันจะเป็นอะไรได้
ความรู้สึกเคลือบแคลงเข้าเกาะกุมจิตใจของปรมาจารย์อาวุโส เขามองปู้ฟาง จากนั้นก็หันไปมองเจ้าขาวที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่ม แล้วก็มองโอวหยางเสี่ยวอี้ที่ยื่นคอออกมาดูอย่างตื่นเต้น พอมองไปรอบๆ สายตาของเขาก็สบลงที่สุนัขสีดำตัวใหญ่ซึ่งกำลังนอนอืดอยู่หน้าร้าน
“สุนัขรึ”
จากทุกสิ่งทุกอย่างในร้านแห่งนี้ สิ่งที่ดูใกล้เคียงอสูรเวทขั้นเซียนเทพที่สุด… ก็เห็นจะมีแต่สุนัขสีดำตัวอ้วนตัวนี้เท่านั้น
แต่สุนัขเนี่ยนะ… จะเป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
ปรมาจารย์อาวุโสจับกระแสพลังปราณขั้นเซียนเทพจากสุนัขสีดำไม่ได้แม้แต่น้อย
“เจ้าน่ะหรือคือคนที่ทำร้ายองครักษ์โลหิตของลัทธิอสุรา”
เสียงเย็นเยียบลอยมาจากอากาศเบื้องบน ปรมาจารย์อาวุโสถามปู้ฟางอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มยกริมฝีปากขึ้น คิดอยู่แล้วเชียว…
จากนั้นเขาก็เรียกยันต์หยกออกมาแล้วโบกมือไหวๆ
“เจ้ามาเพื่อวงแหวนปราณนี้ใช่หรือไม่”
วงแหวนปราณผสานวิญญาณ! ม่านตาของปรมาจารย์อาวุโสหดแคบทันที ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ยันต์หยกไม่วางตา นี่เป็นสิ่งที่จะกำหนดชะตากรรมของลัทธิอสุราในอนาคต
“ใช่! ส่งมันมาให้ข้า!”
ปรมาจารย์อาวุโสก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ร่างของเขาพร่ามัวและเปลี่ยนสภาพเป็นเงาที่พุ่งไปในอากาศ แล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าปู้ฟางทันที พลังปราณพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยแรงกดดันมหาศาล มันเป็นพลังปราณที่น่าหวาดกลัวของผู้ฝึกตนขั้นเซียนเทพ
แต่ปู้ฟางที่อยู่ในร้านกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
ชายชราร่างท้วมมองภาพนี้จากระยะไกล เขาสูดลมเย็นเข้าลึกแล้วพึมพำกับตนเอง “บ้าไปแล้ว! เถ้าแก่ปู้นี้ยอดเยี่ยมเหนือใครเสียจริง เขายังคงนิ่งสงบอยู่ได้ภายใต้พลังกดดันของขั้นเซียนเทพ นี่มันปีศาจร้ายชัดๆ!”
“วันนี้มีคนมากหน้าหลายตามาที่ร้านของข้าเพื่อขอยันต์นี้ เจ้าเป็นกลุ่มที่สามแล้ว ไอ้วงแหวนปราณนี่มันสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
ปู้ฟางโยนวงแหวนปราณไปในอากาศอย่างไม่ยี่หระ ทำให้ปรมาจารย์อาวุโสหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที
ของล้ำค่าที่จะชี้ชะตาของลัทธิอสุรากลับถูกไอ้หนุ่มนี่โยนไปโยนมาเหมือนของเล่นเด็ก นี่มันหยามน้ำหน้ากันชัดๆ
ทางเดียวที่จะกำจัดความอับอายนี้ให้สิ้นซากคือจัดการฆ่าไอ้ปู้ฟางนี่เสีย!
“บอกแล้วอย่างไร… ว่าส่งมันมาให้ข้า!”
ปรมาจารย์อาวุโสตะโกนก้อง เสียงของเขาดังลั่นเหมือนฟ้าผ่า ปั่นป่วนบ้าคลั่งเหมือนทะเลเดือด ทำให้หินที่แตกกระจายอยู่บนพื้นเริ่มเต้นเร่า
ดวงตาของเจ้าขาวเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที มีดใหญ่ยักษ์กลับมาอีกครั้ง ร่างอ้วนของมันมายืนกันอยู่เบื้องหน้าปู้ฟาง จากนั้นแสงสะท้อนของมีดก็สว่างวาบขึ้นก่อนจะพุ่งตรงไปหาปรมาจารย์อาวุโส
“ไปให้พ้น!”
ปรมาจารย์อาวุโสที่กำลังเดือดปุดโบกมือใส่การโจมตีของเจ้าขาว
ปัง!
หมัดของปรมาจารย์อาวุโสส่งเจ้าขาวให้เซไปด้านหลังสองสามก้าว แสงสีม่วงในดวงตาของมันกะพริบวาบ
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ปรมาจารย์อาวุโสก็ก้มลงมองฝ่ามือตนเอง แล้วก็เห็นว่ามีเลือดเปื้อนมือเต็มไปหมด!
เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งแม้ในหมู่ขั้นเซียนเทพด้วยกันเอง แล้วจะมาบาดเจ็บกับอีแค่ปะทะกับหุ่นเชิดเหล็กได้อย่างไรกัน
“หุ่นเชิดระดับเก้ารึ ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป!” ปรมาจารย์อาวุโสหัวเราะออกมาอย่างดูแคลน
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย เป็นแค่หุ่นเชิดไม่อาจทำให้เขาหวาดกลัวได้ สำหรับขั้นเซียนเทพแล้วหุ่นเชิดก็ยังเป็นหุ่นเชิดอยู่วันยังค่ำ
ปู้ฟางตกใจไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเห็นเจ้าขาวเสียท่าถอยไปด้านหลัง แปลว่าตาแก่นี่ต้องมีพลังปราณที่เก่งกาจน่ากลัวไม่น้อย
พลังปราณสีดำกระจายออกจากร่างของปรมาจารย์อาวุโส ก่อนจะก่อร่างขึ้นเป็นสุนัขป่าหนึ่งฝูง
สุนัขป่าแสนดุร้ายฝูงนี้ปล่อยพลังปราณสีดำออกจากร่าง ดวงตาที่ส่องแสงสีแดงของพวกมันจับจ้องไปยังเจ้าขาว พวกมันส่งเสียงเห่าหอนพลางกระโจนใส่เจ้าขาวทันที
เจ้าขาวโบกสะบัดมีดเล่มยักษ์ ฟาดทำลายฝูงสุนัขป่าพลังปราณจนกลายเป็นเศษซาก ร่างโลหะของมันแข็งแกร่งเหมือนหินผา แม้แต่คมเขี้ยวของสุนัขป่าก็ทำอะไรไม่ได้
ปรมาจารย์อาวุโสหรี่ตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญกับหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้แต่สำนักหุ่นเชิดแห่งทวีปมังกรซ่อนเร้นที่โด่งดังในทางชั่วร้ายยังไม่มีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในครอบครองเลย!
แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดแบบใดก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากมันขวางทางเขาจากการชิงวงแหวนปราณผสานวิญญาณกลับมา ก็ต้องทำลายมันให้สิ้นซาก!
ปรมาจารย์อาวุโสก้าวไปข้างหน้า ร่างอัดแน่นไปด้วยพลังปราณ จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นเงามากมาย ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าขาวอย่างฉับพลัน ชายชรากำหมัดแล้วต่อยไปที่ตัวของเจ้าขาวด้วยพละกำลังที่เหมือนภูเขาไฟระเบิด
เจ้าขาวใช้มีดกันตนเองไว้ เสียงระเบิดดังกึกก้อง ร่างของมันถูกกระแทกไปด้านหลังจนต้องเอาทั้งมือและเข่ายันพื้น ถนนเบื้องล่างแตกละเอียดกลายเป็นเศษหิน
เมื่อเห็นเจ้าขาวตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบปู้ฟางก็ขมวดคิ้ว แม้ร่างกายโลหะของเจ้าขาวจะทำให้มันไม่มีบาดแผลชัดเจนภายนอก แต่เขาก็ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
เขาตั้งจิตเรียกกระทะกลุ่มดาวเต่าดำออกมาถือไว้ในมือขวา
กระทะสีดำหน้าตาแสนธรรมดาส่งพลังแก่กล้าออกมา
กระแสพลังปราณระเบิดก่อนจะหลั่งไหลเข้าไปในกระทะ
ลวดลายประหลาดบนกระทะส่องแสงเรืองรองออกมาทันที กระทะสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม เจิดจ้าเป็นประกายไม่แพ้มีดทำครัวกระดูกมังกรทองเลยทีเดียว
ปู้ฟางถือกระทะเอาไว้พลางสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะเขวี้ยงกระทะออกไปข้างหน้าด้วยสีหน้าตายด้าน
กระทะกลุ่มดาวเต่าดำเคลื่อนที่ไปในอากาศด้วยพลังหนักแน่นเหมือนภูผา พุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์อาวุโสทันที
ทุกสิ่งที่มันเคลื่อนผ่านแยกออกเป็นสองซีกไม่เว้นแม้แต่อากาศ!
หลังจากต่อยเจ้าขาวเข้าอีกหมัด ปรมาจารย์อาวุโสก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นกระทะสีทองที่กำลังพุ่งเข้าใส่ตน
“นี่มันอะไร! อุปกรณ์กึ่งเทพรึ”
ปรมาจารย์อาวุโสขมวดคิ้วจากนั้นก็ส่งหมัดเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ
โครม!
หมัดและกระทะปะทะกันกลางอากาศ
สีหน้าของปรมาจารย์อาวุโสเย่ำแย่ขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังต่อยขุนเขาแข็งแกร่ง แม้แต่ข้อนิ้วยังเริ่มชาหนึบ
นี่มันบ้าอะไรกัน…
จากนั้นเขาก็เรียกพลังปราณทั้งหมดในกายออกมาแล้วเปลี่ยนให้เป็นหมัด ปรมาจารย์อาวุโสใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างผลักเข้าใส่กระทะกลุ่มดาวเต่าดำ ร่างของเขาพุ่งถลาไปข้างหน้าและสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของกระทะได้ในที่สุด
กระทะที่สยบองครักษ์โลหิตได้ ดูเหมือนว่าจะทำอะไรขั้นเซียนเทพตัวจริงไม่ได้เลย
ปู้ฟางรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเนื่องจากใช้พลังปราณไปกว่าครึ่งกับการนี้
หากเทียบกับมีดทำครัวกระดูกมังกรทองแล้ว กระทะนี้กินพลังงานเยอะกว่ามาก
กระแสพลังปราณกระจายตัวออก ส่วนกระทะกลุ่มดาวเต่าดำก็สลายกลายเป็นควันแล้วกลับมาอยู่ข้างกายปู้ฟางอีกครั้ง ชายหนุ่มใช้มือจับมันเอาไว้
“เป็นอุปกรณ์กึ่งเทพจริงเสียด้วย… เจ้ามีหุ่นเชิดระดับเก้าทั้งยังมีอุปกรณ์กึ่งเทพแสนล้ำค่า เจ้าเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไร ดินแดนทางใต้แห่งนี้ไม่มีทางสร้างคนอย่างเจ้าขึ้นมาได้ หรือว่าเจ้ามาจากที่อื่นกัน”
ปรมาจารย์อาวุโสสะบัดมือที่กำลังชาหนึบไปมา ดวงตาจ้องปู้ฟางเขม็ง
เมื่อเจ้าดำที่ยังนอนอยู่บนพื้นได้ยินคำถามของปรมาจารย์อาวุโสก็กระดิกหู มันเงยหน้าขึ้นมองปรมาจารย์อาวุโสที่กำลังตื่นตกใจ