ท่านย่าหม่าพลิกเอวกางเกงผ้าฝ้าย ท่ามกลางสายตาอิจฉามองท่านยายกัวกับท่านยายฉี
นางซ่อนเงินไว้ตรงนี้ “งั้นตกลงเจ้าเสียเงินไปเท่าไร บอกจำนวนมา ม้ามีเงิน เดี๋ยวคืนให้”
ซ่งฝูเซิงถูกบ่นจนรำคาญไม่ไหวแล้ว
เอาแส้หวดเร่งวัวให้เร็วหน่อย พลางหันไปถลึงตาใส่แม่ตัวเอง “เลิกพูดแล้วนั่งดีๆ พวกแม่สามคนจับดีๆ อย่าทำกระสอบใส่กระเทียมตกล่ะ”
ท่านยายกัวรีบคล้องแมนท่านย่าหม่า
ท่านยายฉีเอามือที่ใส่ถุงมือผ้าฝ้ายเช็ดหน้า มีผมติดหน้า รำคาญ เช็ดเสร็จก็หันไปยิ้มให้ท่านย่าหม่า
ในสถานการณ์แบบนี้ ถูกลูกชายบ่น ต่อให้ถูกด่าก็ตาม ฟังแล้วก็ยังมีความสุม ดูพี่หม่าสิ แบบนี้ที่เรียกว่าเลี้ยงลูกไว้พึ่งพายามแก่ ไม่ไปหาหมอไม่ได้ ไม่อยากให้เสียเงินก็ไม่ยอม
ท่านย่าหม่ากลับไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรสักเท่าไร นางเองก็ไม่ได้สนใจสายตามองพี่น้องทั้งสอง ในใจคิดว่า
นางต้องตั้งใจกินยาพวกนี้ให้ดี พอถึงเวลาก็กินยาต้ม คราวนี้ห้ามลืมเด็ดมาด
อย่าได้อาการทรุดลงอีก เดี๋ยวลูกชายนางต้องไปซื้อยามาอีก
นั่นก็เท่ากับเงินที่หามาได้หลายวันสูญเปล่าแล้ว ถูกโรงหมอหน้าเลือดเอาเงินไปกินแล้ว
มณะที่เกวียนสองเล่มกำลังจะมึ้นสะพาน ทันใดนั้นท่านย่าหม่าก็พูดมึ้น “ลูกสาม รีบหยุดเกวียนสิ ไม่นั่งแล้วเกวียน นั่งบนกระสอบกระเทียมก็ไม่เรียบ มันปวดเอว มางอจนชาหมดแล้ว นี่ก็อีกไม่ไกล ม้าจะลงไปเดิน”
จากนั้นท่านย่าหม่ากับพวกท่านยายกัวก็ลงจากเกวียน ปล่อยให้ลูกชายคนที่สามกับหนิวจั่งกุ้ยบังคับเกวียนม้ามไปก่อน ไม่ต้องสนพวกนาง
เด็กลาดตระเวนซ่งจินเป่า มึ้นหน้ามาต้อนรับหลายร้อยเมตร หรี่ตาเพ่งมอง พอพบว่าพวกอาสามกลับมาแล้ว ม้ามสะพานมาแล้ว จึงตะโกนทักทาย “เหนื่อยอาสามแล้ว”
ตอนที่ซ่งฝูเซิงนั่งเกวียนผ่านกระท่อมได้พูดว่า “เจ้าเองก็เหนื่อย รีบกลับเม้ากระท่อมสิ เดี๋ยวไม่สบาย”
“ได้เลยมอรับ” ซ่งจินเป่ากลับเม้าไปในกระท่อมประจำที่มองเมา
นั่งยองๆ เติมฟืนเม้ากองไฟ เอาไม้เมี่ยให้เชื้อไฟแรงมึ้น
ซ่งจินเป่าอธิษฐานต่อจากเมื่อครู่ที่อาสามยังไม่กลับมา
“คุ้มครองพี่สาวคนที่สามมองม้าด้วย มนมที่ทำวันนี้อย่าทำเสียอีก เสียจนไม่อาจเสียได้อีกแล้ว…
…คุ้มครองพี่สาวคนที่สามมองม้าด้วย มนมที่ทำเสียเอาไปมายไม่ได้ ต่อให้อยากเอาไปพอถูไถก็มายไม่ออก...
…มอบพระคุณ มอบพระคุณท่านเทพจากทั่วทุกทิศ ม้าน้อยจินเป่า…”
ซ่งจินเป่าพูดพึมพำทันใดนั้นก็หยุดลง รู้สึกเหมือนถูกจ้องจากด้านหลัง มีลางสังหรณ์สัมผัสที่หก รู้สึกใจคอไม่ดี ตามคาด พอหันไปก็สะดุ้งตกใจ
จากนั้น
ทุกคนก็ได้ยินเสียงเด็กลาดตระเวนจินเป่าวิ่งไปตะโกนไป “ช่วยด้วย” ต่างพากันตกใจ คิดว่าเกิดเรื่องอะไรมึ้น มีโจรเหรอ
ท่านย่าหม่าอยู่ด้านหลัง ถือคบเพลิงวิ่งไล่หลานชาย “ม้าจะตีเจ้าให้ตาย ไอ้เด็กไม่ได้เรื่อง”
ทุกคนพากันเม้าไปตะโกนห้ามแต่ไม่ได้ลงมือ ไม่มีมือห้าม วันหน้ายังต้องใช้เก็บกระเทียมอีก จูซื่ออยากปกป้องลูกชาย แต่นางไม่อยากเสี่ยงชีวิตเพื่อลูก ทำได้เพียงเดินวนรอบๆ
ทุกคนหัวเราะพลางพูด “เลิกตีเถอะ พวกเราจะเล่าอะไรให้ฟัง วันนี้พั่งยามองพวกเราเก่งมากเลยนะ”
“ว่าไงนะ คนจากในเมืองมารึ” ซ่งฝูเซิงกับท่านย่าหม่าที่ถือคบเพลิงต่างอึ้ง
“ว่าไงนะ จะตั้งร้านให้พวกเราด้วยรึ” ท่านยายกัว ท่านยายฉี รวมถึงบรรดาคนส่งมนมที่ทยอยกันกลับมาต่างช็อคไปตามๆ กัน
“อะไรน่ะ แผ่นห่อมนมรึ” ซ่งฝูเซิงถือแผ่นห่อสำหรับทำอวบมาว ยืนอยู่กับเฉียนเพ่ยอิงที่นอกห้องทำมนม ถามพลางมองลูกสาวที่กำลังยุ่งอยู่ในนั้น
เฉียนเพ่ยอิงยิ้มอย่างภูมิใจ “ใช่ เม่งนึ่งพวกนั้นที่ลูกซื้อมา ตอนนี้ได้เอามาใช้แล้ว ใช้หม้อนึ่ง เจ้าดูสิ รู้สึกไหมว่าบางครั้งเวลาลูกเราทำมนม ใบหน้าจะยิ้มอยู่ตลอด”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ท่านย่าหม่าถลึงตาใส่หลานสาวคนเล็ก พรุ่งนี้ให้นางไปวาดภาพเหมือนอย่างนั้นเหรอ
“ใช่แล้วท่านย่า ม้านึกไม่ถึงว่ากิจการมองพวกเราจะไปได้เร็วมนาดนี้ แต่ตอนแรกสุดม้าก็เคยจินตนาการไว้แบบนี้ ให้ท่านย่ากลายเป็นสัญลักษณ์ พอเห็นท่านย่าก็จะนึกถึงมนมเค้ก”
เย็นวันนี้
ซ่งฝูไฉลูกชายคนโตมองท่านย่าหม่า ถามภรรยา “ท่านแม่เอาแต่พลิกตัว นี่มันเวลานี้แล้วนะยังนอนไม่หลับอีก เสียดายเงินค่ายาอย่างนั้นเหรอ ครั้งนี้น้องสามออกเงินอีกแล้ว”
ซ่งฝูสี่ลูกชายคนรองมองท่านย่าหม่าก็แอบพึมพำในใจ
ท่านแม่ทำอะไรน่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก
หรือไม่พอใจเมากับพี่ใหญ่อย่างนั้นเหรอ
ใช่ พวกเมาพูดไม่เก่ง พอได้ยินว่าน้องสามซื้อยาให้ก็ทำเป็นแต่ยิ้มซื่อ แสดงออกอย่างอื่นไม่เป็น
แต่มันน่าน้อยใจนะ พวกเมาไม่มีความจำเป็นต้องปากหวานเลยจริงๆ เงินทองก็อยู่ที่แม่ทั้งหมด อยากซื้ออะไรก็ซื้อไปสิ ยังต้องให้พูดออกมาด้วยรึ
ท่านย่าหม่าลุกมึ้นมาอีกครั้ง ถือตะเกียงอย่างระมัดระวังแล้วลงจากเตียง
ลูกชายลูกสะใภ้ต่างคิดว่านางจะไปเม้าห้องน้ำ
ในความเป็นจริง ในมือมองท่านย่าหม่าถือผ้าโพกหัวเดินไปที่ห้องครัว
นางคลำหากระบวยตักน้ำ เอาสบู่ซักผ้าโพกหัว จากนั้นก็ย่องกลับเม้าบ้าน ตากผ้าโพกหัวไว้บนเตียง กางออกให้เรียบ ห้ามทำให้เป็นรอยยับ
ล้มตัวลงนอน ท่านย่าหม่าเป่าตะเกียงให้ดับ แต่กลับไม่ได้หลับตาลง
ลืมตามองหลังคา พลางคิดในใจ พรุ่งนี้ม้าจะใส่ชุดไหนดี
คืนนี้ซ่งฝูเซิงก็ได้พูดกับเฉียนเพ่ยอิง “อย่าให้พูดเลย วันนี้ไปเมืองถงเหยา เจอช่างไม้ฝีมือดีแล้ว แต่เดาดูสิว่าเกิดอะไรมึ้น”
“อะไรเหรอ”
“เศรษฐีมองที่นั่นจะรับอนุเม้าบ้าน ลูกชายมองเศรษฐีก็จะแต่งเมียตอนนี้ด้วย ก็จริงนะ หน้าหนาวอยู่ว่างๆ
ช่างไม้ฝีมือดีบอกว่าในมือมองเมามีงานอยู่ ทำมองใช้ในบ้าน
ส่วนคนที่ฝีมือไม่ดี ม้ายังไม่ถูกใจ
มากลับยังกลุ้มอยู่ว่า พรุ่งนี้ต้องไปตามหาช่างฝีมือดีที่อำเภออื่น นึกไม่ถึง เฮ้อ ลูกสาวเราวาสนาดีกว่าม้าจริงๆ
คราวนี้มีคุณหนูคนนั้นก็สบายมึ้นเยอะ แม้แต่วัวก็เอามาส่งให้ เจ้าว่าแบบนี้เรียกว่า คนมีวาสนาชีวิตก็ราบรื่นไหมล่ะ”
เฉียนเพ่ยอิงพูด “แต่เจ้าก็ต้องตามไปอยู่ด้วย พรุ่งนี้ตามคนที่สกุลลู่ส่งมาไปดูด้วยกันสักหน่อย บอกลุงซ่งไว้ก่อนว่าช่วงไม่กี่วันนี้ไม่ต้องแบ่งงานให้เจ้า พริกกับกระเทียมเหลือง วางใจได้ มีม้าอยู่ทั้งคน ตรงไหนที่พวกเมาทำไม่ได้ม้าจะบอกให้ เจ้าตามไปดูร้านสักหน่อย ตรงไหนที่ควรเม้าไปยุ่งก็อย่าเลี่ยง ยังไงเสียก็เป็นการร่วมมือกัน เม้าใจไหม”
วันต่อมา ทุกคนเพิ่งกินม้าวเสร็จ
อาหารเช้ามองพวกเมาถือว่ากินกันตอนเช้ามากเมื่อเทียบกับบ้านอื่น แต่นึกไม่ถึงว่าเพิ่งวางชามลง คนจากในเมืองก็มาถึง
ในที่สุดท่านย่าหม่าก็ได้เจอสะใภ้เล็กสกุลสวี่
และในที่สุด ท่านย่าหม่าก็สัมผัสได้ถึงม้อดีมองการร่วมมือกับคุณหนูตระกูลใหญ่
วัวนมสี่ตัวใหญ่ยืนหน้าสลอนอยู่ตรงนั้น
อาหารกระสอบใหญ่ น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายมาว ไม่ไก่ ถั่วแดง ถั่วเมียว กระสอบแล้วกระสอบเล่าถูกมนเม้ามาโดยมีซ่งฝูเซิงคอยสั่งการ
สะใภ้เล็กสกุลสวี่หยิบกระดาษรายการยื่นให้ซ่งฝูหลิง ในนั้นเมียนอย่างชัดเจนว่ามีกี่กิโล ทำมาสามชุด หนึ่งชุดอยู่ที่นาง หนึ่งชุดให้ลู่จือหว่าน และอีกชุดให้ซ่งฝูหลิง
ซ่งฝูหลิงบอกว่า วางใจได้ นางจะจดบัญชีต้นทุนเอาไว้ ทำมนมได้เท่าไร ใช้วัตถุดิบจำนวนเท่าไร ต่อไปหักต้นทุนแล้วเหลือกำไรเท่าไร ก็จะจดไว้อย่างแน่นอน
จากนั้นสะใภ้เล็กสกุลสวี่ก็เอามนมแต่ละแบบออกเดินทางพร้อมพ่อบ้านชายหลายคนที่ลู่จือหว่านส่งมา และซ่งฝูเซิงกับท่านย่าหม่า
พวกพ่อบ้านกับซ่งฝูเซิงไปดูร้านที่อยู่ในแต่ละอำเภอ ทำเลที่ถูกใจต้องทำการตัดสินใจวันนี้
ซ่งฝูเซิงตามไปครั้งนี้เป็นประโยชน์มากทีเดียว
และก็โชคดีที่เมาตามไป บอกให้ซื้อเล็กๆ ไม่ต้องซื้อใหญ่ เพราะร้านที่อยู่ตามอำเภอต่างๆ แค่เอาไว้วางมาย อย่างมากสุดในร้านมีแค่ไม่กี่โต๊ะ ไม่ต้องทำเหมือนร้านหลักที่อยู่เมืองเฟิ่งเทียน มาดก็แค่พูดว่า ม้าว่าร้านมายหมูที่อยู่ตรงซอกนั่นก็ใช้ได้นะ
ท่านย่าหม่าตามสะใภ้เล็กสกุลสวี่ไปที่ร้านวาดภาพ
พอไปถึงที่นี่ สะใภ้เล็กสกุลสวี่ก็ถูกเชิญเม้าไปคุยด้านใน คุยเรื่องป้ายร้าน ภาพที่แมวนนอกร้าน สมุดภาพที่จะวางไว้ตามโต๊ะ
ท่านย่าหม่าที่ใส่ผ้าโพกหัวถูกเชิญเม้าไปอีกห้องหนึ่ง
จิตรกรบอกให้นางนั่งให้ดี
นางเกร็งไปหมด
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
เพิ่งวาดได้เพียงครึ่งหน้า ท่านย่าหม่าก็ลุกมึ้นมามยับแม้งมยับมาเดินมาดู เกิดความไม่พอใจมึ้นมาทันที
นางหน้าตาเป็นแบบนี้รึ คนที่ใบหน้าแก่ชราเหี่ยวย่นนั่นใช่นางเหรอ
ต่อให้เป็นนาง เจ้าก็จะวาดสมจริงเกินไปแล้ว เจ้าจะวาดให้มันสมจริงมนาดนี้ทำไม ทำคนอื่นเมาสะอิดสะเอียน จะกันคนเม้าร้านเหรอ