ที่ซ่งฝูหลิงบอกว่าจะทำเครื่องมือ ไม่ได้หลอกทุกคน
ในมือนางมีแบบร่างของเครื่องตีไข่กับเครื่องคั้นน้ำ ที่ไม่รู้ว่าทำออกมาแล้วจะมีสภาพไหนนานแล้ว
นางเป็นคนลองออกแบบด้วยตัวเอง
เพื่อออกแบบ
นางไม่กล้ารื้อเครื่องตีไข่ กลัวว่าถ้ารื้อพัง พื้นที่พิเศษงกมาก ไม่ทำให้กลับมาเป็นดังเดิม แบบนั้นจะยิ่งซวยเข้าไปใหญ่
ทว่าเครื่องคั้นน้ำของบ้านตัวเองที่อยู่ในพื้นที่พิเศษ นางได้รื้อออกหมดแล้ว พอศึกษาเสร็จก็ประกอบกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ ตอนนั้นนางเอามือปิดตาพลางคิดในใจ เป็นไปตามคาด พื้นที่พิเศษไม่คืนสภาพของให้นางใหม่
เครื่องมือพวกนี้มีจุดที่เหมือนกันก็คือ ฟันเฟือง ใบพัด แกนหมุน ก้านที่ใช้สอดรับ เครื่องตีไข่กับเครื่องคั้นน้ำมีจุดที่แตกต่างกัน
น่าจะประมาณนี้หรือเปล่า
เอาเถอะ อันที่จริงนางก็ไม่แน่ใจ นางไม่ได้ทำงานด้านนี้เสียหน่อย
ทุกครั้งเวลาแบบนี้ซ่งฝูหลิงจะรู้สึกว่า เมื่อชาติก่อน พ่อกับแม่ทำนางเสียเวลา นางควรจะเรียนพวกการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้
สรุปว่าแบบร่างออกมาแล้ว เดิมควรทำเรื่องอย่างเครื่องตีไข่ก่อน สั่งทำล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นพวกคนทำขนมจะเหนื่อยกันเกินไป อย่ามองว่ามีที่ตีไข่กะทัดรัดที่ทำมาจากลวดแล้ว
แต่ของสิ่งนั้นใช้ทำขนมสองสามถาดยังไม่เป็นไร แต่ถ้าทำแปดเก้าถาด ทำทั้งวัน พอตกเย็นโครงลวดก็จะเปลี่ยนสภาพ
ช่วงไม่กี่วันมานี้มีพวกผู้ชายมาช่วย การใช้แรงงานคนจำนวนมากมาช่วยไม่ใช่แผนระยะยาว
เพราะในขั้นตอนการทำขนมแบบตะวันตกจะมีการแบ่งตีหลายครั้ง ใส่น้ำตาลหนึ่งครั้ง ใส่นมหนึ่งครั้ง ต่างต้องตีให้เข้ากันหมด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ใส่ครั้งหนึ่งก็เรียกให้มาช่วยทีหนึ่ง
แต่รู้ทั้งรู้ว่ารีบใช้ก็ยังไม่ได้สั่งทำล่วงหน้า เหตุผลก็คือไม่มีเงินนี่นา
ท่านพ่อของนางไม่ยุ่งกับตั๋วเงินของหมี่โซ่วแม้แต่แดงเดียว ถ้านางเอาแบบร่างออกมา ท่านพ่อจะต้องยืมเงินส่วนนั้นเพื่อนางอย่างแน่นอน
ไม่อยากทำให้ท่านพ่อลำบากใจเพราะเรื่องนี้
และก็เช่นเดียวกัน รู้สึกจากใจ ไม่อยากยุ่งกับตั๋วเงินของหมี่โซ่ว
ไม่มีเหตุผล ก็แค่ไม่อยากยุ่ง
พวกนางสามคนพ่อแม่ลูก ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันเรื่องเกี่ยวกับเงินของหมี่โซ่ว แต่ซ่งฝูหลิงรู้สึกว่า จะต้องคิดไปในทางเดียวกันอย่างแน่นอนว่ายอมประหยัด ดีกว่าจะเอาเงินนั้นมาใช้
ถึงขนาดที่ว่า ในอนาคตเงินที่จะใช้ซื้อบ้านให้หมี่โซ่ว ถ้าพวกนางสามคนมีความสามารถล่ะก็ ต่างไม่อยากแตะต้องตั๋วเงินสองใบนั้น แค่รู้สึกว่าถ้าจะใช้ คงไม่ใช่ตั๋วเงินสองใบนั้นที่ท่านนตาเฉียนทิ้งไว้ให้แล้ว พวกนางจะออกเงินให้หมี่โซ่ว ซื้อบ้านซื้อที่ดินให้เขา
ซ่งฝูหลิงรู้สึกว่า หากท่านพ่อของนางทำแบบนั้นจริง จะต้องคิดในใจแน่นอนว่า คนเป็นพ่อเลี้ยงดูลูกชายก็เป็นเรื่องปกติ อีกหน่อยขอเมียให้ลูกชาย ก็ต้องให้บ้านสักหลังมิใช่รึ
ส่วนตัวนางคิดว่า นั่นน้องชายของนางนะ ถ้าครอบครัวมีเงิน ซื้อบ้านให้นางหนึ่งหลัง แล้วค่อยซื้อให้น้องชายหนึ่งหลัง แบ่งเงินให้ท่านพ่อเท่าๆ กัน นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีทางรู้สึกเสียดาย
งั้นถ้าไม่ยุ่งกับตั๋วเงินของหมี่โซ่วก็จะสั่งทำเครื่องมือไม่ได้แล้วเหรอ นางก็ต้องหาเงินเองยังไงล่ะ
แต่นี่ก็เก็บเงินแล้วไง มันไม่พอ
ช่วงนี้ซ่งฝูหลิงกับท่านย่าของนางหาเงินมาได้ไม่น้อย เงินหลายสิบตำลึงก็พอจะมีอยู่หรอก บัญชีอย่างละเอียดอยู่ในใจของย่าหม่า
แต่ว่ามันไม่พอ
ต้องทราบก่อนว่า ที่นี่ราคาเหล็กแพงมาก แน่นอนว่าก็อยากใช้วัสดุอื่นมาแทนเหล็ก แต่น่าเสียดายที่ไม่มี ก็เลยจำเป็นต้องใช้เหล็ก
จากนั้นซ่งฝูหลิงก็ประมาณราคาของที่ตัวเองต้องการทำ โดยอิงจากหม้อเหล็กที่ท่านพ่อของนางซื้อมา ข้อสรุปที่ได้ก็คือ แม่จ๋า สั่งทำไม่ไหว
ต้องทราบก่อนว่าช่างตีเหล็กในอำเภอพวกนั้นทำเป็นแค่กระทะดำขนาดใหญ่ ไม่ได้ใช้ฝีมืออะไรมาก ทั้งยังขายแพงมากด้วย แพงจนท่านพ่อของนางยังตกใจ ถึงขั้นที่เมื่อคราวก่อนตอนไปซื้อวัวได้ขนหม้อเหล็กขนาดใหญ่กลับมาสิบกว่าใบ เอามาแจกจ่าย ทุกคนยิ้มดีใจราวกับรู้สึกได้เปรียบยกใหญ่
ส่วนของนางที่จะทำไม่ได้ทำในปริมาณขายส่ง และใช่ว่าจะไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเหมือนหม้อ
เครื่องมือของนางจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีความประณีตมาก ออกแบบเกราะโดยเฉพาะ ฐานยึด ใบมีดโค้งมน ใบพัดตีไข่ รวมถึงราง เป็นต้น ล้วนต้องทำออกมาเป็นพิเศษ
เฟืองอันหนึ่ง เมื่อนำมาต่อกันก็จะทำให้ขยับได้ เพ้อเจ้อ คิดแบบง่ายๆ อย่างน้อยก็ต้องมีแกนหลักสำหรับหมุน
เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเครื่องจักรอะไรก็ต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนสารพัดทั้งนั้น
สั่งช่างทำชิ้นส่วนพวกนี้โดยเฉพาะแล้วนำมาประกอบ ช่างเหล็กที่ทำเหล็กออกมาตามที่สั่งได้สำเร็จ มีหรือจะเป็นคนที่ฝีมือธรรมดา
ซ่งฝูหลิง ไม่มีเงิน
จนถึงตอนนี้ หักต้นทุน หักที่ลงทุนวัวหนึ่งตัวกับเงินสิบตำลึง เอาไปรวมกับเงินของท่านย่า ก็ได้แค่ไม่กี่สิบตำลึงเอง
แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเครื่องมือ
ชีวิตช่างยากเหลือเกิน
จากนั้นเรื่องนี้น่ะหรือ จนถึงบัดนี้ยังเกรงใจไม่กล้าบอกลู่จือหว่าน
อย่าถามว่านางมีอะไรให้เกรงใจ ก็แค่เกรงใจนี่
ต้นทุนของนางที่แบ่งเสมอกันกับทางนั้นก็คือการลงแรงทำขนม เครื่องมือทำขนมกลับให้ทางนั้นซื้อให้เหรอ
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอจนร้านเปิด ทำเงินให้ทางนั้นจำนวนหนึ่งก่อน ให้ลู่จือหว่านได้เงินคืนบ้างหลังจากที่ลงทุนไป จากนั้นค่อยพูดเรื่องนี้
อีกทั้งพอถึงเวลานั้น ซ่งฝูหลิงรู้สึกว่าตัวเองก็คงมีความกล้าที่จะพูดกับลู่จือหว่านแล้ว อย่างเช่น แนะนำช่างฝีมือดีให้ก็พอ เงินค่าทำเครื่องมือนางจะออกเอง ที่พูดเรื่องนี้ก็แค่อยากให้ช่วยหาช่างฝีมือดีให้หน่อย
สรุปว่าต้องรอไปก่อน
เพราะถ้าให้นางไปพูดตอนนี้ หาช่างฝีมือดีให้หน่อย เรื่องเงินน่ะเหรอ วางใจได้ ข้าออกเอง แบบนี้ไม่เท่ากับขี้โม้เหรอ ในกระเป๋ามีอยู่แค่ไม่กี่เหรียญ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็เคยสอนนางว่าอย่าไปโม้ใส่คนข้างนอก
“ตีไปอีกหน่อย ออกแรงให้มากหน่อย ฟองขึ้นแล้ว จะตีให้ฟูตอนนี้แขนต้องเร็วกว่านี้อีก เร็ว เร็วอีก”
เอ้อร์ยากัดฟันตีใหญ่
ต้ายาที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็กลืนน้ำลาย ปกติรู้สึกไม่ยอมน้องรอง นางเป็นพี่สาว มีหรือจะสู้น้องสาวไม่ได้ แต่เวลานี้ได้เห็นกับตาตัวเอง ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าสู้ไม่ได้ตรงไหน ผู้ดูแลบอกให้เร่งความเร็วก็ตีครีมอย่างเอาเป็นเอาตาย เอาแรงระดับกลางๆ เอ้อร์ยาก็ปรับข้อมือให้ลดความเร็วเหลือกลางๆ ได้ แบบนี้จะไม่ยอมแพ้ได้ยังไง
ป้าสะใภ้ใหญ่เหอซื่อถาม “พั่งยา ไม่สิ ผู้ดูแล เวลาทำตัวขนมเค้ก เจ้าบอกว่าไม่ต้องขนาดนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมอันนี้ต้องออกแรงตีขนาดนี้ด้วยล่ะ”
“มันเรียกว่าเค้กม้วนกระต่ายขาว ไส้ตรงกลางเป็นครีม พอเปิดกระดาษห่อออกมา ทุกคนต้องทำให้ได้แบบที่ว่า เหมือนจงใจม้วนอัดมันเอาไว้ ครีมที่อยู่ข้างในค่อยๆ ไหลออกมาตั้งแต่ไส้ตรงกลางทันที ดูเหมือนเป็นของเหลว เหมือนมีส่วนประกอบของน้ำ ดังนั้นการจะตีให้ได้ถึงขั้นนั้นเคล็ดลับอยู่ที่ต้องรวดเร็ว…
…รวมถึงอีกเดี๋ยวข้าจะสอนทุกคนทำขนมอีกแบบ เรียกว่า อวบขาว อวบขาวเป็นขนมกลมๆ เล็กๆ ที่ข้างในมีแต่ครีม ต้องทำให้ได้แบบที่ว่า พอกัดลงไป ปลายลิ้นสัมผัสกับครีมที่แสนละมุน แบบนั้นรสชาติถึงจะกลมกล่อมที่สุด” ซ่งฝูหลิงตอบพลางเอาที่ตีไข่ที่ทำจากลวดมาสาธิตด้วยตัวเอง
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้นางยังลังเลไม่ยอมสอนคนอื่น
เดิมทีท่านย่าหม่าคิดว่า ในที่สุดหลานสาวของนางก็โตแล้ว ยังมีหวงวิชาด้วย
แต่ในความเป็นจริงคือ นางจะใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าต่อหน้าทุกคนไม่ได้ ก็ต้องใช้มือตี สอนครั้งเดียว สูบพลังงานของนางไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนนี้เลี่ยงไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงกัดฟันทน อธิษฐานด้วยความศรัทธา หวังว่าคนพวกนี้จะไม่ซื่อบื้อ ทางที่ดีสอนครั้งเดียวให้เป็น
“ทุกคนอย่าเอาแต่คิดว่าทำอะไรที่ไม่ได้กินเอง เอาแค่พอประมาณก็พอแล้ว พวกเขาไม่เคยกินของพวกนี้ ทุกคนมีความคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง…
…ต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าของทุกคน ระดับแย่สุด อย่างน้อยในบ้านก็มีอาหารเหลือกินหนึ่งปี มีเงินเก็บหลายสิบตำลึง ระดับที่ดีสุดพวกเขาอาจถึงขั้นอยากลิ้มลองแม้แต่ขนมของวังหลวง ในจวนมีพ่อครัวขนมโดยเฉพาะ…
…ถ้าเช่นนั้นทำไมต้องเสียเงินมากมายขนาดนั้นด้วย พวกเขากินอะไร สิ่งที่กินก็คือ สัมผัสรสชาติ สัมผัสกลิ่น ดวงตาสัมผัส ต่างรู้สึกว่าสัมผัสทั้งสามที่ว่ามานี้มันคุ้มค่า”
พูดออกมาเสียจนทุกคนเริ่มรู้สึกร้อนตัว มันเรื่องอะไรกัน
ต้องทราบก่อนว่าน้อยครั้งที่ผู้ดูแลจะมาที่ห้องทำขนม พั่งยารู้ได้อย่างไรว่าพวกนางประหยัดไข่กับน้ำตาล
คนทำขนมพวกนี้ทำขนมไข่ ชิฟฟ่อน ขนมปังกรอบม้วนเป็น พูดให้ถูกก็คือชำนาญแล้ว พบว่าใส่น้ำตาลน้อยลงหน่อย หรือถาดไหนใส่ไข่ลดลงไปหนึ่งฟอง ขนมที่ออกมาก็ยังคงหน้าตาเหมือนกันคือ เหลืองทอง สวยงาม เหนียวนุ่ม
พวกนางแค่อยากช่วยย่าหม่ากับซ่งพั่งยาลดต้นทุน ประหยัดไข่ไก่กับน้ำตาลเอาไว้ทำถาดต่อๆ ไปไม่ดีหรือ มันแพง
เฮ้อ เห็นทีพวกนางจะคิดผิด
ซ่งฝูหลิง นางไม่ได้มาที่นี่ก็จริง แต่อย่าคิดจะหลอกนางได้ ไข่ไก่แผงหนึ่งมีกี่ฟอง น้ำตาลในห้องนี้มีกี่กิโล เอานมเข้ามากี่ถัง สุดท้ายในวันหนึ่งมีขนมออกมาเท่าไร ของพวกนี้หักลบ เหลือขาด ทุกอย่างนางรู้หมด ใครใช้ให้นางคำนวณเก่งล่ะ
ภายในห้องทำขนม ซ่งฝูหลิงเริ่มสอนขนมตัวใหม่ มาการ์เร็ตคุกกี้
ที่โรงเพาะปลูกพริก เฉียนเพ่ยอิงเติมฟืนเสร็จ รดน้ำให้ต้นพริกที่ดูเหมือนขาดน้ำ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อทำเสื้อผ้าในมือต่อ
นางไม่สนใจว่าคนที่คุณหนูสามส่งมาจะว่าอย่างไร เพราะ ไม่เป็นไร ลูกสาวของนางรู้ดีกว่านาง ฉลาดกว่านาง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงมาหานางแล้ว
นางเองก็ไม่ได้เป็นห่วงซ่งฝูเซิงที่อยู่ข้างนอกนัก เพราะ ไม่เป็นไร สามีของนางไปมาทั่วทุกสารทิศ เคยเจอมาทุกอย่าง อีกทั้งยังเอาหนิวจั่งกุ้ยไปช่วยคุมเกวียน ตราบใดที่ไม่ทำเกวียนคว่ำก็ไม่มีอะไรให้น่าห่วง
นางกังวลว่าจะทำเสื้อผ้าในมือไม่เสร็จมากกว่า อยากทำชุดใหม่ให้ลูกสาวอีกหนึ่งชุด ทำรองเท้าบู๊ทที่เข้ากันอีกหนึ่งคู่
ชุดเมื่อคราวก่อน คุณหนูสามเคยเห็นแล้ว สาวใช้พวกนั้นก็เคยเห็นแล้ว
จะรอให้เปิดร้านแล้วค่อยเข้าเมืองไม่ได้ วันเปิดร้านก็ต้องไปหรือเปล่า ถ้าให้ลูกสาวของนางใส่ชุดเดิม ไม่สวย ประเดี๋ยวสาวใช้จะดูถูกเอา
จากนั้น “ท่านป้า”
“หืม”
“ข้าหิวแล้ว เสี่ยวหงก็หิวเหมือนกัน”
“มาแล้วๆ ข้าจะไปทำกับข้าวให้เดี๋ยวนี้”
ในขณะเดียวกัน เกวียนที่อยู่ระหว่างเดินทาง ซ่งฝูเซิงหวดแส้ กำลังบรรทุกท่านย่าหม่ากลับบ้านเช่นกัน
“ท่านแม่ เลิกบ่นได้แล้ว จับยามาให้แล้วก็กินเสีย หายป่วยมันดีกว่าอะไรทั้งนั้น…
…ข้าจะบอกให้นะ ได้ยามากินถึงจะพิสูจน์ได้ว่าร่างกายของท่านแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว…
…ถ้าโรงหมอไม่ให้แม้แต่ยา บอกให้ท่านแม่รีบกลับบ้าน อยากกินอะไรก็กินเสีย แบบนั้นแสดงว่าอาการหนักแล้ว”