ลู่พั่นเดินทางครั้งนี้ต้องการไปค่ายทหารชานเมืองเพื่อทดลองปืนใหญ่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้น
จำเป็นต้องไปชานเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่น้อย มิฉะนั้นประเดี๋ยวเสียงปืนดังตูม ชาวบ้านได้แตกตื่นกันหมด
คาดว่าก่อนตงจื้อ ถึงจะกลับมา
เดินทางครั้งนี้ลู่พั่นไปอย่างเรียบง่าย พาบ่าวรับใช้ไปน้อยมาก มีแค่ซุ่นจื่อที่ติดตามไปรับใช้ พาไปมากมายก็อึดอัด
ขี่ม้ามาถึงถนนกลาง ในใจกำลังนึกบ่นพี่สาวคนที่สาม
คิดอะไรง่ายเสียจริง
อยู่ๆ ก็อยากเปิดร้านขนม
อยากเอาเครื่องแก้วหลากสีไปใส่ขนม ทำไมไม่ใช้ถ้วยทองคำเลยล่ะ
ก็ไม่รู้จักคิดบ้างว่า อีกประเดี๋ยวพวกหัวขโมยได้เข้าไปลักขโมยอย่างไม่กลัวหัวหลุดจากบ่า
เหยียบขนมเค้กจนเละเทะ ฮึดสู้สุดใจแบกไปทั้งตู้
เอาเครื่องแก้วหลากสีให้พี่สาม นั่นต่างหากที่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวนาง ถึงเวลาประเดี๋ยวได้สนุกสนานเป็นการใหญ่
พอเงยหน้าก็พบว่าเขามาถึงหน้าร้านของพี่สามพอดี เวลานี้ร้านปิดอยู่ ข้างๆ เป็นร้านหนังสือของเขา
สกุลลู่มีกิจการขนของทางทะเล ผลิตกระดาษ ยิ่งไปกว่านั้นมีอยู่หลายแห่ง
ดังนั้นกิจการส่วนตัวของลู่พั่นก็มีร้านหนังสืออยู่หลายแห่งในแต่ละเมืองเช่นกัน
เขาหยุดม้า ให้ซุ่นจื่อเข้าไปเอาหนังสือในร้านมาสองเล่ม หลังบอกชื่อหนังสือเสร็จถึงดึงบังเหียนควบคุมความเร็วของม้าให้เดินไปอย่างช้าๆ ออกจากถนนเส้นกลาง
ถนนเส้นนี้เป็นถนนศูนย์กลาง ผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก ห้ามขี่ม้าเร็วที่นี่เด็ดขาด
ไม่ว่าจะม้าหรือรถม้า เมื่อมาถึงที่นี่ต่างต้องลดความเร็ว
สัตว์ใช้แรงงานประเภทอื่นยิ่งห้ามผูกทิ้งไว้
ณ ขณะนี้ กฎข้อนี้บางคนก็ปฏิบัติตาม บางคนอาจคิดว่าครอบครัวของตัวเองมีดีเสียเต็มประดา ถึงไม่ปฏิบัติตาม
คิดว่ากฎระเบียบมีไว้ควบคุมคนอื่น ไม่ใช่ควบคุมพวกเขา
หากพวกเขาไม่ทำตัวให้ดูพิเศษหน่อย มีหรือจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นอยู่ระดับที่สูงกว่า
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้มีกฎระเบียบ บางครั้งบางคราวก็จะเห็นคนขี่ม้าด้วยความเร็วสูงผ่านไป
ทว่าทุกคนในจวนผู้สำเร็จราชการตั้งแต่ระดับสูงอย่างฮูหยิน ผู้สำเร็จราชการออกไปข้างนอก ไปจนถึงพ่อบ้านออกไปจับจ่ายซื้อของ ต่างให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ ปฏิบัติตามอย่างเงียบๆ
ลูกๆ ของสกุลลู่เติบโตมาภายใต้การอบรมสั่งสอนเช่นนี้ของท่านปู่ผู้สำเร็จราชการและท่านย่า
เลี้ยงดูลู่พั่นหลานชายเพียงคนเดียวภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เคยขี่ม้าเร็ว อีกทั้งยังไม่ยุ่งกับพวกคนชอบขี่ม้าเร็วพวกนั้น ที่ทำให้ชาวบ้านตกอยู่ในอันตราย มีหลายครั้งที่ไปเอาเรื่องพวกคนมีฐานะพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ
ท่านปู่เตือนเขาหลายครั้งว่าให้ควบคุมอารมณ์หน่อย วิเคราะห์การใช้คนของท่านอ๋องเยี่ยนในตอนนี้ให้เขาฟัง คนบางคนตอนนี้ใช้งานได้ ยังขาดไม่ได้ อย่างัดข้อให้มากเกินไป ไม่ว่าเรื่องใดต้องควบคุมสติอารมณ์ไว้บ้าง
ท่านพ่อก็เคยต่อว่าเขาอยู่หลายครั้ง ‘เจ้าจะยอมปล่อยเรื่องเล็กน้อยไปบ้างไม่ได้เลยเชียวหรือ’
ทว่าลู่พั่นก็ยังคงเป็นลู่พั่นอยู่วันยังค่ำ
พอออกนอกประตูเมืองลู่พั่นถึงพูดขึ้น “ไป” เสื้อกันหนาวขนจิ้งจอกที่อยู่บนตัวพลิ้วสะบัด ต้าจวิ้นบรรทุกเขาวิ่งไปตามเส้นทางหลวง
ถูกต้อง ม้าคู่กายของเขามีนามว่าต้าจวิ้น
ไม่ใช่จวิ้นที่แปลว่ารูปงาม แต่เป็นจวิ้นที่แปลว่ายอดม้า
“คุณชายรอข้าด้วย” ซุ่นจื่อใส่ผ้าปิดปากที่ปักอักษร ‘ซุ่น’ ไว้บนนั้น
นับตั้งแต่เห็นผ้าปิดปากของหมี่โซ่ว ซุ่นจื่อก็รู้สึกว่าของสิ่งนี้มีประโยชน์มาก เขาจึงให้ท่านแม่ปักให้บ้าง ทั้งยังให้สาวใช้ใหญ่มู่จิ่นปักเป็นรูปกิ่งไม้ใบไม้ให้คุณชาย แต่น่าเสียดายที่คุณชายไม่ใส่ ทั้งยังถลึงตาใส่เขา
“คุณชาย ย่า ย่า!” ซุ่นจื่อรีบเร่งตามไป
คุณชายของเขาชอบไปชานเมืองมากเหลือเกิน โดยเฉพาะไปอยู่กับพวกทหาร ที่นั่นมีแต่ลูกผู้ชายที่ตรงไปตรงมา
…
หลังจากสะใภ้เล็กสกุลสวี่กลับไปแล้ว ทุกคนก็ดีใจมาก
ลุงซ่งดีใจที่จะมีวัวมาอีกสี่ตัว
อีกทั้งคำพูดของแขกที่มาเยือนครั้งนี้ ประหนึ่งเป็นยาที่ทำให้สบายใจ ไม่เหมือนเมื่อตอนเช้าที่ตื่นมายังงงๆ อยู่ นี่เท่ากับเป็นการจะเปิดร้านอย่างแท้จริงแล้ว เปิดทีก็ตั้งหลายร้าน
ลุงซ่งรีบจัดแจงหาที่ว่างเอาไว้สำหรับให้วัวอยู่
คนเบียดเสียดกันได้ แต่จะให้วัวของพี่สาวแม่ทัพเล็กไปเบียดกับเสี่ยวหงที่แม่ทัพเล็กให้ไม่ได้
สตรีหลายคนก็ดีใจมากเช่นกัน
ไม่เพียงแต่ครอบครัวซ่งฝูเซิงจะได้เปิดร้านหลายร้าน อีกทั้งพั่งยาพูดแล้วว่า ‘ป้าๆ น้าๆ อันที่จริงช่วงที่ผ่านมาพวกท่านไม่พูด ข้าก็เข้าใจความหมายของทุกคนดี
แต่อย่าเพิ่งใจร้อน ไว้รอคนทำขนมรุ่นนี้เป็นงานก่อน เอาให้พวกนางไปสอนพวกท่านได้ พวกเรายังต้องการคนทำขนมอีกมาก
ถ้าถึงเวลาพวกท่านกลับบ้านไปปรึกษากันเสร็จ อยากเหมือนพวกนางที่ไม่ไปทำงานแบ่งค่าแรงแล้ว ต้องการมาช่วยทำขนม ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็วางใจได้ ข้าจะรับทุกคนไว้ก่อนแน่นอน ไม่มีทางใช้สาวใช้ของพี่สาวแม่ทัพเล็ก เมื่อครู่ก็ได้ปฏิเสธไปแล้ว’
ฟังดูสิ ทำไมพั่งยาถึงได้เก่งแบบนี้ เด็กคนนี้เป็นเด็กดีจริงๆ เด็กนำโชคของพวกนาง รู้จักวางแผน “แบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว ใช้คนนอกจะไปวางใจได้ยังไง ต่อให้เป็นสาวใช้ที่หมดสัญญาแล้วก็เถอะ”
“พั่งยา ค่ารงค่าแรงอะไรกัน พวกเราอยู่ด้วยกัน ช่วงนี้ถ้าเจ้าอยากให้พวกเราทำอะไรก็บอกได้เลยนะ”
ครอบครัวยายหวังเห็นพ้องต้องกัน บรรดาลูกสะใภ้ของนางดีใจยิ่งกว่า
ความลำบากของท่านแม่ในช่วงนี้ พวกนางต่างเห็นอยู่ในสายตา
เหนื่อยจนนอนแผ่บนเตียง หลับแล้วก็ยังกรน เท้าเย็นเฉียบ บวมยิ่งกว่าลูกหมั่นโถว
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากที่สุด เรื่องที่ลำบากที่สุดคือ ท่านแม่เป็นโรคหัวใจ ทุกวันก่อนนอนจะต้องนั่งขัดสมาธิบนเตียง ทั้งคุกเข่าทั้งคำนับอธิษฐาน “ท่านเจ้าแม่กวนอิมผู้ช่วยให้หลุดพ้นจากทุกข์ ขอให้พรุ่งนี้ลูกเอาขนมไปส่งแล้วพวกเขารับขนมไว้ด้วย อย่าปฏิเสธจนต้องเอากลับมา ไม่อย่างนั้นลูกจะไปเสียเที่ยว ได้โปรดสงสารลูกด้วย สงสารลูกด้วย”
ยายหวังกังวล กลัวว่ายิ่งเอาขนมไปส่ง นานวันเข้าคนกินจะเบื่อ กลัวโรงเตี๊ยมจะหันมาบอกนางว่าวันนี้ไม่เอาแล้ว หรือหยุดไปสักพักก่อน
คราวนี้ถ้ามีหน้าร้าน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นแล้ว
เปิดร้านต้อนรับลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศ ทางนี้ไม่เอา บางทีร้านอื่นอาจต้องการก็ได้ ย่อมดีกว่าเข็นไปเข็นมาไม่รู้จะไปทางไหนดี
อยู่ห่างตั้งไกลยังได้ยินเสียงพวกผู้ชายตะโกน หนึ่ง สอง สาม คนหลายสิบใช้แคร่เลื่อนบรรทุกหินก้อนใหญ่มายี่สิบกว่าแคร่ โดยเก็บมาจากรอบๆ ภูเขา ล้วนเป็นหินที่หล่นมาจากบนเขาตามธรรมชาติ
เหล่าสตรีพอได้ยินเสียงก็วิ่งออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บางคนรู้สึกสงสารพวกผู้ชาย เข้าไปแย่งแคร่เลื่อน ผู้หญิงหกเจ็ดคนช่วยกันลากเข้าไปในเขตบ้าน แสดงให้เห็นว่าก้อนหินที่อยู่บนแคร่หนักขนาดไหน
“พวกเจ้ายิ้มอะไรกันน่ะ” พวกผู้ชายที่ไปเก็บก้อนหินรับชามข้าวมา ดื่มน้ำอึกใหญ่ วันที่อากาศเย็นขนาดนี้บนหน้าผากยังมีเหงื่อออกได้
รีบเล่าข่าวดีให้ฟัง
หา เปิดสี่ร้านรวมที่เมืองเฟิ่งเทียนด้วยรึ ในอำเภอแถวนี้ก็จะเปิดด้วยรึ แบบนั้นไม่เท่ากับหมายความว่า ต่อไปเวลาพวกเขาออกไปขายกระเทียมเหลืองกับพริกก็จะมีที่พักเท้าในแต่ละอำเภอแล้วสิ ไม่ต้องไปนั่งหน้าบ้านคนอื่นแล้ว
และคนที่ดีใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นบรรดาคนทำขนมที่อยู่ในห้องอบขนม
เพราะซ่งฝูหลิงพูดว่า
“ทางนั้นลงทุนด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้ จะทำขนมอะไร ทำมากน้อยแค่ไหน ทางนั้นกลับไม่มีเงื่อนไขอะไร…
…ยิ่งอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ พวกเราก็ยิ่งต้องทำให้ดี…
…ต้องทำให้เงินที่เขาลงทุนมันคุ้มค่า…
…ต้องใช้รายได้ของกิจการ หรือก็คือเงินที่ขายได้ พิสูจน์ให้ทางนั้นเห็นว่า พวกเราก็ควรค่าให้ทางนั้นลงทุนด้วย…
…ดังนั้นข้าจะสอนสูตรทำขนมตัวใหม่ให้ทุกคน ทุกคนต้องตั้งใจเรียนให้ดี…
…พอเป็นแล้วยังต้องไปสอนคนอื่นด้วย ต่อไปทุกคนจะเป็นอาจารย์รุ่นแรกของครัวขนมนี้”
ซ่งฝูหลิงยังพูดอีกว่า
“เรื่องตีไข่ รวมถึงเรื่องคั้นน้ำทำสีใส่ขนม ข้ารู้ว่าทุกคนเหนื่อย…
…ตอนนี้ทำได้แค่ใช้มือตีไปก่อน…
…แต่ทุกคนวางใจได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ…
…ทุกคนอดทนไปอีกระยะหนึ่ง รอข้ากับท่านย่าเก็บเงินได้มากกว่านี้ สั่งทำของสิ่งนั้นราคาแพงมาก ข้าจะไปให้ช่างเหล็กที่ฝีมือดี ช่างประกอบ ช่างฝีมือที่ทำงานประณีต ทำเครื่องคั้นน้ำกับเครื่องตีไข่ที่พวกเราจะไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป”