แต่เดิมตื่นเช้าขึ้นมา เฉียนเพ่ยอิงมีหน้าที่ทำอาหารให้ทั้งครอบครัวและท่านย่าหม่า ซ่งฝูเซิงรับหน้าที่ต้มอาหารเหลวให้ลูกม้า แต่ซ่งฝูหลิงห้ามไว้
เพราะนางรู้ว่าท่านพ่อของนางยุ่งมาก
ด้านหนึ่งก็เรื่องที่ต้นพริกที่งอกออกมาแล้ว พอเริ่มงอก อีกสิบกว่าวันถึงครึ่งเดือนก็จะโตเป็นรูปเป็นร่าง ยิ่งต้องเอาใจใส่ให้มาก
อีกด้านหนึ่งก็คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ท่านพ่อของนางจะงานยุ่งมาก เพราะต้องสั่งงานคนอื่นๆ
ได้ยินว่าทำแคร่เลื่อนออกมาได้สิบกว่าอันแล้ว
เช้าวันนี้ต้องพาคนหลายสิบไปที่ริมเขาเพื่อเก็บก้อนหินขนาดใหญ่ ในที่สุดพวกเด็กๆ ก็มีผู้ใหญ่พาออกไปข้างนอกแล้ว วิ่งตามออกไปกันอย่างบ้าคลั่ง
ข้างนอกอากาศเย็นมากใช่ไหมล่ะ ทั้งหิมะ ทั้งน้ำแข็ง ถึงแม้ก้อนหินจะหนัก แต่ก้อนหินที่เอามาสร้างบ้าน ทางที่ดีให้ขนย้ายในหน้าหนาว เพราะสามารถใช้แคร่เลื่อนลากกลับมาได้ ไม่เปลืองแรงมาก
ท่านพ่อของนางบอกว่า ต้องเก็บก้อนหินให้มากหน่อย
อันที่จริงบ้านหินเก็บความอุ่นได้มาก แต่แน่นอนว่าไม่ได้เอามาสร้างเป็นบ้านที่อยู่อาศัย แต่เอามาทำเป็นรั้วหรือไม่ก็ใช้สร้างห้องเก็บของ
จะให้ซื้ออิฐมาสร้างกำแพงกับห้องเก็บของอยู่บ่อยๆ ก็คงไม่ได้หรือเปล่า พอถึงเวลาที่ต้องใช้จำนวนมากๆ สร้างกำแพงกินพื้นที่เยอะ พวกเขามีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกัน
ด้วยเหตุนี้ซ่งฝูหลิงจึงให้ซ่งฝูเซิงไปทำงาน นางบอกว่านางจะทำอาหารให้เสี่ยวหงเอง
แต่ในบ้านมีสมาชิกเพิ่มเข้ามา ลืมไปเสียสนิท
ซ่งฝูหลิงรีบกลับบ้านไปเตรียมทำอาหารให้ลูกม้า
แม้ปากจะพูดจาร้ายกาจเพียงใด แต่ก็ทนเห็นมันอดตายไม่ได้
ซ่งฝูหลิงคิดในใจ แต่ละวันช่วยงานอะไรนางไม่ได้ หวังว่าอีกหน่อยจะพานางเข้าเมืองได้ อีกอย่าง ประเดี๋ยวหมี่โซ่วกลับมาถ้ารู้ว่านางปล่อยให้เสี่ยวหงหิวคงได้โกรธนางขึ้นมาจริงๆ
โจ๊กที่ทำจากแป้ง แครอท ซ่งฝูหลิงเพิ่งหิ้วถังอาหารของเสี่ยวหงออกจากบ้านก็ได้ยินคนตะโกนเรียกจากข้างนอก
วันนี้ซ่งจินเป่าก็ตามซ่งฝูเซิงออกไปปลดปล่อยด้วย เอ้อร์เนียนปาจึงเป็นเด็กลาดตระเวนแทน เวลานี้เอ้อร์เนียนปาตะโกนเสียงดัง “มีคนมา เก็บของเร็ว”
ทันใดนั้น ชาย หญิง คนแก่ เด็กเล็ก ก็มุดออกมาจากบ้าน รีบปีนบันไดไปปล่อยผ้าห่มม่านฟางที่เพิ่งเก็บไปช่วงเช้าลงมาอีกรอบ ด้านล่างก็ปิดล้อมให้รอบ บริเวณทางเข้าแปลงเพาะปลูกใต้ดินก็เทหิมะออกจากตะกร้ามากลบไว้
“ใครเหรอ” ซ่งฝูหลิงกับลุงซ่งที่อยู่บ้านชะโงกหน้าออกมาดู
เอ๊ะ ดูเหมือนจะเป็นรถม้าของโรงเตี๊ยมอีผิ่นเซวียน
เอ๊ะ ดูเหมือนว่าเจ้านายเฉินจะมาด้วยตัวเองนะ
เจ้านายเฉินมาก็แสดงว่าเกี่ยวข้องกับขนมเค้ก
ตอนนี้ย่าหม่าป่วยอยู่ ซ่งฝูเซิงไม่อยู่บ้าน เฉียนเพ่ยอิงอยู่ที่โรงเพาะปลูกพริก ท่านปู่ไม่รู้จักเจ้านายเฉิน ซ่งฝูหลิงจึงเดินออกจากบ้านไปต้อนรับ
ด้วยเหตุนี้ ‘ถังอาหาร’ ของเสี่ยวหงจึงถูกวางไว้ในห้องครัวอย่างเงียบๆ อีกครั้ง
ภายในคอกสัตว์
วัวนมสองตัวมองเสี่ยวหง บนสนทนาเป็นดังนี้
นี่มันจะน่าสงสารเกินไปแล้ว
วันนี้พวกเราสองตัวกินอิ่มกันไปสองมื้อแล้ว มันยังไม่ได้กินสักมื้อตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้
เออ นั่นสิ แต่ถึงจะน่าสงสาร มันก็ทำตัวเองทั้งนั้น ก่อนหน้านี้หนิวจั่งกุ้ยลองป้อนอาหารมันแล้ว ป้อนหญ้าไม่กิน ป้อนน้ำก็ไม่เอา ทำไม รอน้ำผึ้งงั้นเหรอ รอต่อไปเถอะ
ลูกม้าสีแดงพุทราไม่สนใจวัวนมสองตัว มันหมอบอยู่ตรงนั้น
มันก็ไม่ได้อยากหมอบนักหรอก มันอยากยืนต่อไปเรื่อยๆ แม้ต้องตายก็ต้องยืนไว้ไม่ก้มหัว
ทว่าเรี่ยวแรงไม่เอื้ออำนวย ทั้งหิวทั้งกระหายจนแข้งขาอ่อนแรง
ซ่งฝูหลิงที่ส่งเจ้านายเฉินกลับไปแล้วได้หิ้วถังอาหารเข้ามาด้วยความรีบร้อน
เดิมทีนางคิดว่าลูกม้าหิวมานานขนาดนี้น่าจะยอมแพ้แล้ว
ทว่าเมื่อเปิดฝาถังอาหารออก ถึงขนาดที่นางเห็นเสี่ยวหงน้ำลายไหลแล้ว แต่มันกลับเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน ไม่กิน แต่ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดดีดขาหลัง สีหน้าบึ้งตึงมาก
ชั่วขณะนั้นไม่รู้เพราะเหตุใดกลับทำให้ซ่งฝูหลิงใจอ่อนแล้ว
หยิ่งทะนงจริงๆ
“เสี่ยวหง ไม่ให้แกกินแอปเปิ้ลเป็นเรื่องจริงนะ ถ้าแกยังไม่เชื่อฟังอีก ที่บอกว่าจะให้แกไปเดินบนเส้นลวด กระโดดลอดห่วงไฟก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน” ซ่งฝูหลิงนั่งยองลงตรงหน้าลูกม้าแล้วพูดต่อ “แต่วันนี้ปล่อยให้แกต้องหิวอีกแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อยู่ๆ ก็มีแกเพิ่มเข้ามา นี่ก็ยุ่งจนลืมเสียสนิท กินเสียสิ พอใจไหม ต่อไปจะไม่ลืมแกอีกแล้ว”
ลูกม้าสีแดงพุทราดูเหมือนจะคิดอยู่นานถึงยอมรับได้ มันเริ่มก้มหน้าก้มตากิน
ซ่งฝูหลิงเทน้ำให้มันดื่ม
…
บุตรสาวจะไปพบคุณนายใหญ่ของจวนฉีอย่างนั้นรึ
คุณนายใหญ่ของจวนฉีคือพี่สาวแท้ๆ ของแม่ทัพเล็กลู่อย่างนั้นหรือ
เจ้านายเฉินก็มาด้วย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ให้หลายไห พอได้ยินว่าเขาไม่อยู่บ้านเลยมาครู่เดียวก็ไปอย่างนั้นเหรอ
ซ่งฝูเซิงลากแคร่เลื่อนที่บนนั้นมีก้อนหินขนาดใหญ่ เพิ่งมาถึงบ้านก็ได้ยินเรื่องนี้
หมี่โซ่วพาพวกเด็กๆ ไปดูเสี่ยวหงกันแล้ว เขาคิดถึงมันมากเหลือเกิน
วันนี้เดิมทีหมี่โซ่วอยากอยู่กับเสี่ยวหงตลอด เพิ่งมาอยู่บ้านใหม่ กลัวเสี่ยวหงจะปรับตัวไม่ได้
ทว่าก็ทนการรบเร้าของพวกซ่วนเหมียวจื่อที่อยากให้เขาออกไปไม่ไหว บอกว่ามีแค่เขาที่ไปขอท่านลุงว่าอยากตามไปด้วยได้ พวกเพื่อนๆ ถึงจะสามารถออกไปจากบริเวณบ้านที่ถูกขังไว้มานานแบบนี้ได้ ไปขนก้อนหินที่ริมเขากับพวกผู้ใหญ่แล้วก็ถือโอกาสออกไปเล่นด้วย เล่นลื่นน้ำแข็งอะไรทำนองนั้น หมี่โซ่วถึงได้ออกไปด้วย
ซ่งฝูเซิงเปิดประตูเข้าบ้าน เห็นท่านแม่ของเขาลุกขึ้นมาแล้ว นั่งอยู่บนเตียง กำลังเย็บรองเท้า ในมือของภรรยากำลังถือเข็มกับด้าย ดูเหมือนจะเย็บเสื้อผ้าอยู่
“ทำไมถึงต้องการพบเจ้า” ซ่งฝูเซิงถามบุตรสาว
ซ่งฝูหลิงส่ายหน้า นางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ประเด็นคือ เจ้านายเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก คาดว่าก็คงไม่รู้อะไรมากเหมือนกัน แค่ยิ้มพลางบอกว่าพรุ่งนี้ตอนสายๆ คุณนายใหญ่จวนฉี ซึ่งก็คือคนที่สั่งขนมเค้กจำนวนมาก ต้องการนัดเจอนาง เมื่อถึงเวลาจะมีรถม้ามารับ
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางได้รู้ว่า ที่แท้คนที่สั่งขนมเค้กก็คือพี่สาวของแม่ทัพเล็กลู่
ซ่งฝูเซิง “เพราะจดหมายฉบับนั้นหรือเปล่า นางคงอยากรู้อะไรหรือไม่”
ซ่งฝูหลิง “ท่านพ่อ ข้าก็รู้สึกว่าเป็นเพราะจดหมายฉบับนั้น หรือว่าข้าเขียนได้เย้ายวนใจ นางก็เลยอยากเรียนทำขนมเค้ก”
ท่านย่าหม่า เขียนจดหมายตั้งแต่เมื่อไร ในฐานะที่ข้าท่านย่าหม่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งครัวขนมเค้ก เรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมข้าถึงไม่รู้ “จะเป็นไปได้ไหมว่าอยากให้พั่งยาของพวกเราไปเป็นแม่ครัวอยู่ในจวน แบบนั้นไม่ดี ไม่ดี”
หากเข้าไปเป็นสาวใช้ในจวน ก็จะต้องเป็นสาวใช้ไปตลอดชีวิต
ลูกชายคนสามของนางเป็นคนรู้หนังสือ ตอนนี้นางก็กำลังหาเงิน ชีวิตดีกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่า มีสิทธิ์อะไรจะให้หลานสาวคนเล็กของนางไปเป็นสาวใช้ ต่อให้แม่ทัพเล็กจะเป็นคนดีสักเพียงใด พวกเขาติดค้างน้ำใจมากขนาดไหน ก็ไม่ได้ทั้งนั้น
“ไม่น่านะ” เฉียนเพ่ยอิงใช้ฟันกัดเส้นด้ายให้ขาด “คงสงสัยอยากลองถามดูหรือเปล่า”
ในสายตาของเฉียนเพ่ยอิง อย่างไรเสียไม่ต้องสนว่าเพราะอะไร นางต้องเตรียมตัวให้บุตรสาวไปพบคุณหนูสกุลใหญ่คนนั้นให้ดี ต้องช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย
อย่าได้สวมชุดแปลกประหลาด ต้องใส่กระโปรงไป
ท่อนล่างเป็นกระโปรงผ้าฝ้ายจับจีบ ข้างในเป็นกางเกงผ้าฝ้ายก็ไม่มีใครเห็น
จากนั้นท่อนบนก็ให้บุตรสาวสวมเสื้อคอกว้างแขนแคบ ยาวถึงเอว เสื้อตัวนอก เอาอย่างชุดคลุมมีหมวกแบบที่ขายในร้านเสื้อผ้า บุตรสาวของนางก็ต้องใส่ชุดคลุมแบบมีหมวกกับเขาด้วย
มิฉะนั้นหากใส่แค่เสื้อตัวใน ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรบุตรสาวของนางก็คงหนาวสั่นจนปากม่วง ขยับไม่ได้เป็นแน่
ดังนั้นตอนนี้เ รื่องที่โชคดีที่สุดก็คือ นางได้ฝึกตัดเย็บเสื้อผ้าของหมี่โซ่วกับซ่งฝูเซิงมาจนคล่องแคล่วประมาณหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เข้าเมืองก็ซื้อผ้าฝ้ายผ้าต่างๆ มาอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีผ้าสีเขียวเข้ม เอามาทำเป็นชุดคลุมได้
ก็แค่เวลากระชั้นชิด งานหนัก ต้องเสร็จให้ทันพรุ่งนี้ ถ้านางคนเดียวทำไม่ทันก็ต้องให้สตรีบ้านอื่นมาช่วยสักหน่อย
ท่านย่าหม่าห้ามเฉียนเพ่ยอิง “ยังจะไปหาคนอื่นทำไม ให้พี่สะใภ้รองของเจ้าช่วยสิ บอกว่าข้าสั่งมา ฟ้ามืดก็ห้ามนอน ต้องให้นางเย็บจนเสร็จให้ได้”
ซ่งฝูหลิงนั่งอยู่บนเตียง เปิดหนังสือพลางเกลี้ยกล่อม “ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอกท่านแม่” ขอแค่ข้างในนางใส่กางเกงกับเสื้อที่ช่วยให้ความอบอุ่น ข้างนอกนางจะใส่อะไรก็ได้ทั้งนั้น