นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านย่าหม่าเห็นหลานสาวโกรธ
ในความทรงจำของนาง หืม? ถ้าไม่นึกดูคงไม่ได้ใส่ใจ แต่พอนึกดูถึงได้ค้นพบทันทีว่า ไม่เคยมีความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับการโมโห
หลานสาวถ้าไม่หมดอาลัยตายอยาก นอนได้ ไม่มีทางนั่งอยู่เด็ดขาด ไม่ก็ใบหน้ายิ้มแย้ม
เป็นครั้งแรกที่พบว่า ถ้าหลานสาวโกรธขึ้นมา ลูกสามของนางกับลูกสะใภ้จะไม่พูดอะไร
ท่านย่าหม่ากอดผักกาดขาวพลางคิดในใจ ลูกสาม เจ้ายืนอยู่ข้างๆ คิดอะไรอยู่ ตกลงบ้านเจ้าใครเป็นใหญ่
ซ่งฝูเซิง เจ้าเก่งเจ้าก็จัดการเลย
เวลานี้ซ่งฝูหลิงชี้ม้าพลางดุหมี่โซ่ว “ต่อให้เจ้าชอบมันขนาดไหน คนกับสัตว์อยู่ในบ้านด้วยกันได้รึ ถ้าเนื้อตัวมันมีหมัดมีเหาล่ะ มีแมลงอื่นๆ อีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่สาวของเจ้าเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะกำจัดเหาได้”
หมี่โซ่วกำลังจะอ้าปาก
ซ่งฝูหลิงก็ขัดจังหวะ “อย่ามาเถียงข้าว่าไม่มี และก็ห้ามต่อรองกับท่านลุงท่านป้าของเจ้าแล้วด้วย ใครจะอนุญาตให้มันเข้ามาอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่อนุญาต ต่อให้บนตัวของมันไม่มีปรสิตก็ไม่ได้เหมือนกัน ม้าต้องขับถ่าย หมี่โซ่ว บ้านเราได้แค่ขับถ่ายเล็กในบ้าน ขับถ่ายใหญ่ไม่ได้ เดี๋ยวหนาวตาย พวกเรายังต้องออกไปขับถ่ายข้างนอกแล้วเจ้าจะให้ม้าขี้ในบ้านรึ”
เฉียนเพ่ยอิงโอบเฉียนหมี่โซ่วเข้ามาแล้วส่ายหน้าให้หมี่โซ่ว เพื่อบอกว่าอย่าเถียง
ซ่งฝูเซิงอยู่ข้างๆ เขาไอราวกับเป็นไข้ นั่งเติมฟืนอยู่หน้าเตา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ท่านย่าหม่ากอดผักกาดขาว หันไปหากะละมัง กะละมังบ้านเจ้าสามวางอยู่ตรงไหนนะ
ซ่งฝูหลิงเดินไปตะโกนเรียกตรงประตู “ซื่อจ้วง ซื่อจ้วง มานี่หน่อย”
ไม่นานซื่อจ้วงก็มาที่บ้านในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากไหน
ซ่งฝูหลิงสั่งให้ฉุดกระชากลากม้าออกไปไว้ในโรงเลี้ยงวัว
นางคิดว่านั่นก็ดีสำหรับเสี่ยวหงมากแล้ว
อย่ามองว่าให้ไปอยู่กับวัวสองตัว
ก่อนหน้านี้กลัวว่าเสี่ยวหงจะน้อยใจ ท่านพ่อของนางได้จัดการทำความสะอาดที่นั่นเสียใหม่ ทั้งยังปูฟางอย่างดีที่เจ้านายเฉินให้มาเพราะกลัวม้าหนาว ย้ายตำแหน่งวัวสองตัวให้โดยเฉพาะ ให้วัวไปอยู่ตรงที่มีช่องลมหน่อย เพื่อเอาจุดที่ดีกว่าให้ม้าอยู่ นึกไม่ถึงว่ายังจะเกิดเรื่อง
เสี่ยวหงถูกลากกลับมาที่นี่อีกครั้ง มันยังคงไม่ยอมเข้าไป
ซื่อจ้วงก็ไม่กล้าออกแรงกระชากมันมากนัก
เพราะเขารู้ว่าม้าตัวนี้น่าจะมีค่ามาก แผงขนบนตัวไม่มีสีอื่นเจือปนแม้แต่น้อย
ซ่งฝูหลิงเข้าไปในคอกก่อน ตีเสาไม้ที่ก่อนหน้านี้ใช้ล่ามวัว พลางพูด “รบกวนซื่อจ้วงออกแรงอีกนิด จากนั้นก็มัดมันไว้ให้แน่น เอาให้มันวิ่งหมุนไปไหนไม่ได้ ข้าจะดูว่ามันยังจะดีดขาหลังอย่างไรได้”
และแล้วเสี่ยวหงก็ถูกบังคับขู่เข็ญลากเข้าคอกใหม่
ตกเย็น ฟ้ามืดสนิท ทุกคนได้ปิดประตูไม้เข้าบ้านกันหมดแล้ว ‘แผงเหล็กแหลม’ วางเต็มหน้าประตู
ซ่งฝูเซิงหิ้วถังใบเล็กที่บรรจุโจ๊กข้าวหอมกรุ่นอยู่ครึ่งหนึ่ง ในนั้นประกอบไปด้วยแครอทที่หั่นเป็นลูกเต๋า มีขึ้นฉ่ายแช่แข็งที่ลวกแล้ว คลุกเคล้ากับเกลือและน้ำมันงา ถือกลับบ้านไปอีกรอบ
เฉียนเพ่ยอิงเหลือบมองที่ประตูแล้วถึงกระซิบถาม “มันไม่กินหรือ”
“ไม่กิน ไม่แม้แต่จะมองข้า”
“เลี้ยงให้เชื่องยากจริงๆ”
ซ่งฝูเซิงบอกว่า ก็ไม่ใช่หรอก ได้ยินว่ายิ่งมีสายเลือดชั้นสูงก็ยิ่งยอมก้มหัวยาก พอลองคิดดูดีๆ ก็เหมือนกับคน มีคนที่คิดไม่ได้จมไม่ลง ยอมถูกฆ่าแต่จะไม่ยอมก้มหัว ถึงขนาดที่ก่อนถูกฆ่ายังเชิดหัวขึ้น
ตรงประตูบ้าน ม่านฟางถูกแหวกออกเป็นช่องเล็กๆ มือน้อยๆ ของหมี่โซ่วจับม่านเอาไว้ ขณะที่กำลังจะออกไปพี่สาวก็กลับมา เท้าของเขาชะงักทันที
หมี่โซ่วได้ยินคำพูดของพี่สาว “ไม่กินรึ หรือว่าไม่หิว” จากนั้นนางก็หิ้วถังออกไป
เดิมทีหมี่โซ่วอยากตามออกไปดูว่าพี่สาวหิ้วถังออกไปทำไม
แต่ซ่งฝูเซิงดึงเขาไว้
ไม่ดึงไว้ไม่ได้หรอก แค่เดาก็รู้แล้วว่าลูกสาวของเขากำลังจะไป ‘ทรมาน’ ม้า
ม้ายังไม่เท่าไร อยากไปทรมานก็ไป แต่อย่าทำให้หมี่โซ่วของเราสะเทือนใจ
“เด็กดี กินแอปเปิ้ลด้วยสิ วันนี้เจ้ายังไม่ได้กินผลไม้เลยนะ”
ซ่งฝูเซิงแสร้งทำเป็นออกไปหยิบแอปเปิ้ลที่ด้านนอก เดินวนอยู่ตรงห้องใต้ดินหลังบ้านหนึ่งรอบแล้วรีบกลับมา
เนื่องจากในห้องใต้ดินมีแอปเปิ้ลกับสาลี่ขาว ท่านปู่หยวนจากอำเภออวิ๋นจงที่รู้จักกันตอนลี้ภัยซื้อให้ และก็มีที่ซื้อมาเอง วางไว้ในห้องใต้ดินเพื่อรักษาความสด
แต่ต่อให้ห้องใต้ดินรักษาความสดได้แค่ไหนก็ไม่สู้พื้นที่พิเศษ อีกทั้งตอนที่ซ่งฝูเซิงเพิ่งมาถึงที่นี่ ช่วงที่ออกไปข้างนอกไม่กี่ครั้ง ขอเพียงแต่ได้ออกไปก็จะขนซื้อมาเยอะแยะ ซื้อกลับมาก็แบ่งส่วนหนึ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดิน แต่ส่วนใหญ่เอาไว้ในพื้นที่พิเศษ
ก็แค่กลัวพลาดช่วงซื้อแอปเปิ้ลกับสาลี่เปรี้ยวช่วงสุดท้ายตอนต้นเดือนสิบเอ็ด เมื่อถึงตอนนั้นอยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้แล้ว แบบนั้นฤดูหนาวนี้หมี่โซ่วคงไม่มีผลไม้กิน จึงซื้อมาเก็บอยู่ไม่น้อย
“เชื่อลุง ข้างนอกอากาศหนาว อีกอย่างท่านป้าก็ต้องเอาพื้นรองเท้าของเจ้าออกมาวางผึ่งบนเตาด้วย เจ้านั่งกินแอปเปิ้ลไปแล้วกัน ลุงจะออกไปดูให้ว่าลูกม้าของเจ้าเป็นอย่างไร ดีหรือไม่”
ลูกม้าจะเป็นอย่างไรได้ ก็กำลังถูกข่มเหงน่ะสิ
คบเพลิงถูกจุด ทำให้มองเห็นเสี่ยวหงอย่างชัดเจน ข้างหน้ามีเด็กน้อยนั่งเรียงกินโจ๊กข้าวกันอยู่
ซ่งจินเป่านั่งอยู่หัวแถว ถือชามไม้นั่งยองอยู่ตรงประตูคอกม้า
ซ่วนเหมียวจื่อถามซ่งฝูหลิง “พี่พั่งยา ข้าขออีกชามได้หรือเปล่า”
ซ่งฝูหลิงเอามือลูบนอกถัง ยังไหว ยังอุ่นๆ อยู่ “ได้สิ” กลัวว่าเด็กน้อยกินแล้วจะปวดท้อง
ยายาพูด “อร่อยมากเลย” ยังไม่ลืมเป็นห่วงหมี่โซ่ว “หมี่โซ่วได้กินไหม”
ซ่งฝูเซิงแอบฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าพอแล้ว เขาเดินออก
เวลาสองทุ่มกว่า หมี่โซ่วอาศัยจังหวะที่ซ่งฝูเซิงกับเฉียนเพ่ยอิงไปสวนพริก พี่สาวก็ไปห้องทำขนมแล้ว เขาถือแอปเปิ้ลใส่รองเท้า หิ้วตะเกียงลงจากเตียง
น่าเสียดายที่ซ่งฝูหลิงได้ตามไปทันที
“เสี่ยวหง เสี่ยวหง เจ้าเป็นไงบ้าง พี่ข้าไม่ได้ตั้งใจ เจ้าอย่าโกรธนางนะ
พี่บอกว่า นางทำไปเพื่อให้เจ้าชินกับที่นี่ได้เร็วขึ้น
แต่ทำไมเจ้าไม่กินข้าวล่ะ ม้าไม่กินหญ้ากลางคืนจะไม่โต ไม่กินแล้วจะตัวสูงๆ ได้ยังไง
จริงสิ ข้าเอาผลผิงมาให้เจ้าด้วย ดูสิ”
ภายใต้แสงจากตะเกียง เห็นเพียงลูกม้าสีแดงพุทรา วินาทีที่หมี่โซ่วล้วงแอปเปิ้ลออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ดวงตาของมันก็เปล่งประกาย เงยหน้าขึ้นทันที
แต่น่าเสียดาย “หมี่โซ่ว เจ้าทำอะไร”
“พี่ ข้า” หมี่โซ่วถูกซ่งฝูหลิงสอนมา ยอมไม่ตอบดีกว่า ไม่เลี่ยงคำถาม ไม่พูด และก็ไม่หาข้ออ้าง
“เจ้าไม่กินแอปเปิ้ลแต่เอามาให้มันอย่างนั้นรึ”
ดวงตากลมโตของหมี่โซ่วเงยขึ้น เขาพยักหน้า “ใช่”
ซ่งฝูหลิงหน้านิ่วใส่ลูกม้า “แต่มันไม่ชอบกินแอปเปิ้ลนะ”
“หา?” หมี่โซ่วหันไปมองลูกม้าด้วยสีหน้าตกใจ “เจ้าไม่ชอบกินแอปเปิ้ลหรอกรึ”
ไม่ชอบกินก็แปลกแล้ว
เฉียนหมี่โซ่วถูกซ่งฝูหลิงพากลับเข้าบ้าน หลังจากถอดรองเท้าให้น้องชายเสร็จนางก็ไปที่สวนพริกเพื่อไปขอแอปเปิ้ล
ซ่งฝูเซิงหยิบออกมาจากพื้นที่พิเศษให้บุตรสาวสองผล
เวลานี้ซ่งฝูหลิงยืนอยู่หน้าลูกม้า นางกินหนึ่งผล เล่นหนึ่งผล “ที่แท้เจ้าก็อยากกินไอ้นี่ อยากกินใช่ไหม”
เสี่ยวหงไม่มองนาง
“ได้” ซ่งฝูหลิงพยักหน้า หยิ่งนัก
“เสี่ยวหง รู้ไหมว่าเมื่อก่อนข้าใช้ชีวิตแบบไหน ที่นั่นนะขับรถได้ไม่ต้องเดิน แต่พอผ่านการลี้ภัยมา ตอนนี้เท้าด้านเป็นชั้นๆ แล้ว อาหารเหลือจะให้ข้าเททิ้งน่ะหรือ ไม่มีทาง ช่างเถอะ พูดมากไปเดี๋ยวเจ้าจะตกใจกลัว…
…ขนาดข้ายังเป็นแบบนี้ รู้จักยอมรับความจริง เจ้า เป็นแค่สัตว์เลี้ยงก็เลิกคิดว่าตัวเองเป็นลูกม้าตัวโปรดของคุณชายเจ้าได้แล้ว ที่นี่คือบ้านสกุลซ่ง…
…เด็กๆ ของพวกเราที่นี่ไม่ได้กินแอปเปิ้ล เจ้ายังคิดเอาแต่ใจจะกินแอปเปิ้ล ข้าป้อนขนมฝูหลิงให้เจ้ากินก็พอแล้วมั้ง…
…ไม่จำเป็นต้องตามใจเจ้า…
…ไม่ยอมรึ”
เสี่ยวหงหันไปอีกด้าน
ซ่งฝูหลิงเดินขึ้นหน้า “ไม่ยอม ไว้วันหน้าข้าจะตั้งคณะละครสัตว์ให้เจ้าเดินบนเส้นลวด ให้เจ้ากระโดดลอดห่วงไฟ”
พูดจบซ่งฝูหลิงก็ยืนตรงหน้าลูกม้าสีพุทราแดง ท่าทางแบบที่ว่าถ้าเจ้าไม่มองข้าเห็นทีจะไม่ได้ จะไปหลบที่ไหน เจ้าถูกมัดไว้อยู่
“เห็นนี่ไหม แอปเปิ้ลสองผล ข้ากินไม่ไหว ไม่กินแล้ว แต่ไม่ให้เจ้าหรอกนะ”
ฟึ่บๆ สองที ตวัดมือโยนแอปเปิ้ลเข้าไปในพื้นที่พิเศษต่อหน้าลูกม้า หายไปแล้ว ซึ่งๆ หน้า
ลูกม้า “…”
วัวนมสองตัว “เอ๋? ผลไม้ของเจ้านายล่ะ”
“ไม่รู้สิ ตกใจจนนมหดเลยเนี่ย”