ซ่งฝูหลิงอยากตีน้องชาย ไม่ใช่เพราะ ‘สายลมแคว้นเหนือ น้ำแข็งจับตัวพันลี้อะไรนั่น’ แต่เป็นเพราะเพลงนั้น
ฉันล่ะเสียใจจริงๆ
ทำไมตอนนั้นถึงได้ขี้เกียจ เปลี่ยนเนื้อเพลงเป็น ‘พี่แม่ทัพเล็ก’ ไปเสียได้
ถึงแม้หลังจากที่หมี่โซ่วร้องเพลงนั้นเป็น ตอนเจอพ่อของเธอ จะแก้เนื้อเพลงเป็น ท่านลุง โดยอัตโนมัติ เจอแม่ของเธอเดี๋ยวก็แก้เป็น ท่านป้า เดี๋ยวก็แก้เป็นอาจารย์ เพื่อให้ร้องเข้าคู่กับเขา
แต่เวอร์ชั่นดั้งเดิมแรกสุดที่เธอสอนก็คือ พี่แม่ทัพเล็ก
ตอนนั้นคิดว่าหมี่โซ่วไม่ได้ศรัทธาหรือคิดถึงแม่ทัพเล็ก เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นเขาแล้วกัน อีกอย่างมันก็เข้ากันดี คนๆ นั้นดูท่าทางตวัดอาวุธคล่องแคล่ว กระบองกวาดเรียบ ต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ มุ่งมั่นไปที่คนๆ นั้น เอาคนที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นเป็นแบบอย่าง
แต่ว่า?
รู้แบบนี้ไม่สู้ใส่เป็น ซื่อจ้วง วิทยายุทธ์ของซื่อจ้วงอันที่จริงก็พอสู้ได้
คราวนี้เป็นไงล่ะ หมี่โซ่วได้เจอ ‘ตัวจริงของต้นฉบับ’ เข้าแล้ว อีกทั้งหมี่โซ่วยังได้บอกเขาว่า พี่สาวเป็นคนแต่งเนื้อร้อง พี่สาวร้องว่าพี่แม่ทัพเล็ก
ซ่งฝูหลิงยกถ้วยชา อยากกลืนภาพเหตุการณ์นี้ลงท้องไปพร้อมกับน้ำชาเสีย รีบลืมให้หมด ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
“พี่ พี่แม่ทัพเล็กถามถึงพี่ด้วยนะ”
“ถามว่าอะไร”
“ถามเรื่องพี่เขียนหนังสือ ข้าบอกว่าพี่สาวของข้าเขียนอักษรบนขนมเค้กเอง เขียนสวยมากด้วย และก็เคยเขียนบนหิมะ เขียนสวยเหมือนกัน ก็แค่ข้าอ่านไม่ออก”
“แค่กๆๆ” เฉียนเพ่ยอิงรีบเข้าไปลูบหลังให้ลูกสาว ห้ามดื่มน้ำขณะพูด ทำไมไม่รู้จักจำ
ซ่งฝูหลิงเอามือเช็ดคราบน้ำตรงมุมปาก “หมี่โซ่ว ข้าเขียนอักษรเป็นอยู่ไม่กี่ตัว เจ้าไม่รู้รึ”
อักษรที่ตอนนี้เขียนเป็นล้วนเป็นคำอวยพร อย่างพวก ‘สายลมใบไม้ผลิ หลิวพลิ้วไสว นกน้อยบินคล้อยตามลมไป’ ที่อยู่บนขนมเค้ก
ทำไมน้องชายถึงได้ยกย่องเธอเป็น ‘สตรีมากความสามารถ’ เห็นๆ อยู่ว่าเธอเป็นพวก ‘มั่วไปเรื่อย’
เฉียนหมี่โซ่ว พี่สาว ท่านจะถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว
“พี่ วันนี้ข้ายังได้กินขนมฝูหลิงด้วยนะ” พอพูดถึงของกินหมี่โซ่วก็ร้อนใจขึ้นมาทันที เงยหน้าสะกิดต้นขาเฉียนเพ่ยอิง “ท่านป้า จริงสิ สุดท้ายท่านป้าได้ซื้อไก่นั่นหรือเปล่า”
“เจ้ามานี่ก่อน” ซ่งฝูหลิงดึงตัวน้องชาย “ตอนเจ้ากินขนมฝูหลิง พูดจาส่งเดชอะไรหรือเปล่า”
“หืม? ข้าแค่พูดว่า พี่สาวของข้าก็ชื่อฝูหลิง ถามพี่ชายว่าใช่ฝูหลิงเดียวกับขนมฝูหลิงหรือไม่ พี่ชายบอกว่าใช่”
“จากนั้นล่ะ”
“จากนั้นข้าก็พูดว่า ถ้าเช่นนั้นไม่เท่ากับพวกเราสองคนกินพี่สาวของข้าหรือ พี่ชายก็สำลักเหมือนพี่เมื่อกี้เลย” หมี่โซ่วตอบเสร็จก็หันหน้าไป “ท่านป้า ไก่ล่ะ”
ขณะนั้นเองซ่งฝูเซิงก็เปิดประตูห้องเดินเข้ามาพลางถาม “ไปบ้านที่ใหญ่โตของเขา บ้านหลังนั้นดีหรือไม่ล่ะ”
เฉียนหมี่โซ่วเอามือกุมท้อง “ก็ดีอยู่หรอก ใหญ่มากเลย ดูอย่างละเอียดก็ดูไม่หมด เดินก็ไม่ไหว ต้องใช้เกี้ยวแบกไป ข้าถูกพี่ชายอุ้มขึ้นเกี้ยวด้วย เพียงแต่ไม่มีข้าวให้กิน ข้าแอบส่งสัญญาณแล้วก็ยังไม่สนใจ ท่านลุง ข้าอยากกินไก่”
เจ้านายเฉินเพิ่งมาถึงประตูก็หันตัวเดินออก
พอได้ยินว่าคุณชายน้อยหิวแล้ว จะปล่อยให้เด็กที่มีค่าแบบนี้หิวได้อย่างไร ทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
งั้นอะไรล่ะ เด็กอยากกินไก่ใช่ไหมล่ะ
ไก่นึ่ง ไก่ตุ๋น คั่วไก่ ผัดไก่สับ ไก่กรอบ ผัดไก่ลูกเต๋า ผัดไก่ชิ้น
เสริมด้วยผัดสามสหาย ผัดโป๊ยเซียน ข้าวโพดแพนึ่ง หน่อไม้นึ่ง จัดเต็มไปเลย
ซ่งฝูเซิงห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ กินไม่ไหวแล้ว เจ้านายเฉินบอก “จึ๊ คนกันเอง เห็นพี่ชายคนนี้เป็นคนนอกรึ”
เฉียนหมี่โซ่วอยู่ในห้อง นั่งแทะน่องไก่เสียจนปากมันแผล็บ
ซ่งฝูหลิงก็เคี้ยวแก้มตุ่ย กินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อครู่นางยังกลุ้มใจเรื่องที่น้องชายไปพูดจาส่งเดช เวลานี้ลืมไปหมดสิ้นแล้ว พูดให้ถูกยิ่งกว่าคือ ก็ไม่ใช่ว่าลืมหรอก ใช่ อย่างไรเสียก็ไม่ได้เจอแม่ทัพเล็ก เขาอยากจะคิดอย่างไรก็คิดไป ไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องที่ไม่มีประโยชน์
เฉียนเพ่ยอิงก็กินข้าวกับเด็กๆ นางยังได้ลุกขึ้นไปเติมข้าวชามใหญ่ให้ตัวเองอีกหนึ่งชามด้วย
นางรู้สึกหิวตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้มัวแต่เป็นห่วงหมี่โซ่วไม่มีอารมณ์กิน ตอนนี้เด็กน้อยกลับมาแล้วและก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด แบบนั้นก็กินข้าวได้
นั่นก็หมายความว่า มีเพียงซ่งฝูเซิงที่ยุ่งอยู่ ไม่ได้อยู่ในห้อง
เขากำลังปฏิเสธเจ้านายเฉิน
“เอาไปสิน้องซ่ง เรียกเจ้าว่าน้องซ่งคงได้ใช่ไหม ข้ามองข้ามไป”
ซ่งฝูเซิงพูด “ได้ เดิมทีก็ควรเรียกพี่เฉินอยู่แล้ว…
…เพียงแต่ได้สร้างความยุ่งยากให้มากแล้ว…
…ดูสิ ก่อนหน้านี้ทำขนมเค้กให้ไม่ครบ ทำให้พี่เฉินที่เป็นคนกลางลำบาก ต้องพลอยอกสั่นขวัญแขวนไปด้วย ต่อให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป แต่ยามนี้ท่านแม่ป่วยอยู่ อีกสองสามวันนี้คงมาส่งขนมแบบเมื่อก่อนที่ตกลงกันไว้ไม่ได้ เรื่องที่เดิมทีคุยกันไว้ดิบดีต้องมาทำให้ทางโรงเตี๊ยมเสียการเสียงานไปด้วย…
…ต่อมาเมื่อเช้าพี่เฉินยังไปที่โรงเตี๊ยมทางตอนใต้ของเมืองเป็นเพื่อนข้า ช่วยออกหน้าอธิบายให้ ทั้งยังไปโรงน้ำชาเป็นเพื่อน และก็อาศัยความสัมพันธ์ช่วยอธิบายให้ แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว พอหมี่โซ่วกลับมายังจัดอาหารมากมายให้อีก...
…กินดื่มที่นี่แล้วยังจะรับของไว้ได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น…
…พี่เฉิน รีบเรียกคนมาเอากลับไปเถอะ ข้ารับไว้ไม่ได้”
“จึ๊” ใบหน้าอวบอ้วนของเจ้านายเฉินสั่น สีหน้าบึ้งตึง น้องเฉิน ข้าพบว่าข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าก็คือชอบเกรงใจข้า
พี่ชายมีไว้ทำอะไร เรียกว่าพี่ คนเป็นพี่ก็มีประโยชน์เวลานี้นี่แหละ
อีกทั้ง
“หญ้าเลี้ยงม้าของบ้านข้าไม่ได้มีค่าอะไร แป้งทำอาหารกับรำข้าวที่ไม่ดีพวกนั้นก็ราคาไม่เท่าไร ม้าบ้านข้าเป็นม้าอะไร อาหารชั้นดีก็คือเปลือกรำข้าวสาลีกับฟาง กินของเหลือจากในโรงเตี๊ยม อาหารชั้นแย่ก็คือพวกซากพืช ทนถึกจะตาย…
…แต่ม้าที่จวนกั๋วกงมอบให้เจ้า นั่นเป็นม้าอะไร เจ้าออกไปดูสายตาของม้าตัวนั้นสิ มันกินของพวกนั้นได้รึ เจ้าอย่าทำให้มันต้องกล้ำกลืนฝืนทน เชื่อข้า เลิกพูดเถอะ”
เจ้านายเฉินพูดจบก็สั่งบ่าวรับใช้ขนอาหารนานาชนิดที่เอามาจากบ้านไว้สำหรับเลี้ยงม้าขึ้นรถ อาทิหญ้าแห้ง แป้งทำอาหาร ข้าวสาร สารพัดผักแช่แข็งที่อยู่ในโรงเตี๊ยม เช่น ปวยเล้ง ขึ้นฉ่าย เขากุลีกุจอไม่หยุด กลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ครอบครัวของซ่งฝูเซิงจะหนีกลับก่อน
สุดท้ายก็รับน้ำผึ้งโถใหญ่มาจากเถ้าแก่ เจ้านายเฉินอุ้มโถไปยัดใส่อกซ่งฝูเซิง เขาเอาน้ำผึ้งที่โรงเตี๊ยมเก็บไว้ทำอาหารทั้งหมดยกให้ ทั้งยังคิดว่า ไว้คราวหน้า ครั้งนี้ฉุกละหุก เตรียมไม่พร้อม คราวหน้าจะเตรียมไว้ให้ซ่งฝูเซิงเยอะหน่อย
“ไม่ได้ นี่มันแพงเกินไป”
“เอาไป ไม่ได้ให้เจ้าเสียหน่อย ให้ม้า รีบเอาไป”
ซ่งฝูหลิงที่กำลังลงมากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่อีกแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้คล้ายตอนตรุษจีนในยุคปัจจุบัน ลุงป้าน้าอาให้แต๊ะเอีย คุณพ่อคุณแม่บอกไม่เอา ลุงป้าน้าอาบอกว่าไม่ได้ให้พวกเธอสองคนสักหน่อย เอาให้หลาน รีบรับไป
“ไปแล้วนะ หมี่โซ่ว?”
ครอบครัวซ่งฝูเซิงนั่งอยู่ในรถม้า ซ่งฝูเซิงกระซิบเตือนหมี่โซ่ว “ชะโงกหน้าออกไปลาท่านลุงสิ”
เฉียนหมี่โซ่วชะโงกหน้าออกไปนอกรถแล้วโบกมือให้เจ้านายเฉินกับเถ้าแก่ “ท่านลุง ไว้เจอกันใหม่ ช่วยเก็บเข่งไว้ให้พวกเราด้วยนะ”
“อืมๆ วางใจได้” เจ้านายเฉินดีใจแทบตาย เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่จะพูดกับเขา ยังตั้งใจจะมาหาเขาอีกด้วย เขาตะโกนกลับไป “เดินทางปลอดภัย ไม่ต้องรีบร้อน”
มีลูกค้าถามด้วยความไม่เข้าใจว่านี่ใคร
ใครน่ะหรือ ไม่บอกหรอก
วันๆ เขาต้องคอยต้อนรับคนชั้นสูง แต่นั่นก็แค่เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกค้า เขาเปิดร้านอาหาร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนชั้นสูงไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น แต่ครั้งนี้ บางทีอาจได้ใกล้ชิดกับคนชั้นสูงอย่างแท้จริงก็ได้
ส่วนพวกซ่งฝูเซิง ขามามีรถม้าสองคัน ขากลับยิ่งใหญ่กว่าเดิม
มีทั้งรถม้าที่บรรทุกหีบใหญ่สามใบ รถม้าที่บรรทุกอาหารม้า ไหนจะของที่ครอบครัวเขาซื้ออีก ข้างๆ ยังมีลูกม้าสง่างามเดินตามมาด้วย
ซ่งฝูหลิงเปิดม่านของรถม้า ชะโงกหน้าออกไปดูลูกม้าล้ำค่า นางเองก็สงสัย
แต่ลูกม้ากลับเหล่มองนางเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนีพร้อมเสียง หึ
“ชิ ข้าก็ไม่อยากจะสนใจเจ้าเหมือนกัน”