เขารู้สึกผิด? ต่อฉัน?
โรเอลมองเทเรซาอย่างสับสน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าและเขียนลงใน สมุดจดของตัวเองต่อไป
‘ผู้สวมใส่ชุดเกราะนักรบเงาควรจะรู้สึกได้ถึงการตื่นขึ้นของผู้ที่มา จากตระกูลของคุณ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลย’
‘วิลเลียมคิดว่ามันเป็นความผิดของตัวเอง นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขา เอาจริงเอาจังกับการจะพาคุณไปจากที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงคําทํานายที่สาม มากๆ’
“…”
โรเอลนิ่งเงียบเมื่ออ่านข้อความในสมุด
เด็กหนุ่มมีความสงสัยว่าทําไมวิลเลียมไม่สังเกตเห็นการตื่นของเขา และปัญหาก็ไม่จําเป็นต้องอยู่กับวิลเลียมเอง แตกต่างจากบรรพบุรุษ ของเขา สายเลือดของโรเอลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยการกระตุ้นเทียมจาก ระบบ นั่นอาจเป็นช่องโหว่ในเกราะนักรบเงา
ไม่มีเหตุผลที่วิลเลียมจะต้องรู้สึกผิดเลย
โรเอลไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่เขารู้สึกโกรธขึ้น เรื่อยๆ เด็กหนุ่มกําหมัดแน่นและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ จากนั้นก็ หลับตาและพยายามเข้าใจเหตุผลที่เขาไม่สบอารมณ์เช่นนี้
โรเอลได้เรียนรู้เรื่องราวของวิลเลียมและการมีอยู่ของ ‘มาตรการ ความปลอดภัย’ ที่อาจช่วยเขาให้รอดพ้นจากการสถานะผู้เฝ้ามอง แต่ เขาไม่ได้รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย มันกลับทําให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก
ตามหลักเหตุผลแล้ว โรเอลสามารถเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการ กระทําของตระกูลอาร์เด้ได้
แทบทุกเผ่าพันธุ์ได้กระทําสิ่งทารุณในสมัยโบราณเพื่อให้แน่ใจว่า เชื้อสายของพวกตนจะคงอยู่ต่อไป สิ่งที่ตระกูลอาร์เด้ทํานั้นไม่รุนแรง นักเมื่อเปรียบเทียบและพิจารณาถึงความแข็งแกร่งกับความสําคัญของ สายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าควรใช้ มาตรการด้านความปลอดภัยดังกล่าวเพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้ ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลอาร์เด้ จากมุมมองของผู้ได้ประโยชน์
ตระกูลอาร์เด้ทําผิดรึเปล่า?
บรรดาผู้ที่เลือกสวมชุดเกราะนักรบเงา ได้กระทําโดยสมัครใจ อาจ เป็นเพราะพวกเขาเป็นหนี้ตระกูลอาร์เด้ และเต็มใจที่จะชดใช้ให้ด้วย ชีวิต
ตระกูลอาร์เด้ไม่เพียงแต่ยึดติดกับชีวิตอย่างไร้ยางอายเท่านั้น พวกเขารู้ว่าการปกป้องผู้ปลุกพลังของสายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชามี ความสําคัญเพียงใดต่อภารกิจของตน ตลอดหลายชั่วอายุคน ผู้ปลุก สายเลือดแห่งตระกูลอาร์เด้ได้สละชีวิตเพื่อปราบปรามภัยพิบัติที่ คุกคามมนุษยชาติ ทําให้ประชาชนทั่วไปมีชีวิตที่สงบสุข
คนหนึ่งเต็มใจสละชีวิตของเขา และอีกคนหนึ่งต้องมีชีวิตอยู่เพื่อ บรรลุภารกิจ มันเป็นหุ้นส่วนร่วมกันโดยสมัครใจ โรเอลจะไม่กล่าว วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนอื่น แต่เขาไม่สามารถยอมรับได้ เมื่อมันเกิดขึ้นกับตัวเอง
ภายใต้ไฟถนน โรเอลลืมตาและมองดูเทเรซาอย่างใจเย็นลง
“เทเรซา ฉันเข้าใจทุกสิ่งที่เธอพูดแล้ว ต้องขออภัยด้วย… แต่ฉันไม่ สามารถยอมรับคําปฏิญาณของวิลเลียมได้”
“!”
เทเรซาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินการตัดสินใจของโรเอลหลังจาก ครุ่นคิดอยู่นาน เธอไม่เข้าใจการตัดสินใจของอีกฝ่าย เธอจึงรีบจด คําถามลงในสมุดจดทันที
‘ทําไมล่ะ? วิลเลียมเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติธรรมชาติที่ทรง พลังมากนะ ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะช่วยคุณได้’
“ฉันไม่ปฏิเสธ แต่เทเรซา เธอคงไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่าง ตระกูลอาร์เด้กับตระกูลแอสคาร์ดของพวกเราสินะ”
ปากกาของเทเรซาหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคําพูดที่ไม่คาดคิด เด็กสาว กะพริบตาอย่างสับสนไม่รู้จะตอบอย่างไร ทําให้โรเอลหัวเราะเบาๆ กับ ปฏิกิริยาของเธอก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าตระกูลอาร์เด้เป็นอินทรีแห่งเงา ตระกูลแอสคาร์ดคงจะเป็น นักรบที่ภาคภูมิ และยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยาก”
โรเอลจ้องมองไปที่ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวที่อยู่ห่างไกล ในขณะที่เขาพูดพลางครุ่นคิด
“เชื้อสายของตระกูลอาร์เด้ถูกตัดขาดตั้งแต่เริ่มยุคที่สาม กว่าพันปี ที่ผู้ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด ไม่มีบันทึก พิธีกรรม คาถา เวท หรือคําสาบานใดๆ ให้ต้องพึ่งพา ผู้ปลุกพลังของเราทุกคนถูกโยน เข้าสู่สภาวะที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ที่ปลุกพลังขึ้นมาได้ ถึงกระนั้นเราก็ สามารถเอาชนะอุปสรรคและเอาตัวรอดได้ ทําไมถึงเป็นอย่างนั้นรู้ ไหม?”
“เหตุผลนั้นง่ายมาก เราเป็นนักรบที่พร้อมต่อสู้กับโชคชะตา ไม่ว่า จะเป็นชะตากรรมของความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชะตากรรมของ ตระกูลที่เสื่อมทราม หรือชะตากรรมของการสูญเสียคนที่เรารัก
อันตรายเป็นสถานการณ์ของเราเสมอมา แต่เราไม่ได้วางแผนที่จะก้ม หัวให้พวกมัน นี่คือจิตวิญญาณที่พวกเราโอบรับและเป็นเกียรติของ พวกเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเราถึงสามารถดํารงอยู่ได้เป็น พันปีแม้จะขาดเชื้อสายก็ตาม”
“ราชาแห่งยุคโบราณอาจได้รับภูมิปัญญาที่ทําให้พวกเขา หลีกเลี่ยงอันตรายได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในฐานะนักรบแห่งตระกูล แอสคาร์ด ความคิดที่จะต้องใช้มนุษย์อีกคนหนึ่งเป็นเครื่องมือ และทํา ให้คนคนนั้นต้องตายแทนฉันทําให้เกียรติของฉันป่นปี้ มันละเมิด เกียรติยศของเหล่าผู้ที่ทําให้ตระกูลแอสคาร์ดแข็งแกร่งขึ้น และสหาย ของฉันจะต้องไม่พอใจแน่ ถ้าฉันเลือกที่จะยอมรับคําสาบานนั้น”
คําพูดอันแน่วแน่นี้ ทําให้เทเรซาเบิกตากว้าง
ในมิติอันห่างไกล แม่มดผมขาวพึมพําชื่อวีรบุรุษของเธอด้วย รอยยิ้มลึกลับ เทพธิดาแห่งผืนปฐพีหลับตาลงอย่างสงบ ในที่ราบสี เลือดโครงกระดูกยักษ์ขนาดมหึมาปล่อยแสงแวววาวจากดวงตาของตน แสดงความชื่นชมต่อสหายนักรบ
“ฉันเชื่อเสมอในการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและทําทุกอย่างเพื่อ ความอยู่รอด อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดต้องการใครสักคน มาเป็นตัวตายตัวแทน ทุกรุ่นต่างมีสถานการณ์ของตัวเอง และมีเข็ม ทิศทางศีลธรรมที่ต่างกัน แม้ว่าฉันจะรู้สึกขอบคุณบรรพบุรุษของฉัน
อย่างเวนดี้ อาร์เด้ที่เตรียมมาตรการความปลอดภัยให้ แต่ฉันเกรงว่าฉัน คงจะไม่สามารถยอมรับคําปฏิญาณนี้ได้”
โรเอลไม่คิดว่าเขาอยู่ในฐานะที่จะประณามตระกูลอาร์เด้ได้ แต่ เขาก็จะไม่หันหลังให้กับหลักการของตนเองเช่นกัน
เทเรซาจ้องที่โรเอลด้วยดวงตาที่งุนงงขณะที่เธอครุ่นคิดกับคําพูด ของเขา มีคําพูดมากมายผุดขึ้นในอกของเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าจะ แสดงออกอย่างไร ไม่นานเธอก็หยิบปากกาขนนกของเธอขึ้นมา
‘แต่วิลเลียมเองก็ดื้อรั้นมากเช่นกัน เขาจะไม่ยอมแพ้แน่ๆ เขาเชื่อ ว่ามันเป็นภารกิจของเขา นี่คือทุกสิ่งที่เขาพยายามอย่างหนักมาโดย ตลอด’
โรเอลคิดทบทวนคําพูดเหล่านั้นก่อนที่จะหันไปมองทางโค้งตรงหัว มุมถนน เขาจ้องไปที่โค้งพลางครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะหันศีรษะกลับไป มองเทเรซาในที่สุด
“ฉันหวังว่าเขาจะสามารถคิดทบทวนทางเลือกและเลือกเป้าหมาย ของตัวเองได้นะ”
เป้าหมายของตัวเอง?
“ถ้าเขายืนกรานที่จะอุทิศชีวิตเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ตามคําทํานายอัน ไกลโพ้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะคืนดีกัน ฉันคงจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องปฏิเสธเขาต่อไป อย่างไรก็ตามถ้าเขาเต็มใจที่จะเปลี่ยน เป้าหมายตัวเองให้กลายเป็นสหายที่แท้จริงของฉัน เป็นใครบางคนที่จะ ยืนหยัดและต่อสู้เคียงข้างฉัน ฉันจะใช้วิธีการของอาณาจักรแห่งภาคี อัศวินเพนเดอร์ เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าชะตากรรมได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ จําเป็นต้องเสียสละอีกต่อไป”
โรเอลพูดด้วยความมั่นใจสูงสุด โดยรู้ว่าคําทํานายที่สามได้ถูก ทําลายลงไปแล้วด้วยคําพูดเหล่านั้น เขาลุกขึ้นและกล่าวคําอําลา
“ถ้าอย่างนั้นเทเรซา มาจบการสนทนาของเราแค่นี้เถอะ ฉันรู้สึก ขอบคุณที่เธอยินดีแจ้งเรื่องเหล่านี้ให้ฉันทราบ”
‘ไม่ มันถูกต้องแล้ว ที่ฉันทําแบบนี้’
โรเอลพยักหน้าก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกจากถนนการค้า
เทเรซามองดูเงาที่กําลังจากไปของโรเอลด้วยรอยยิ้ม เมื่อในที่สุด เขาก็หายตัวไป เธอจึงหันไปมองทางโค้งตรงหัวมุมถนน ในที่สุดเงาหุ้ม เกราะก็เดินออกมาจากโค้ง