จังหวะนั้นเอง การระเบิดหลายครั้งก็สะท้อนออกมาจากโขดหินที่ เงายืนอยู่ ร่างจําแลงของเทเรซาหายไปทีละตัว และเทเรซาตัวจริงก็ถูก บังคับให้ลอยขึ้นไปในอากาศ
ซึ่งเธอก็ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการโจมตีที่ทรงพลังเป็นชุด
“เผาไหม้”
“แช่แข็ง”
“บิดเบือน”
คําพูดขององค์หญิงวาจาคาถา กลายเป็นภัยพิบัติด้วยการเติมพลัง เวท ไฟนรกแผดเผาลงมาจากท้องฟ้า แต่อุณหภูมิด้านล่างลดลงอย่าง รวดเร็วจนแทบจะทําให้เลือดของคนคนหนึ่งแข็งตัว พร้อมกับพลังเวท ที่ล่องหนซึ่งทําให้ทุกสิ่งรอบตัวบิดเบี้ยว
ชุดของปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นโดยเวทหกแฉก ทําให้เกิดเสียง อุทานจากเหล่าผู้ชม เหล่าผู้ฝึกหัดของสมาคมเวทหกแฉกต่างมีสีหน้า ตกตะลึงไม่เชื่อสายตาไปตามๆ กัน
คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดการสรรสร้างของเทเรซา ช่วยเพิ่ม ความแข็งแกร่งให้เวทหกแฉกของเธอ ด้วยความสามารถอันน่าทึ่งของ
เธอในเวทหกแฉกทําให้เธอสามารถร่ายเวทที่เหนือกว่าผู้ใช้เวทหกแฉก ทั่วๆ ไปมาก
การทิ้งระเบิดของคาถาเวทขนาดใหญ่หลายครั้งอาจดูน่ากลัว สําหรับผู้ชม แต่โรเอลรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ตัวล่อ เขาสังเกตเห็นว่าเทเรซา กําลังปรับการหายใจของตัวเองในอากาศ และพลังเวทก็เปล่งประกาย เจิดจ้าอยู่รอบๆ ตัวเธอ
ไม่นานหมอกก็เริ่มลอยขึ้นอีกครั้ง
ภาพเงาของเทเรซาดูบอบบางและเล็กจ้อยในสายตาของโรเอล แต่ พลังเวทที่เธอเปล่งออกมานั้นเหนือกว่าเคิร์ตร่างยักษ์เสียอีก ภายใต้ สายตาที่จับจ้องของเขา เธอเริ่มแสดงอาวุธในฐานะอัศวินคนหนึ่งของ อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ออกมา
“บีบอัด บรรจบ…”
เทเรซาสร้างหอกสีดําที่ทําจากคาถาเวทหกแฉก ทันทีที่มันปรากฏ ขึ้น ท้องฟ้าก็ดูมืดลงตามการมีอยู่ของมัน แขกผู้มีเกียรติซึ่งนั่งอยู่ในชั้น ที่นั่งวีไอพีตบโต๊ะและลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ พวกเขาเพิ่งเห็น
“อาวุธที่สร้างจากเวทหกแฉก? นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ความสําเร็จที่ขัดต่อสามัญสํานึกของโลกย่อมทําให้เกิดความตก ตะลึง
อย่างไรก็ตาม เทเรซายังไม่จบแค่นี้
“ทะลวง จู่โจม ทําลายไม่ได้ เร่งความเร็ว…”
คาถาเวทมากกว่าหนึ่งโหลถูกร่ายมนตร์เข้าไปในหอกสีดํา ทําให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ เกิดเป็นประกายระยิบระยับ เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี
โรเอลรู้สึกทึ่งกับวิธีการของอีกฝ่าย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขา จะกลัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคาถาเวทหกแฉกของเทเรซานั้นทรงพลังมาก แต่สหายของโรเอลเองก็เป็นเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคโบราณ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถดึงความสามารถเต็มที่ออกมาได้ แต่เขาก็ไม่คิด ว่าตัวเองจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย หากหอกสีดําในมือของเทเรซาเป็น ตัวแทนของท้องฟ้ายามค�าคืน เทพธิดาแห่งผืนปฐพีของโรเอลก็เป็น ตัวแทนของโลกที่ไม่มีวันยอมสยบ
“โจมตีหรือป้องกัน?”
เปตราถาม
“โจมตี!”
โรเอลตอบ
“ดีมาก”
เมื่อมองดูท้องฟ้าเบื้องบน โรเอลก็เริ่มใช้พลังเวทของตน งูขนาด ใหญ่ที่อยู่ข้างใต้เริ่มเรืองแสง เมื่อเปตราเริ่มรวบรวมพลังแห่งผืนโลก
ฝ่ายหนึ่งเป็นตัวแทนของท้องฟ้า และอีกฝ่ายเป็นตัวแทนของผืน ปฐพี พลังเวทสองรูปแบบถูกบีบอัดจนสุดขั้วและปลดปล่อยออกมา เด็กสาวบนท้องฟ้าตวัดนิ้วชี้ลง พร้อมหอกสีดําเริ่มเคลื่อนลงมาด้วยแรง กระตุ้นอันน่ากลัว
ดวงตาของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีเรืองแสงประกายเป็นการ ตอบสนอง เธอรวบรวมหินหนืดใต้ดิน แปลงร่างเป็นดาบสีแดงเข้มพุ่ง ขึ้นข้างบน
ตูม!
การชนกันทําให้เกิดแสงสลัวที่ท่วมไปทั้งบริเวณในทันที ทําให้ทุก สิ่งมีชีวิตในบริเวณใกล้เคียงสับสน ทุกอย่างดูเหมือนจะหายไป ไม่เหลือ อะไรเลยนอกจากการปะทะกันระหว่างแสงสว่างและความมืด
ผู้ชมในสนามแข่งรีบหลับตาเพื่อตอบสนองต่อแสงที่ทําให้ตาพร่า มัวจากการฉายภาพ ระดับของการทําลายล้างที่เกิดขึ้นจากการปะทะ กันของผู้เข้าแข่งขันทั้งสอง ทําให้ทุกคนสั่นสะท้าน
แฟนๆ ของทั้งสองฝั่ งแอบมองผ่านรอยแยกระหว่างนิ้วของตัวเอง และขอให้แสงสว่างจางลงอย่างรวดเร็วเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาดู การต่อสู้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ในสนามโรเอลได้เปิดใช้งานเอสเซนด์วิง ฉับพลันปีก สีทองคู่หนึ่งก็สยายออกมา ท้องฟ้าไม่ได้เป็นสถานที่เฉพาะสําหรับเทเร ซาอีกต่อไป โรเอลเก็บปีกของเขาไว้เป็นความลับตลอดเวลา เพื่อที่จะ หาโอกาสใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด คลื่นกระแทกที่เกิดจากการชน ครั้งก่อนทําให้เขามีที่กําบังในอุดมคติที่จะเปิดการโจมตีทีเผลอ
โรเอลทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยแรงที่ไม่อาจหยุดยั้ง เจาะทะลุ ผ่านหมอก
เทเรซาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเปิดปากพูดคาถาต่างๆ เพื่อหยุดเขา แต่โรเอลไม่ได้มาคนเดียว
“อาร์เทเชีย”
เขาเรียกเทพเจ้าคนที่สามของตนออกมา
แม่มดผมขาวปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ทันที เธอชี้นิ้วออกไปและทําลาย คาถาเวททั้งหมดที่เทเรซาเรียกได้อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกัน พลังเวทในอากาศก็ดูเหมือนจะพุ่งไปตามอาร์เทเซีย เทเรซาตื่นตระหนกเมื่อพบว่าประสิทธิภาพของเวทหกแฉกของเธอ ลดลง เมื่ออาร์เทเชียเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ไม่สามารถร่าย มนตร์เพื่อหนีได้อีกต่อไป
ในที่สุดโรเอลและเทเรซาก็เผชิญหน้ากัน
เทเรซาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็ไม่สามารถพูดคําว่า ‘ตาย’ ออกมา ได้ เมื่อถึงเวลานั้นโรเอลก็กดดาบสั้นของเขาไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนที่ ทั้งสองจะมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
และแล้วงานประลองก็จบลงไปอีกคู่ “เทเรซา คอนสแตนตินตกรอบ ผู้ชนะคือโรเอล แอสคาร์ด!”
… “ ว้าว!” “โรเอล! โรเอล! โรเอล!”
ทั้งสองถูกเคลื่อนย้ายกลับไปที่สนามแข่ง ซึ่งพวกเขาได้พบกับ เสียงเชียร์และเสียงปรบมือดังลั่นดังสนั่นจากฝูงชน การที่โรเอลเลือกจะ ไม่ทําร้ายเทเรซาในนาทีสุดท้าย ทําให้ผู้สนับสนุนของเธอหลายคนก็ยก ย่องเขาไว้ในระดับสูง
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสนามแข่งทั้งหมดกําลังขานชื่อของเขา
อย่างไรก็ตาม โรเอลรู้สึกว่าเขาไม่ได้เอาชนะเทเรซาอย่างยุติธรรม และตรงไปตรงมา
เทเรซาออมมือให้เขาในวินาทีสุดท้าย หากเธอเลือกที่จะพูดคําที่ เกี่ยวข้องกับความตาย อาร์เทเชียจะถูกบังคับให้เน้นพลังของเธอไปที่ การปกป้องโรเอลแทน ดังนั้นการควบคุมของเธอเหนือพลังเวทโดยรอบ จะหายไป ทําให้เทเรซาสามารถย้ายตัวเองและหนีออกไปได้ และการ ต่อสู้ก็คงจะถูกยืดออกไป
ถึงกระนั้นก็ตาม โรเอลก็ยังมั่นใจว่าเขาจะยังคงเป็นผู้ชนะใน ท้ายที่สุด เวทหกแฉกของเทเรซามีพลังเวทที่เข้มข้นกว่าเทพเจ้าโบราณ ของโรเอล ทําให้เธอเหนื่อยไวกว่าเขา ดังนั้นการต่อสู้ที่ยาวนานจะทําให้ เขาได้เปรียบ
‘ขอบคุณที่แสดงความเมตตากับฉันนะโรเอล’
“ไม่ ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดแบบนั้น แม้แต่ในช่วงเวลา วิกฤติ เธอก็ยังหลีกเลี่ยงการสาปแช่งฉันตรงๆ”
‘ฉันไม่สามารถทําอย่างนั้นกับโรเอลได้หรอก นั่นมันจะเป็นการดู หมิ่นเกินไป’
โรเอลประหลาดใจที่อ่านคําเหล่านั้น แต่ในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมา
เขาถือว่าเทเรซาเป็นเพื่อนตั้งแต่แรกเริ่ม และอีกฝ่ายเองก็มี ความรู้สึกแบบเดียวกัน แม้แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาทั้งสองก็ยังให้ ความสําคัญกับมิตรภาพมากกว่างานประลอง การต่อสู้ที่กลมกลืนกัน เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบรองชนะเลิศของศึกชิงถ้วย
การต่อสู้สิ้นสุดลง แต่เทเรซายังคงครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ครู่ต่อมา เธอ เขียนบางอย่างลงในสมุดบันทึกและแสดงให้โรเอลดู
‘โรเอล ถ้าวิลเลียมชนะการต่อสู้ ฉันขอเชิญคุณไปที่ร้านขายน�า ผลไม้คืนนี้ได้ไหม มีบางอย่างที่ฉันอยากจะคุยกับคุณ’
“หืม? ได้ ไม่มีปัญหา” โรเอลตอบ เทเรซายิ้มอย่างโล่งใจ
ภายใต้เสียงปรบมืออย่างไม่หยุดยั้งจากฝูงชน ทั้งสองออกจาก สนามแข่งและมุ่งหน้าไปที่ห้องแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ
โรเอลนึกถึงคําขอของเทเรซาและคิดว่าเธอคงอยากจะพยายาม ไกล่เกลี่ยระหว่างวิลเลียมกับเขา แต่พูดตามตรง เขาคิดว่าโอกาสที่วิ ลเลียมจะเอาชนะลิเลียนในการต่อสู้นั้นน้อยมาก
มีความแตกต่างกันมาก แม้กระทั่งในหมู่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับแก่นแท้เดียวกัน
ลิเลียนได้รับสถานะผู้เฝ้ามองเช่นเดียวกันกับโรเอล แม้ว่าเธอจะไม่ สามารถทําสัญญากับเทพเจ้าโบราณได้เนื่องจากความไม่ลงรอยกันของ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิด แต่ในฐานะผู้ครอบครองสายเลือดตระกูล แอสคาร์ด พลังเหนือธรรมชาติของเธอก็ยังก้าวหน้าอย่างมากด้วยการ กวาดล้างสถานะผู้เฝ้ามอง ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เสี่ยงตายของเธอกับ ราชาจอมเวทที่ได้มอบประสบการณ์การต่อสู้อันแสนล�าค่า และ ยกระดับเธอให้สูงขึ้นไปอีก
ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าวิลเลียมน่าจะเพิ่งก้าวไปถึงระดับแก่น แท้ 3 ได้ไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงน่าจะมีช่องว่างระหว่างเขากับลิเลียน
แน่นอนว่าข้อสันนิษฐานของโรเอลนั้นมาจากการที่พวกเขาสอง คนต่อสู้กันอย่างเต็มที่ อาจมีตัวแปรอื่นๆ ที่อาจเข้ามามีบทบาท ซึ่งจะ ส่งผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้ เช่น ภูมิประเทศ
ขณะครุ่นคิดถึงคําถามเหล่านี้ โรเอลก็ไปที่ห้องแพทย์เพื่อ ตรวจสอบร่างกาย
และแล้วผู้เข้าแข่งขันอีกคู่หนึ่งก็เดินเข้าไปในสนามแข่ง