อารมณ์ของโรเอลดีขึ้นมากหลังจากได้ยินคําพูดของเคิร์ตตอน สิ้นสุดการต่อสู้ ความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ภายในตัวเขาเนื่องจากชื่อ เสียของกรันด้าได้ถูกชะล้างลงไปครึ่งหนึ่ง แต่ใครจะไปคิดว่านักเรียนจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท จะมาส่งข่าวที่ น่าตกใจให้เขาในเวลานี้กัน “อะไรนะ! นอร่าถอนตัวจากงานประลองงั้นเหรอ?” โรเอลถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาถึงกับสงสัยว่าได้ยินอะไรผิดไปรึเปล่า นอร่ายอมแพ้? ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย! แม้ว่าศึกชิงถ้วยจะไม่ได้มีความสําคัญเป็นพิเศษสําหรับคนอย่าง นอร่าและชาร์ล็อต แต่ศักดิ์ศรีจากการชนะงานประลองจะเพิ่ม ความชอบธรรมให้กับพวกเธอ นอร่ากําลังเข้าสู่รอบ 4 อันดับแรก แต่ แล้วทําไมเธอถึงถอนตัวออกไปตอนนี้กัน? นอกจากนี้มันยากที่จะจินตนาการว่าคนหัวแข็งอย่างนอร่าจะยอม จํานนง่ายๆ
โรเอลที่กําลังสับสนงุนงงตั้งคําถามกับนักเรียนตรงหน้า แต่ที่ทําให้ เขาประหลาดใจมากขึ้นไปอีกก็คือ อีกฝ่ายเผยให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนที่จะพูด ขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ฝ่าบาทยังไม่ได้แจ้งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าท่านจะมี สภาพร่างกายที่ไม่ปกติ”
“เธอพูดว่ายังไงนะ?”
ใบหน้าของโรเอลมืดลง เขารีบตามนักเรียนหญิงคนนั้นกลับไปที่ สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าทันที
… “ ฝ่าบาท ท่านโรเอลมาถึงแล้วเพคะ” “อืม พวกเจ้าที่เหลือก็ออกไปได้แล้ว” “เพคะฝ่าบาท”
ภายในห้องนั่งเล่นที่ให้บรรยากาศแห่งความสง่างามแบบดั้งเดิม นอร่านั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะน�าชาริมหน้าต่าง เธอไล่ขุนนางจากจักรวรรดิ เซนต์เมซิทคนอื่นๆ ในห้องออกไปก่อนจะยิ้มให้เด็กหนุ่มผมดําที่เดินเข้า มา
“เจ้าดูเคร่งเครียดนะ นานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้ ของเจ้า การต่อสู้ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
“ฉันซัดเจ้าคนที่ทําหยิ่งผยองคนนั้นไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่สําคัญ เลยสักนิด ฉันได้ยินมาว่าเธอถอนตัวจากงานประลองศึกชิงถ้วย เกิด อะไรขึ้นกันแน่?”
“จะว่ายังไงดีล่ะ มีปัญหานิดๆ หน่อยๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของข้า”
“!”
ร่องรอยความวิตกกังวลก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของโรเอล
ไม่ใช่ว่าเขากําลังวิตกอย่างไร้สาเหตุ แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่านอร่าไม่มี ทางป่วยธรรมดาแน่ๆ
ทูตสวรรค์เป็นเผ่าพันธุ์แห่งความบริสุทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ สืบทอดสายเลือดแห่งทูตสวรรค์เช่นนอร่า มีภูมิคุ้มกันต่อสถานะที่ ผิดปกติส่วนใหญ่ทั้งหมด หากมีสิ่งใดที่สามารถหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันของ สายเลือดแห่งทูตสวรรค์และเข้าถึงเธอได้ ก็หมายความว่าเธออยู่ใน สภาพที่เลวร้ายมาก
นั่นทําให้โรเอลกังวลใจมากและเริ่มถามถึงอาการของเจ้าตัว แต่อีก ฝ่ายกลับแค่กะพริบตาช้าๆ อย่างคนกําลังครุ่นคิดแทน ปฏิกิริยาของนอ ร่าทําให้เขารู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึก… โหยหา”
“โหยหา?”
“ครั้งสุดท้ายที่เจ้าดูกังวลมากขนาดนี้ คือตอนที่เราติดอยู่ในโบสถ์ เก่าๆ ในสถานะผู้เฝ้ามอง”
การคิดถึงประสบการณ์ในวัยเด็กทําให้เกิดรอยยิ้มจางๆ บนริม ฝีปากของนอร่า โรเอลเริ่มสับสนกับคําพูดที่ได้ฟัง แต่เขาก็ยังสามารถ เชื่อมโยงจุดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นไปได้ไหมว่าเธอ…”
“อืม ข้ารู้สึกได้ว่าพลังทางสายเลือดของข้าเริ่มเต้นเป็นจังหวะ มัน อาจจะตื่นขึ้นสู่ระดับทองในไม่ช้านี้”
“เร็วไปไหม?”
โรเอลเบิกตากว้างเมื่อได้รับการยืนยัน นี่เป็นความแตกต่างอย่างมี นัยสําคัญจากเนื้อเรื่องในเกมอายออฟโครนิเคิล
จากที่เขาจําได้ในเกม นอร่าไม่ได้พัฒนาพลังทางสายเลือดของ ตัวเองเลย แม้ว่าจะก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 แล้ว ทําไมพลังทางสายเลือดของเธอ ถึงได้ตื่นขึ้นมาในขณะที่พวกเขายังอยู่ในชั้นปีที่ 1 กัน? นี่มันเร็วกว่า กําหนดไปมาก
สถานการณ์นี้ทําให้โรเอลกังวลยิ่งขึ้น
การปลุกพลังสายเลือดแตกต่างจากการพัฒนาในระดับแก่นแท้ มันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้กําลังมาก ทําให้ร่างกายมีภาระมากมาย ฉะนั้นการตื่นที่เร็วเกินไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หรือก็คือนอร่ากําลังอยู่ในสถานะล่อแหลมเหมือนกับสมัยเด็ก ใน ตอนที่พวกเขาอยู่ในสถานะผู้เฝ้ามอง ถ้าเธอไม่มีผู้ปกครองคอยนําทาง ให้นั่นย่อมเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก ร่างกายของเธอยังอ่อนวัยเกินกว่า ที่จะทนต่อแรงกดดันจากการตื่นของพลังทางสายเลือดได้อย่าง เหมาะสม
โรเอลกลัวว่าสถานการณ์ในครั้งนี้ของเด็กสาวจะเลวร้ายลงไปอีก เขาเผลอปล่อยความกังวลผ่านเสียงออกมาดังๆ และนอร่าก็ตอบด้วย รอยยิ้ม
“เจ้ากังวลมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ข้าเข้าร่วมงานประลองนี้ ด้วยความหวังว่าจะได้พัฒนาพลังเหนือธรรมชาติของตัวเอง และการ ตื่นขึ้นของพลังทางสายเลือดก็แสดงให้เห็นว่าข้าได้บรรลุเป้าหมายแล้ว เจ้าควรจะแสดงความยินดีกับข้าไม่ใช่เหรอ?”
“มันเป็นโอกาสที่ดีก็จริง แต่ความเสี่ยงมันก็…”
“ข้ารู้ ไม่ต้องห่วง ข้ากําลังเตรียมตัวกลับสู่จักรวรรดิเซนต์เมซิท”
เมื่อมองไปยังโรเอลที่กําลังทุกข์ใจ ริมฝีปากของนอร่าก็ขดเป็น รอยยิ้มอันแสนหวานและอธิบายแผนการของเธอ
“ปีการศึกษานี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว และข้าก็ไม่มีอะไรให้ทํา หลังจาก ถอนตัวจากงานประลองศึกชิงถ้วย ข้ามีเวลาเหลือเฟือที่จะกลับไปยัง จักรวรรดิเซนต์เมซิท และเตรียมพร้อมสําหรับการปลุกพลังทาง สายเลือด”
“…ใช่ นั่นเป็นความคิดที่ดี”
“ข้าหวังที่จะได้แลกหมัดกับเจ้าในศึกชิงถ้วย แต่ดูเหมือนข้าจะทํา ตามความปรารถนาไม่ได้เสียแล้ว ข้าคงทําได้แค่มองดูเจ้าคว้าถ้วย รางวัลมามอบให้เท่านั้น”
“นั่นเป็นคําสั่งงั้นเหรอฝ่าบาท? ดูเหมือนว่าขุนนางผู้ต�าต้อยนี้ คง จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะรับคําสั่งเสียแล้วกระมัง”
โรเอลหยอกล้อกับนอร่าและโค้งคํานับเธออย่างเป็นทางการ แต่ เขาก็ยังไม่สามารถขจัดความกังวลในใจออกไปได้อยู่ดี
“เกี่ยวกับการปลุกพลังทางสายเลือดของเธอน่ะ ฉันคิดว่าเธอไม่ ควรกดดันตัวเองมากเกินไป ถ้ามันอันตรายเกินไป การยอมแพ้ก็เป็น ทางเลือกที่ดีเช่นกัน แค่สายเลือดระดับเงินในวัยของพวกเราก็ดีมาก แล้ว… พูดตามตรง ฉันไม่อยากให้เธอเสี่ยงไปมากกว่านี้”
“เจ้าไม่รู้ใช่ไหม ว่าการได้ยินคําพูดพวกนี้จากเจ้ามันช่างน่าขัน… หึ เจ้าคงไม่ได้กลัวว่าข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าใช่ไหม?”
“พูดอะไรของเธอน่ะ เอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน”
“ข้าคงจะบังคับอะไรเจ้าไม่ได้ เว้นแต่ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าใช่ ไหมล่ะ? อา ข้าคิดถึงช่วงเวลาที่เจ้าอ่อนแอกว่าข้าจริงๆ”
“…”
ทูตสวรรค์ตัวน้อยหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ความแข็งแกร่งระหว่าง พวกเขาสองคนยังห่างชั้น ย้อนกลับไปในตอนนั้น โรเอลแสดงสีหน้า ลําบากใจทุกรูปแบบเมื่อใดก็ตามที่เธอเคลื่อนไหวมาใกล้เขา
นอร่าเริ่มเข้าใจความคิดนี้เป็นครั้งคราว ในตอนที่โรเอลก้าวสู่ ระดับแก่นแท้ 4 และตามเธอทัน หลังจากที่เขาได้รับพลังจากเปตรา ตาชั่งระหว่างพวกเขาก็สมดุลกัน ทําให้ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขา กลายเป็นเหมือนสงครามชักเย่อ ที่เธอจะโจมตีแล้วเขาก็จะตอบโต้
ความคิดที่จะสามารถยึดครองพื้นที่ที่สูงกว่าได้อีกครั้งทําให้นอร่า รู้สึกตื่นเต้น
เมื่อนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ โรเอลก็พูดอะไรไม่ออก
ผู้คนมักมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยาน อันยิ่งใหญ่ของตัวเองหรือปกป้องอาณาจักรของตนไม่ใช่เหรอ? ทําไม พอเป็นเธอแล้ว มันจะต้องเป็นเพียงเครื่องมือในการเติมเต็มรสนิยม แปลกๆ ตลอดเลย…
โรเอลจับหน้าผากตัวเองและกังวลถึงอนาคตของจักรวรรดิเซนต์เม ซิท โดยไม่รู้ว่าเขาจะถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ที่ล่อลวง ราชินีหรือเปล่า
หลังจากที่นอร่ารับรองกับเขาว่าเธอจะเลือกอย่างรอบคอบ เด็ก หนุ่มก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ
หลังออกมาจากคฤหาสน์ของนอร่าได้ไม่นาน โรเอลก็กลับไปที่ คฤหาสน์สีกรมท่าด้วยฝีเท้าอันหนักอึ้ง เขาไม่เคยคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
มาก่อน แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งชุดเกราะของพอลและ พัฒนาการของนอร่านั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณา
เห็นได้ชัดว่าผู้คนรอบตัวโรเอลเติบโตเร็วกว่าในเกมอายออฟโครนิ เคิลมาก มันอาจดูเหมือนข่าวดีในทีแรก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นผลลัพธ์ที่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่งั้นหรือ?
ขณะใคร่ครวญคําถามนี้ โรเอลก็เดินไกลออกไปพร้อมกับคิ้วที่ ขมวดแน่น