บทที่ 406: อย่าปฏิเสธเธอ (1)
【กริ๊ง !】
【คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา:
คืนนี้อย่าปฏิเสธคำขอของ อลิเซีย แอสคาร์ด 】
“…”
อย่าปฏิเสธคำขอของอลิเซียในคืนนี้? อะไรกันเนี่ย?
เมื่อดูการแจ้งเตือนของระบบที่เข้ามาในหัว โรเอลก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตา แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้เหมือนกัน โรเอลยังคงจำได้ดีที่อลิเซียเคยเสนอให้พวกเขาไปอาบน้ำด้วยกัน มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอยังพูดแบบนั้นอีกครั้ง
ไม่มีทางที่โรเอลจะยอมรับอะไรแบบนั้นได้แน่ ๆ
แค่คิดก็ลำบากใจแล้ว
นัยน์ตาของโรเอลเพ่งไปที่อัฒจันทร์ผู้ชม มองเห็นหญิงสาวผมแดงและเด็กสาวผมเงินนั่งชิดกัน อลิเซียกำลังโบกมือให้เขาอย่างมีความสุข ซึ่งเขาเองก็โบกมือให้เธอกลับไป
ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่ต้องกังวลให้เสียเวลาดีกว่า ค่อยไปลุ้นเอาดาบหน้าทีเดียวก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาคำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาได้พิสูจน์ประสิทธิภาพของตัวเองมาโดยตลอด ณ จุดนี้ โรเอลจึงตัดสินใจว่าจะไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แพทย์รีบพาโรเอลออกจากสนามประลองไปยังห้องตรวจร่างกาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เนื่องจากอุปกรณ์เวททดแทนประจำตัวยังไม่บุบสลาย ดังนั้นเขาจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปได้ หลังจากการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องตรวจ เขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมืออันอบอุ่นจากสมาชิกในฝ่าย สิ่งแรกที่โรเอลรู้ก็คือ เงินรางวัลในชัยชนะของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ
ในรอบคัดเลือกเซลิน่าเป็นผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งในกลุ่มของพวกวิลเลียม และภูมิประเทศของสนามแข่งอย่างป่าราตรีนิรันดร์ก็สร้างความได้เปรียบให้กับเธอเป็นอย่างมาก กลับกันแล้วโรเอลไม่เคยเปิดเผยพลังของอาร์เทเชียออกมาในสองรอบก่อน ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้จึงทำให้ผู้ชมเชื่อว่าผลการประลองนั้นชัดเจนแล้วว่าใครเป็นผู้ชนะ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบวางเดิมพันกับเซลิน่า
เป็นผลให้เงินรางวัลสำหรับชัยชนะของโรเอล พุ่งสูงถึง 3.15 เท่าเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น
มันพุ่งขึ้นสูงมากเสียจนแม้แต่โรเอลยังตกตะลึงเมื่อได้ยินเข้า เงินรางวัลพนันสำหรับผู้เข้าแข่งขันตัวเต็งมักจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกเดิมพันกับช่วงเวลาการต่อสู้ตัวต่อตัว แทนที่จะเป็นชัยชนะของตัวเอง
โชคดีที่คราวนี้ โรเอลไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถควบคุมเวลาได้เมื่อต้องรับมือกับเซลิน่า ดังนั้นเขาจึงให้อลิเซียลงเงินข้างเขาแทน น่าแปลกที่มันจบลงด้วยการเพิ่มผลกำไรสูงสุดของเขาขึ้นไปอีก
นี่ทำให้โรเอลประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนของเขามากกว่า 100,000 เหรียญทอง ด้วยอัตรานี้ เขาอาจจะสามารถปลดหนี้ที่มีกับชาร์ล็อตได้ก่อนสิ้นสุดงานประลองศึกชิงถ้วยด้วยซ้ำ!
หลังจากพักผ่อนอยู่พักหนึ่ง โรเอลก็เลือกที่จะไม่กลับไปที่สถาบันการศึกษาในทันที เขาอยู่ในสนามประลองเพื่อชมงานประลองคู่ต่อไป โดยหวังว่าจะได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งของเขา
งานประลองดำเนินไปถึงรอบ 32 อันดับแรกแล้ว แต่เพื่อน ๆ ของโรเอล และนักเรียนที่ย้ายมาก็ยังไม่มีใครถูกคัดออก แม้แต่พอลที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถเอาชีวิตรอดผ่านสองรอบแรกได้ด้วยการเรียกอาวุธและชุดเกราะที่ทรงพลังออกมา
พอลโชคดีที่ได้สู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 5 ในรอบแรก แต่โชคของเขาหมดลงในรอบที่สอง เมื่อเขาถูกจับคู่กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 4 ทุกคนรวมทั้งโรเอลคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุดการเดินทางของพอลในงานประลองครั้งนี้
ทว่าสนามรบของพวกเขากลับกลายเป็นทะเล
สนามทางทะเลมักจะถูกมองว่าเป็นกลางต่อผู้เข้าแข่งขันทุกคน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ในน้ำ ฝูงชนต่างก็คิดว่ามันจะต้องดุเดือดไปด้วยการต่อสู้ของพลังที่แท้จริง
ทว่าด้วยการสลับจากชุดเกราะของพอล ทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ สนามแข่งได้อย่างอิสระราวกับว่าเขาอยู่ในสนามหญ้าที่บ้าน ด้วยข้อได้เปรียบในด้านความคล่องตัว เขาจึงสามารถหนีคู่ต่อสู้และค่อย ๆ โจมตีสวนอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ จนชนะ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้คนพากันแปลกใจ ทำให้ทุกคนตระหนักว่าภูมิประเทศมีความสำคัญเพียงใดในการสู้รบ และนั่นก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนรีบวางเดิมพันไปกับเซลิน่าเมื่อมาถึงการต่อสู้ในรอบของโรเอล
โรเอลพูดได้เพียงว่าพอลนั้นโชคดีอย่างเหลือเชื่อ นี่อาจเป็นเพียงสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าดวงของตัวเอก
หากเปรียบเทียบแล้ว เกอรัลมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่ามาก เขาสามารถเอาตัวรอดได้ในสองรอบแรก แต่ทุกรอบที่ผ่านมาได้นั้นล้วนหืดขึ้นคอ
สำหรับนอร่า ชาร์ล็อต และลิเลียน ทั้งสามสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ของตัวเองได้สบาย ๆ โดยเฉพาะชาร์ล็อต ด้วยความเชี่ยวชาญในการทำนายของเธอ เธอจึงสามารถทำนายได้ทั้งรูปแบบของสนาม รวมไปถึงจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ด้วย
มันอาจจะไม่ได้ผลกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งกว่ามาก แต่เมื่อพูดถึงคู่ต่อสู้ที่มีระดับแก่นแท้เดียวกัน การเตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนของเธอนั้นยากที่จะรับมือได้
ยกตัวอย่างในรอบที่แล้ว ชาร์ล็อตต่อสู้กับจอมเวทที่ถนัดคาถาเวทวงกว้างในสภาพแวดล้อมตัวเมือง ประกอบกับการที่จอมเวทคนนั้นมีพลังทางสายเลือดที่ทำให้เขาสามารถปกปิดการไหลเวียนพลังเวทได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เขากลายเป็นมือปืนซุ่มยิงที่น่ากลัว
จอมเวทคนนั้นรู้มาก่อนแล้วว่าจิตวิญญาณทองคำของชาร์ล็อตเชี่ยวชาญในการป้องกันเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรอเวลาเพื่อเตรียมร่ายคาถาเวทอันยิ่งใหญ่ หวังจะระเบิดผ่านจิตวิญญาณทองคำของชาร์ล็อต และคว้าชัยชนะในการโจมตีครั้งเดียว
ทว่าสิ่งต่าง ๆ กลับไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องหลายร้อยแห่ง ชาร์ล็อตคาดเดาตำแหน่งของจอมเวทคนนั้นได้อย่างแม่นยำและขัดขวางการร่ายของเขาอย่างเด็ดขาด ทันทีที่การร่ายคาถาของเขาถูกขัดจังหวะ ความพ่ายแพ้ของเขาก็ถูกตัดสินไว้แล้ว
เมื่อเทียบกับบทละครของชาร์ล็อต การต่อสู้ของนอร่าและลิเลียนนั้นน่าเบื่อกว่ามาก เพราะพวกเธอจะบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าทุกครั้ง
สำหรับนักเรียนที่ย้ายมา แต่ละคนต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
หนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดคือเทเรซา ซึ่งเอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอได้อย่างง่ายดายผ่านคาถาเวทหกแฉก
เพราะกังวลว่าตนเองจะสร้างความเสียหายมากเกินไปด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นคำว่า ‘ตาย’ เทเรซาจึงระมัดระวังการเลือกคำพูดอย่างมาก เธอมักจะใช้เวลาในการหลบหลีกคู่ต่อสู้และค่อย ๆ แกะอุปกรณ์เวททดแทนของคู่ต่อสู้ออกอย่างช้า ๆ
รูปแบบการต่อสู้ของวิลเลียมนั้นเรียบง่ายกว่ามากโดยเน้นที่ประสิทธิภาพเป็นหลัก เขาจะเข้าไปใกล้ศัตรูอย่างรวดเร็วและตัดสินด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว
นี่อาจเป็นงานประลองศึกชิงถ้วยที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้
นักเรียนปีที่ 1 ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเนื่องจากข้อยกเว้นพิเศษ ต่างแสดงความสามารถของพวกเขาออกมาอย่างยอดเยี่ยมในงานประลอง โดยยึดครองมากกว่ายี่สิบช่องในร้อยอันดับแรก แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในรอบ 32 คน พวกเขาก็ยังคงครองตำแหน่งถึงสิบสองที่
นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งมาก จนถึงฝูงชนเริ่มขนานนามนักเรียนระดับปีที่ 1 ของสถาบันเซนต์เฟรย่าในปัจจุบันว่าเป็นรุ่นยุคทอง อย่างไรก็ตามโรเอลรู้ดีว่าความจริงนั้นแตกต่างกันมาก
แม้นักเรียนที่ย้ายเข้ามาทั้งเจ็ดคนจะเป็นนักเรียนชั้นปีที่ 1 แต่มีเพียงวิลเลียมเท่านั้นที่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นนักเรียนระดับปีที่ 1 จริง ๆ ตามอายุ
หลักสูตรการศึกษาของพื้นที่ต่าง ๆ ในทวีปเซียนั้นไม่ได้มาตรฐาน สิ่งที่สอนในสถาบันการศึกษาเซนต์ฟรานของอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ และสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล นั้นแตกต่างกันมาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักเรียนที่ย้ายเข้ามาทั้งเจ็ดคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเริ่มเป็นนักเรียนระดับปีที่ 1 แม้ว่าเคิร์ตที่มีพลังสายเลือดแห่งยักษ์ จะเป็นนักเรียนปีที่ 3 ใน สถาบันการศึกษาเซนต์ฟรานแล้วก็ตาม
ด้วยการปลอมอายุทำให้นักเรียนที่ย้ายเข้ามาดูโดดเด่นมาก
นักเรียนชั้นปีอื่น ๆ ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเองก็ค่อนข้างน่าประทับใจเช่นกัน เช่นผู้ถือแหวนกุหลาบเขียวของชั้นปีที่ 2 กลินท์ โดรัน และผู้ถือแหวนกุหลาบเทาของชั้นปีที่ 4 เอ็ดเวิร์ด พอตเตอร์ ในบรรดาพวกเขา เอ็ดเวิร์ด พอตเตอร์ได้รับการกล่าวขานว่าใกล้จะก้าวไปสู่ระดับแก่นแท้ 3
ก่อนที่จะลงทะเบียน โรเอลและผู้ถือแหวนคนอื่น ๆ สองคนนี้มักจะมองว่า ผู้ถือแหวนกุหลาบม่วงเป็นผู้นำโดยพฤตินัย
กลินท์ เป็นชาวออสทีนที่เชื่ออย่างลึกซึ้งในทฤษฎีสายเลือดบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของลิเลียน
เอ็ดเวิร์ดมาจากอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นรัฐกันชนของจักรวรรดิออสทีน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางที่จะกล้าท้าทายผู้หญิงที่อาจกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิออสทีนได้ในสักวันหนึ่ง
โรเอลพบพวกเขาแค่สองสามครั้งในสภากุหลาบ ดังนั้นการโต้ตอบของเขากับคนพวกนั้นจึงถูกจำกัดอย่างรุนแรง
ความประทับใจแรกของโรเอลที่มีต่อกลินท์คือชายคนนี้น่าจะสติไม่ดี กลินท์เป็นผู้ศรัทธาที่เคร่งครัดในทฤษฎีเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งทำให้เขามีทัศนคติที่ไม่เป็นมิตรต่อโรเอลและคนอื่น ๆ
ส่วนเอ็ดเวิร์ด เขาเป็นคนที่นิสัยดีและจริงใจ แต่เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถาบันการศึกษาบ่อย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่นัก
ทั้งคู่ได้ก้าวเข้าสู่ 32 อันดับแรกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอ็ดเวิร์ดอยู่ในอันดับที่สองของการจัดอันดับผู้เข้าแข่งขัน และเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้สองคนก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย ผู้คนจึงตั้งความหวังต่อเขาไว้สูง
โรเอลดูงานประลองคู่ต่าง ๆ ในฐานะผู้ชม และผลก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
พอลพบกับจูเลียน่าในรอบที่สาม