บทที่ 405: ตามที่สัญญาไว้ (2)
ภายในสนามประลอง ฝูงชนต่างตกตะลึงกับภาพของเซลิน่าที่ควบคุมกองทัพของสัตว์อสูรกว่าร้อยตัว เสียงโห่ร้องตื่นเต้นและเสียงร้องตกใจดังไปทั่วบริเวณที่นั่งของผู้ชม แม้แต่แขกผู้มีเกียรติที่นั่งบนชั้นวีไอพีก็ยังต้องตกตะลึง
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลเบส ใครจะไปคิดว่าเธอจะมีอำนาจควบคุมสัตว์อสูรมากมายได้ภายในเวลาอันสั้นแบบนี้”
“เด็กหนุ่มจากตระกูลแอสคาร์ด น่าจะมีปัญหาแล้วสิ”
ผู้ตัดสินส่วนใหญ่คิดว่าโรเอลอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ
บนที่นั่งสูงสุดบนอัฒจันทร์ของแขกระดับวีไอพี แอนโตนิโอเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างโรเอลกับเซลิน่าด้วยแววตาที่เป็นประกาย ความคิดเห็นของผู้ที่นั่งอยู่ใต้เขาทำให้เขายิ้มจาง ๆ ก่อนจะตั้งข้อสังเกต
“แล้วพวกเจ้าจะต้องแปลกใจ”
…
โรเอลสามารถรับรู้ได้ว่าเซลิน่ากำลังเข้ามาหาแม้จะไม่ได้ลืมตาก็ตาม เสียงคำรามของสัตว์อสูรและหินของเปตราที่ล้อมตัวเองเป็นโดมบอกเขาเช่นนั้น
เมื่อรู้ว่าถูกล้อมรอบด้วยสัตว์อสูรจำนวนมาก เขาจึงสั่งให้อสรพิษเก้าเศียรกระจายพิษของมัน เกิดเสียงกู่ร้องอย่างน่าสังเวชตามมา
โรเอลมองสัตว์อสูรรอบตัวพลางขมวดคิ้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหว ในตอนนี้จากการต่อสู้กันตัวต่อตัวได้กลายมาเป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูร อสรพิษเก้าเศียรกระจายพิษของมันไปรอบ ๆ ในขณะที่สัตว์อสูรพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะต้านทานพิษและพุ่งไปข้างหน้า
ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะเสมอกัน แต่แล้วตาชั่งก็ค่อย ๆ เอียงไปด้านด้านหนึ่ง
เมื่อสัตว์อสูรที่บินได้เริ่มเข้าร่วมวง อสรพิษเก้าเศียรก็พบว่าตัวเองไม่สามารถปัดป้องศัตรูทั้งหมดได้อีกต่อไป โรเอลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเคลื่อนไหว
แสงสีเหลืองจาง ๆ ส่องออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่ม และตามมาด้วยรัศมีของราชินีแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว มันบังคับให้สัตว์อสูรที่อยู่รายรอบทั้งหมดหยุดการโจมตีด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสที่เซลิน่ารอคอยเช่นกัน
เซลิน่ารู้ว่าการส่งฝูงสัตว์อสูรไปนั้นไม่มีความหมายต่อผู้ที่ทำสัญญากับราชินีแห่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป้าหมายของเธอไม่ใช่การทำให้โรเอลพ่ายแพ้ด้วยฝูงสัตว์อสูร แต่เพื่อสร้างโอกาสสำหรับเธอในการโจมตี
ด้วยทัศนวิสัยที่ไม่ดีในป่า หมายความว่าวิธีเดียวที่โรเอลจะสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเซลิน่าคือต้องตรวจจับผ่านการไหลเวียนพลังเวทของเธอ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวคิดจะปล่อยพลังเวทเพื่อโจมตีโรเอล
อย่างไรก็ตามเซลิน่านั้นมีร่องรอยพลังเวทที่คล้ายกันกับเปตรา เนื่องจากพลังทางสายเลือดที่มีแหล่งกำเนิดมาจากเธอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โรเอลเลือกใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า อย่างการให้อสรพิษเก้าเศียรพ่นพิษ เพราะเขารู้ว่าพลังเวทของเปตราจะปกปิดการไหลเวียนพลังเวทของเซลิน่า ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มสัมผัสถึงเจ้าตัวได้ยาก
ฉะนั้นแล้วเซลิน่าถึงได้ลงทุนรวบรวมสัตว์อสูรที่บินได้ไปโจมตีโรเอล เพื่อทำให้เขาต้องใช้พลังเวทของเปตรา
ช่วงเวลาที่โรเอลปล่อยพลังเวทของเปตราออกมา เซลิน่าก็ได้เร่งพลังทางสายเลือดของตัวเองไปสู่จุดสูงสุด ส่งผลให้เกิดการระเบิดของพลังในตัวเธอ ซึ่งคลุมระยะห่าง 100 เมตรระหว่างพวกเขาภายในเวลาชั่วพริบตา มาปรากฏอยู่กลางอากาศเหนือโรเอล
เซลิน่าเหวี่ยงดาบอย่างฉับไวด้วยพลังเวทมหาศาล ตั้งใจแน่วแน่ที่จะยุติการต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เพื่อปกป้องโรเอล อสรพิษเก้าเศียรจึงพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว ฉีดเลือดพิษของมันกระเซ็นไปทั่วร่างของเซลิน่า ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างมาก และส่งผลให้ความคงทนของอุปกรณ์เวททดแทนของเธอลดลงหนึ่งในสามเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเซลิน่าได้เพิกเฉยต่อสิ่งรบกวนเหล่านี้ และใช้ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าจดจ่ออยู่ที่เป้าหมายเดียว
ร่างของเธอพุ่งลงมารวดเร็วเหมือนดาวหาง เฉือนหัวงูอีกสองหัวลงระหว่างทาง ประหนึ่งนักรบที่พุ่งเข้าใส่กองทัพเพื่อเด็ดหัวแม่ทัพ
เมื่อถึงจุดนี้โรเอลก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามา และเงยหน้าขึ้น
เราชนะแล้ว!
ท่าทางที่ดูอึ้งทึ่งของเด็กหนุ่มผมดำใต้ใบดาบของเธอ ทำให้เซลิน่าเชื่อว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้เธอต้องตกตะลึง
ใบมีดของเซลิน่าทะลุผ่านโรเอลไปโดยไม่มีการต่อต้าน สิ่งที่เธอเพิ่งฟาดฟันลงไปนั้นไม่ใช่โรเอล แต่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาของเขา จากนั้นหญิงสาวผมขาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ภาพลวงตาก็มองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มร่าเริง
เสียงกังวานดังก้องมาจากพื้นดิน พร้อมโครงกระดูกยักษ์สีแดงเลือดนกที่ปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ โรเอลตัวจริง เหมือนกับเทพปีศาจที่ฟื้นคืนชีพจากขุมนรก เด็กหนุ่มพุ่งออกไปแล้วเหวี่ยงหมัดหนักใส่เซลิน่า
“อั้ก!”
เซลิน่ารู้ทันทีว่าเธอตกหลุมพรางของโรเอล แต่มันก็สายเกินไปที่เธอจะล่าถอย การผสมผสานคาถาเวทจากแม่มดและพิษของอสรพิษเก้าเศียรได้ปิดผนึกเส้นทางหนีทั้งหมดแล้ว
เมื่อรู้ว่าตกอยู่สถานการณ์ที่ว่า ‘ถ้าไม่เดินหน้าลุยต่อ ก็ต้องตายไป’ ดวงตาของเซลิน่าก็เด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าวขึ้นขณะที่ชี้ดาบไปที่โรเอล โดยตั้งใจจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ
“ฉันยังไม่แพ้หรอก!”
สิ้นเสียงที่แผดลั่นอย่างกราดเกรี้ยว เซลิน่าเติมพลังเวททั้งหมดลงในดาบ อาบมันด้วยพลังเวทสีดำที่หนาแน่นดูเหมือนเมฆพายุ ผลักดันพลังทางสายเลือดจนถึงขีดสุด และเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพไปถึงระดับสูงสุด จากนั้นเสียงคำรามของสัตว์โบราณก็ดังออกมาร่างกายของเธอ
ขณะเดียวกันหมัดของกรันด้าก็ถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าสีแดงเข้ม โรเอลจ้องไปที่เซลิน่าด้วยดวงตาสีทองที่ส่องประกายราวกับแสงเทียนในความมืด
มันเป็นการปะทะกันแบบตัวต่อตัว พลังมหาศาลปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่สั่นสะเทือนไปทั่วสนามแข่ง บริเวณโดยรอบถูกกลืนกินด้วยแสงจ้าและเสียงอึกทึก
ตูม!!!
แสงอรุณกลับมาสู่ป่าแห่งราตรีนิรันดร์ สัตว์อสูรที่ออกหากินเวลากลางคืนโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ แสงก็ส่องลงมา ทำเอาผู้ชมในอัฒจรรย์ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เมฆฝุ่นหนาทึบปกคลุมบริเวณโดยรอบ ทำให้ไม่มีใครสามารถระบุผลลัพธ์ของการปะทะที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้ ปล่อยให้ฝูงชนรอผลอย่างใจจดใจจ่อ
ทันใดนั้นสายลมยามค่ำคืนก็ได้พัดฝุ่นควันออกไป เผยให้เห็นเด็กสาวผมสีส้มทรุดตัวลงกับพื้น โดยมีเด็กหนุ่มผมดำที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยืนอยู่ แม้ว่าอุปกรณ์เวททดแทนของเขาใกล้จะแหลกเป็นผุยผงเต็มที
“นี่มันเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“ท่านพี่เป็นฝ่ายชนะ!”
เกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจขึ้นบนอัฒจันทร์ผู้ชม ส่วนอลิเซียก็ชื่นชมยินดีกับผลลัพธ์ที่ได้
ผู้ตัดสินได้ยืนยันสถานการณ์อย่างรวดเร็วก่อนที่จะประกาศคำตัดสินของเขาผ่านการฉายภาพ
《ผู้ชนะ : โรเอล แอสคาร์ด》
“โอ้ววววว!!!”
ในที่สุดฝูงชนก็ได้สติจากการปะทะอันน่าตกใจและโห่ร้องด้วยความปั่นป่วน เสียงปรบมือดังสนั่น แขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายอาณาจักรเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ ส่วน ณ ที่นั่งระดับสูงสุดของอัฒจันทร์ระดับวีไอพี แอนโตนิโอก็ยังคงยิ้มกว้างตามปกติ
ขณะเดียวกันในป่าราตรีนิรันดร์ โรเอลมองไปยังเซลิน่าที่ล้มลงตรงหน้า และถามเห็นของเธอ
“พอใจรึยัง?”
“…พอใจงั้นเหรอ? ฮ่า! นายเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ ด้วย ฉันเดาว่าการปะทะครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นได้ เพราะนายปล่อยให้ฉันได้ทำใช่ไหมล่ะ”
“อืม จริง ๆ มันก็มีวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้ที่จะจัดการกับเธออยู่หรอก หลังจากที่เธอติดกับดักของฉันแล้ว แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะยอมรับผลลัพธ์แบบนี้มากกว่า ถ้าฉันเอาชนะเธอในการปะทะซึ่ง ๆ หน้า อย่างน้อย ๆ เธอก็จะไม่ต้องเสียใจภายหลัง”
โรเอลตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ
เซลิน่าหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น
เธอพ่ายแพ้ทั้งในแง่ของไหวพริบและพละกำลัง ทั้ง ๆ ที่ควรจะได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือแย่อะไร
เซลิน่าประเมินร่างกายของตัวเอง และสังเกตเห็นว่าสายเลือดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ช่วงสงบหลังจากการระเบิดพลัง ถึงตอนนี้เธอไม่มีกำลังเหลือแล้ว แต่หัวใจของเธอกลับสงบอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันรู้สึกเต็มอิ่มมาก ไม่รู้สึกว่าอยากต่อสู้อีกต่อไปแล้ว”
“พอได้ยินจากปากเธอแล้ว คำพูดพวกนั้นก็ฟังดูแปลกดีนะ เธอรู้สึกอะไรระหว่างการปะทะกันของเรารึเปล่า?”
“ก็นิดหนึ่ง”
ก่อนที่อุปกรณ์เวททดแทนจะถูกทำลาย เซลิน่ารู้สึกเหมือนกับกับว่าตัวเองสามารถคว้าสิ่งสำคัญบางอย่างเอาไว้ได้ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วมากเกินไป จนเธอไม่สามารถระบุได้ว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรก็ตาม
ก่อนที่เธอจะได้ตรวจสอบ จู่ ๆ แสงก็ปกคลุมร่างกายของทั้งคู่ เมื่อแสงลดลงทั้งสองก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในสนามประลอง
พวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องและเสียงเชียร์ดังจากฝูงชนที่ตื่นเต้น แพทย์หลายคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและย้ายเซลิน่าไปที่เปลหาม
ซึ่งตามกฎแล้วโรเอลเองก็ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างรวดเร็วด้วย
เด็กหนุ่มหายใจเข้าออกลึก ๆ โล่งใจที่ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง โรเอลได้ยินเสียงฝูงชนร้องเรียกชื่อของเขา ดังนั้นเขาจึงโบกมือกลับไป ทำให้ฝูงชนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น นักเรียนจากสถาบันเซนต์เฟรย่าคำรามอย่างกระตือรือร้น และสมาชิกของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินก็โบกธงฝ่ายของตนอย่างหลงใหล
เราทำตามสัญญาได้สำเร็จแล้ว
ด้วยความคิดดังกล่าว โรเอลเหลือบมองเซลิน่าและยิ้ม ทันใดนั้น จู่ ๆ เขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ