บทที่ 403: สงครามใต้โต๊ะ (2)
“คุณอลิเซีย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะตามมาถึงที่นี่ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว คุณรู้ไหมว่าโรเอลจะต้องเจอปัญหาอะไร หากตัวตนของคุณถูกเปิดเผย?”
“ฝ่าบาทลิเลียน ดูเหมือนท่านกำลังเข้าใจผิดไปนะคะ ดิฉันอยู่ที่นี่ในฐานะญาติของอาจารย์คริส มันไม่แปลกที่ดิฉันจะต้องตามเธอมาที่นี่ เพื่อแสดงความยินดีกับนักเรียนของเธอ”
ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ลิเลียนและอลิเซียจ้องตากันอย่างเฉียบคม ไม่มีใครยอมถอย คริสมองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิดโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนพอลก็รีบหนีไปทันทีที่สบโอกาส
โรเอลมองดูความยุ่งเหยิงนี้ด้วยริมฝีปากที่กระตุก
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอลิเซียจะใช้วิธีการดังกล่าว เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง อีกทั้งยังกล้านั่งข้าง ๆ กันโดยอ้างว่าคริสบอกให้เขาดูแลเธอ
หืม อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แหงสิ เราเคยดูแลเด็กคนนี้มาก่อน หึ จะบอกว่าเราเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาก็ยังไม่ผิดด้วยซ้ำ!
สถานการณ์ไร้สาระมากจนโรเอลไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร ดูแล้วคล้ายกลับมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาหาเขาและฝากลูกของตัวเองไว้ให้ดูแลอย่างไรอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามวิธีการนอกรีตของอลิเซียนั้นมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อย่างน้อย ๆ มันก็สมเหตุสมผลบ้างในเชิงตรรกะ และช่วยก็ขัดขวางไม่ให้นักข่าวของสถาบันการศึกษาเข้ามาใกล้
คริสเป็นอาจารย์ระดับสูงที่มีอายุน้อยที่สุดในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเข้าไปหาเธออย่างไม่มีเหตุผล แม้แต่นักเรียนคนอื่น ๆ ก็ยังเลือกที่จะรักษาระยะห่าง เพราะพวกเขาไม่คุ้นเคยกับคริส อีกทั้งเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เข้าถึงได้ง่าย
นี่ทำให้อลิเซียสามารถทำตามที่เธอพอใจได้ ต้องขอบคุณเส้นสายความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้
“ท่านพี่โรเอล ช่วยเล่าให้หนูฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในศึกชิงถ้วยได้ไหม?”
อลิเซียดึงแขนเสื้อของโรเอลแล้วถาม
คำว่า ‘ท่านพี่โรเอล’ ของเธอไม่ได้ดูแปลกอะไร และโรเอลเองก็ไม่ได้หวั่นไหวกับมันเช่นกัน คนเดียวที่ได้ยินมันแล้วรู้สึกขัดใจมีเพียงแค่ลิเลียนเท่านั้น
ฉันต้องแอบซ่อนความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา แต่เธอมาที่นี่เพื่อแย่งเขาไปจากฉันอย่างเปิดเผยเนี่ยนะ?
มือที่กำแน่นอย่างกะทันหันของลิเลียนทำให้หัวใจของโรเอลเต้นระรัว อลิเซียสังเกตเห็นการแสดงออกที่ผิดธรรมชาติของโรเอลอย่างแจ่มแจ้งและจ้องไปที่ลิเลียน ก่อนจะเอื้อมมือไปใต้โต๊ะและพยายามงัดมือของคนทั้งคู่ออกจากกัน
ใต้ซุ้มอันเงียบสงบ โต๊ะอาหารก็ได้กลายเป็นสนามรบ
“คุณอลิเซีย คุณช่วยควบคุมอารมณ์เกรี้ยวกราดของคุณหน่อยจะได้ไหม? คุณกำลังรบกวนพวกเรานะ”
“ฝ่าบาทลิเลียน ดิฉันขอคืนคำเหล่านั้นให้แก่ท่าน ท่านเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการการจับมือในมื้ออาหารงั้นหรือ?”
เด็กสาวทั้งสองคนยังคงยิ้ม ในขณะที่เพิ่มระดับความก้าวร้าว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของวาจาหรือความแข็งแกร่งในการจับ
คนที่ต้องทนทุกข์ที่สุดคือโรเอลที่นั่งอยู่ระหว่างกลาง รอยร้าวเริ่มแสดงออกมาในขณะที่เหงื่อหยาดไหลบนใบหน้าของเจ้าตัว
เราไม่รู้สึกถึงมือของตัวเองแล้ว
แม้ว่าลิเลียนและอลิเซียจะมีร่างกายที่เพรียวบาง แต่พวกเธอก็มีพลังเหนือธรรมชาติที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก นอกจากนี้ความแข็งแกร่งอันมหาศาลของพวกเธอได้รับเสริมจาก ‘ความโกรธ’ ทำให้ทั้งคู่ดึงมือของโรเอลแรงพอ ๆ กับ ‘เทคนิคการสอบสวนนักโทษ’
โรเอลทนทรมานได้เพียงนาทีเดียวก่อนที่เขาจะยอมถอยและขอให้ทั้งคู่หยุด
ช่วงเวลานั้นเองที่คริสเข้าใจความสัมพันธ์แบบสามเหลี่ยมนี้ในที่สุด ซึ่งทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง เพราะเจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความรักระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ระหว่างตัวเองกับคาร์เตอร์จะเกิดขึ้นกับนักเรียนในความดูแลด้วย
เกิดอะไรขึ้น? เป็นชะตาของตระกูลแอสคาร์ดที่จะต้องมีความโรแมนติกแบบรุ่นพี่รุ่นน้องงั้นหรือ?
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้คริสต้องตกที่นั่งลำบาก
เธอเป็นพันธมิตรกับอลิเซีย แต่ในขณะเดียวกันเธอไม่ต้องการเห็นนักเรียนของตนเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับเธอ
ท้ายที่สุดคริสจึงตัดสินใจเป็นกลางและไม่ช่วยเหลือใครเลย
การตัดสินใจของคริสได้ทิ้งโรเอลลงไปในหลุมแห่งความสิ้นหวัง ด้วยที่บุคลากรผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวกลับเลือกที่จะไม่เข้ามาแทรกแซง จึงไม่มีใครหยุดการอาละวาดของสตรีทั้งสองได้ ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าที่งานเลี้ยงฉลองจะสิ้นสุด สองสาวถึงจบการต่อสู้ลง
“แล้วเจอกันนะคะ ท่านพี่โรเอล!”
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีของเธอ โรเอล ขอให้เราได้พบกันในรอบชิงชนะเลิศ”
หลังจากกล่าวคำอำลาแล้ว เด็กสาวทั้งสองก็ออกจากคฤหาสน์สีกรมท่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของโรเอล
เมื่องานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง บรรยากาศของความกังวลใจและความคาดหมายก็เริ่มปรากฏให้เห็นทั่วสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และทั่วทั้งเมืองเลนสเตอร์
นั่นก็เพราะการประลองรอบจริงของศึกชิงถ้วย แบบหนึ่งต่อหนึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
…
การคว้าชัยชนะในศึกชิงถ้วยถือเป็นเกียรติระดับสูงสุดเท่าที่เยาวชนจะสามารถบรรลุได้ ผู้ชนะจะได้ทั้งความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอนาคตอันสดใสกลับไป ไม่เคยมีศึกชิงถ้วยครั้งไหนที่ล้มเหลวในการทำให้ผู้ชมตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นงานประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
เมื่อผู้เข้าแข่งขันระดับแนวหน้ากว่าร้อยคนจะต่อสู้กันเองด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี มันย่อมเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การชมอย่างแน่นอน
การต่อสู้ในศึกชิงถ้วยนั้นแตกต่างจากงานประลองทั่วไปมาก พวกเขาจะสุ่มเลือกสถานที่ซึ่งอาจเป็น ป่า ทะเล หรือแค่สนามประลองเล็ก ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น โดยมีเหตุผลเบื้องหลังที่ต้องใช้กฎนี้อยู่
การต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้น ทำให้ผู้ที่ถนัดในการจู่โจมซึ่ง ๆ หน้าได้เปรียบ หากงานประลองศึกชิงถ้วยใช้สนามแบบเดิม ๆ ให้เป็นสนามประลองวงแหวน ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อ่อนแอกว่าในการจู่โจมซึ่ง ๆ หน้า แต่มีทักษะพิเศษอื่น ๆ ก็จะไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาออกมาได้
นอกจากนั้น มักจะมีผู้เข้าแข่งขันที่มีทักษะในการทำนาย การนำตัวแปรสุ่มเข้ามาจึงสามารถช่วยให้ประเมินความสามารถของพวกเขาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากกว่า
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มันยังรวมแนวคิดเรื่องโชคเอาไว้ด้วย
โชคไม่ใช่แค่เรื่องงมงายในทวีปเซีย มันเป็นไปได้ที่จะเสริมค่าโชคลาภผ่านการรับพรและอุปกรณ์เวท ข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์ของโรเอลเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ การเลือกสนามแข่งนั้นจะเรียกว่าเป็นการชักเย่อระหว่างโชคและชะตากรรมของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองก็ไม่ผิด
สามวันหลังจากสิ้นสุดรอบคัดเลือก งานประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ได้เริ่มต้นขึ้นในที่สุด มีการปรับเปลี่ยนอันดับของผู้เข้าแข่งขันที่ตั้งไว้ และโรเอลก็ตกไปจากอันดับที่สิบสาม
นั่นเป็นเพราะม้ามืดที่ใหญ่ที่สุดในรอบคัดเลือกอย่างเคิร์ตได้พุ่งขึ้นสู่สิบอันดับแรก
ความสามารถในการขยายร่างยักษ์ของพลังสายเลือดแห่งยักษ์นั้นแข็งแกร่งเกินไป สำหรับคนทั่วไปที่แทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติ ร่างกายที่ใหญ่โตมักถูกมองว่าเป็นจุดเด่นของพลัง ด้วยเหตุนี้ฝูงชนจึงมีความคาดหวังสูงสำหรับเคิร์ต และเขาก็ได้รับผู้ติดตามมาค่อนข้างมากพอตัว
โดยส่วนตัวแล้ว โรเอลไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วเคิร์ตก็ไม่ใช่ยักษ์จริง ๆ
มนุษย์ผู้สืบทอดสายเลือดยักษ์ อย่างไรเสียก็ยังเป็นมนุษย์ แม้ว่าเขาจะขยายร่างของตัวเองได้เป็นร้อยเท่า ก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการใช้คาถาเวท มันไม่สามารถเทียบเคียงกับของจริงได้
แต่โรเอลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับมัน ที่เขาสนใจในตอนนี้คือเงิน!!!
ศึกชิงถ้วย เป็นเทศกาลการพนันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเซีย ผู้ชมที่มาจากแดนไกลมักจะทุ่มเงินให้กับผู้เข้าแข่งขันที่พวกเขาชื่นชอบเพื่อความบันเทิง
แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการเดิมพันด้วยตนเอง… แต่อลิเซียนั้นสามารถทำได้
ก่อนหน้านี้ โรเอลได้ยืมเงิน 400,000 เหรียญทองจากชาร์ล็อต เพื่อชำระหนี้ให้กับระบบ ไม่ใช่ว่าเขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นยากจน แต่ขณะนี้พวกเขากำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาและมีเงินจำกัด
แน่นอนโรเอลสามารถบีบเงินออกมาจากเขตการปกครองแอสคาร์ดได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ต้องยกเลิกโครงการหลักบางโครงการ ซึ่งเขาไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นแน่ โครงการทั้งหมดที่เขาริเริ่มสำหรับเขตการปกครองแอสคาร์ด มีความสำคัญสำหรับการวางรากฐานที่จำเป็น เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่สามารถระงับเงินทุนจากกิจการส่วนตัวได้
นั่นทำให้โรเอลไม่สามารถปลดหนี้ที่เขาติดค้างชาร์ล็อตมาหลายปีอย่างไร้ยางอายออกไป ทำให้ตัวเลือกของเขาเหลือแค่การพนันเท่านั้น และเงื่อนไขที่เขาเลือกเดิมพันก็คือระยะเวลาของงานประลอง
มีหลายปัจจัยที่บุคคลสามารถเดิมพันได้ในงานประลองศึกชิงถ้วย เช่น ผู้ชนะ ภูมิประเทศ ระยะเวลาของงานประลอง และแม้แต่ผู้ชนะ โดยช่วงเวลาของงานประลองเป็นปัจจัยที่ง่ายที่สุดในการควบคุม
ศึกแรกโรเอลถูกจับคู่ให้สู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 4 ผู้มาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเลนสเตอร์ โดยภูมิประเทศเป็นป่าภูเขาที่มีน้ำตกขนาดใหญ่ มันจึงเป็นการต่อสู้ที่ง่ายดาย และทำให้เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยความเร็วที่ฉับไวประหนึ่งสายฟ้า
คู่ต่อสู้คนที่สองของโรเอลเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ เขาเป็นอดีตนักผจญภัยที่มีความสามารถในการทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งประดุจหิน ซึ่งน่าจะสร้างปัญหาให้กับผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ได้ ทว่าโชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือโรเอล ผู้ซึ่งมีพลังโจมตีสูงสุด
ในที่โล่งแจ้งอย่างทะเลทราย กรันด้าสามารถทำลายการป้องกันหลายชั้นของศัตรู และสร้างความเสียหายอย่างท่วมท้น จนเกินเกณฑ์ความเสียหายของอุปกรณ์เวททดแทนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโรเอลก็พยายามเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้วยการต่อสู้ง่าย ๆ สองครั้งนี้ โรเอลสามารถเพิ่มทุนของตัวเองได้ถึงสามเท่า
อย่างไรก็ตาม รอบต่อไปคงจะไม่ง่ายแบบก่อนหน้านี้
ในรอบตัดสิน 16 อันดับแรกฝ่ายตรงข้ามที่เขาจับคู่ด้วยไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากเซลิน่า เบส!