บทที่ 401: มือของลิเลียน (2)
เมื่อรู้ว่าอารมณ์ปัจจุบันของตัวเองไม่สอดคล้องกับบรรยากาศโดยรอบ โรเอลจึงส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพยายามเพ่งความสนใจไปที่อื่น เช่นชื่อของชุดเกราะ
‘ป่าเฟย์’
ผู้ออกแบบชุดเกราะคงกำลังอ้างอิงถึงเฟย์ในตำนาน ซึ่งเป็นตัวตนที่หาชมได้ยากในป่า
อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้ทำให้โรเอลมีความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความพยายามของพอลที่กำลังแสดงพลังในการเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพของเกราะด้วยการเกร็งกล้ามเนื้อเองก็ไม่ช่วยเช่นกัน
โรเอลเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูชุดเกราะให้ดียิ่งขึ้น
ในฐานะที่เป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างขึ้นโดยช่างตีเหล็กชั้นนำแห่งยุคที่สอง ‘ป่าเฟย์’ เป็นผลงานที่วิจิตรงดงามอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือความสามารถของมัน เพื่อแสดงความสามารถในการพรางตัว พอลเดินไปที่พุ่มไม้ใกล้ ๆ ในชุดเกราะ เปลี่ยนเงาของเขาให้หลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ทำให้คนอื่น ๆ แทบจะมองไม่เห็นเขาด้วยสายตา
“ว้าว!”
“ช่างเป็นความสามารถที่เหลือเชื่อจริง ๆ!”
“ความสามารถนี้ใช้ได้ แม้ในขณะที่ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวงั้นเหรอ ?”
ฝูงชนต่างตื่นเต้นกับการทำงานอันน่าทึ่งของชุดเกราะในตำนานนี้
แม้ว่าโรเอลจะรู้เกี่ยวกับความสามารถของพอล เนื่องจากความรู้เดิมของเขาในเกมอายออฟโครนิเคิล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง มันน่าทึ่งพอ ๆ กับที่เกมบรรยายเอาไว้จริง ๆ เพียงแค่ว่าโรเอลนั้นไม่สามารถสลัดความรู้สึกขัดแย้งกันในใจที่เขารู้สึกออกไปได้
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ …
โรเอลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้
เดี๋ยวนะ ถ้าจำไม่ผิดพอลในเกมสามารถเรียกชุดเกราะนี้ได้เช่นกัน แต่เขาทำได้ในตอนที่เขากำลังจะก้าวไปสู่ชั้นปีที่ 3 นี่หมายความว่า… การเติบโตของเขาเร็วกว่าที่คาดไว้อีกงั้นเหรอ?
เมื่อโรเอลเปรียบเทียบระหว่างความเป็นจริงกับเกม มันก็ทำให้เขารู้ว่าพอลเติบโตได้อย่างเร็วเพียงใดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาเปรียบเทียบนอร่า ชาร์ล็อต และอลิเซียอย่างรวดเร็ว และผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้เขาต้องตกใจ
โรเอลตระหนักได้ว่าผู้คนรอบข้างเขาดูเหมือนจะเติบโตเร็วกว่าในเกมอายออฟโครนิเคิลมาก จนรู้สึกน่าขำที่ได้เห็นอัจฉริยะผู้มีความสามารถเกินจริง เติบโตเร็วกว่าที่ถูกกำหนดไว้
มันเป็นเรื่องบังเอิญ… หรือว่ามีปัจจัยอื่นที่เราไม่รู้อยู่ด้วยงั้นเหรอ?
โรเอลจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดลึก ๆ ด้วยความหวังว่าจะเข้าใจถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องนี้
ขณะเดียวกันนักเรียนจากชมรมและสมาคมอื่น ๆ ก็เริ่มเดินเข้ามา ไม่นานนักบริเวณรอบ ๆ พอลก็คึกคักด้วยความเอะอะวุ่นวายครั้งใหญ่
“ฉันเป็นนักข่าวจากสถาบันการศึกษา พอจะมีเวลาให้สัมภาษณ์ไหม?”
“พอล! เรามาจากชมรมวิจัยอุปกรณ์เวท คุณพอจะให้เราดูชุดเกราะอันสมบูรณ์แบบที่คุณสวมอยู่ใกล้ ๆ ได้ไหม?”
“เอ๋? นี่มัน…”
การล้อมวงโดยกะทันหันของนักเรียนที่มาจากชมรมและสมาคมต่าง ๆ ในสถานศึกษาทำให้พอลงุนงง สมาชิกในฝ่ายคนอื่น ๆ ต่างก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นมาควบคุมสถานการณ์นี้ได้
การร้องขอที่ไม่รู้จบจากนักเรียนคนอื่น ๆ ทำให้พอลอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก
นี่เป็นอุปกรณ์เวทที่พอลจะต้องใช้ในการประลองรอบจริงที่กำลังจะมาถึง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกตรวจสอบมันล่วงหน้า อย่างไรก็ตามด้วยความที่เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างอบอุ่นจากฝูงชนมาก่อนจึงไม่สามารถปฏิเสธตรง ๆ ได้ เขาจึงทำได้เพียงพยายามก้มหัวปลก ๆ ไปมารอบ ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขอโทษ
แต่แล้วเสียงอันสงบแต่น่าเชื่อถือก็ช่วยพอลให้พ้นจากภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้
“นักเรียนจากชมรมและสมาคมอื่น ๆ ขอให้พวกคุณทั้งหมดช่วยทำตามระเบียบของคฤหาสน์สีกรมท่าด้วย เพื่อรักษาความลับและผลประโยชน์ส่วนตน พอล แอคเคอร์มันน์จะไม่รับการสัมภาษณ์ใด ๆ ในขณะนี้ และคาถาเวทและอุปกรณ์ของเขาจะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะสิ้นสุดงานประลอง หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ”
เด็กหนุ่มผมดำที่ดูอ่อนโยนค่อย ๆ เดินไปที่ด้านข้างของพอลและพูดกับคนนอกด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาดูสุภาพ แต่คำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้อีก
เนื่องจากผู้ถือแหวนได้ก้าวออกมาข้างหน้า นักเรียนคนอื่น ๆ จึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมถอย เมื่อเห็นฝูงชนกระจัดกระจายกลับออกไป พอลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารีบหันไปขอบคุณโรเอลที่ช่วยเขาให้พ้นจากฝูงชนทันที
“ขอบคุณมากครับ ลูกพี่โรเอล ผมรู้สึกสับสนมาก ผมไม่รู้ว่าควรปฏิเสธพวกเขาอย่างไรดี”
“อย่ากังวลไปน่า มันเป็นเรื่องปกติ คนส่วนใหญ่ย่อมรู้สึกแบบนั้นเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน เดี๋ยวนายก็จะค่อย ๆ ชินกับมันเอง”
โรเอลตอบด้วยรอยยิ้ม
เขามองเกราะของพอลด้วยความสนใจ ก่อนจะเอนตัวเข้าไปถามด้วยเสียงกระซิบ
“เป็นไปได้ไหมที่คนอื่นจะสวมชุดเกราะของนาย?”
“อา… นั่นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ”
พอลตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่สู้จะดีนัก
“อุปกรณ์เวทของผม ถูกสร้างขึ้นมาจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดเป็นตัวกลางและใช้พลังเวทเป็นสื่อ ผมต้องคงสภาพมันไว้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกราะนี้จะสลายหายไปทันทีที่ผมถอดมันออก”
“เข้าใจแล้ว”
โรเอลพยักหน้าเป็นคำตอบ
เมื่อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่พอลจะให้คนอื่น ๆ ยืมชุดเกราะของตัวเอง โรเอลก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องล้มเลิกความคิดที่จะสร้างหน่วยรบผืนป่าและแม่ทัพ ‘โกลด์เซนต์’ ทั้งสิบสองคนขึ้นมาใหม่ ถึงกระนั้น ความสำเร็จของพอลในการนำชุดเกราะนี้กลับคืนมาสู่โลกความเป็นจริงก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี
จักรวรรดิออสทีนโบราณในยุคที่สองถูกมองว่าเป็นจุดสุดยอดของการวิจัยอุปกรณ์เวทในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ หากพวกเขาสามารถเข้าใจหลักการเบื้องหลังชุดเกราะของพอลได้ มนุษยชาติก็อาจจะสามารถผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เวทได้อย่างก้าวกระโดด
นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในขณะนี้ เนื่องจากความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นจากการรุกรานของพวกกลายพันธุ์
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่จะเริ่มงานเลี้ยงฉลองของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินอย่างเป็นทางการ เหล่านักเรียนผู้ตื่นเต้นยกแก้วแสดงความยินดีให้กับ โรเอล พอล และเกอรัล
ภายใต้การนำของเด็กสาวผู้มีศิลปะ ดนตรีที่สนุกสนานก็เริ่มบรรเลงในคฤหาสน์สีกรมท่า
เมลตี้แสดงความสามารถของเธอตามที่กล่าวเอาไว้ในพิธีมอบรางวัล เธอเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบน้ำเงินในฐานะรุ่นพี่จากชมรมดนตรีของสถาบันการศึกษา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและมีมารยาทดี ทำให้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน และใช้เวลาไม่นานในการเข้ากับคนอื่น ๆ
บรรยากาศเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยดนตรีประกอบของ เมลตี้
เมื่อมองดูฝูงชนร้องเพลงและเต้นรำอย่างสนุกสนาน โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันน่าเสียดายที่อลิเซียไม่สามารถมาเข้าร่วมงานได้
อลิเซียเป็นคนนอกและไม่ควรได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สีกรมท่า เนื่องจากมันเป็นการละเมิดกฎของสถาบันการศึกษา การที่เธอสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระ เป็นเพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เป็นเพื่อนสมาชิกของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เอาเรื่องของเธอไปแจ้งใคร
น่าเสียดายที่มีบุคคลภายนอกเป็นจำนวนมากในวันนี้ ดังนั้นมันจึงอันตรายสำหรับอลิเซียที่จะปรากฏตัวออกมา
หากสื่อของสถาบันการศึกษารู้ว่าน้องสาวบุญธรรมของโรเอล อยู่ในสถาบันการศึกษากับเขา ทั้งสองคนคงจะกลายเป็นข่าวพาดหัวในวันรุ่งขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงอย่างมาก
โรเอลถอนหายใจลึก ๆ ในใจ พลางจิบไวน์ก่อนที่จะเดินไปที่ฝั่งของพอลและเกอรัล โดยหวังว่าจะได้ร่วมงานเลี้ยงกับพวกเขา ทว่าเขากลับต้องประหลาดใจที่สังเกตเห็นว่าพอลยกอาหารและเครื่องดื่มมามากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับท่าทีของเขาอีกด้วย
รอยยิ้มจาง ๆ และแววตาที่แปลกประหลาดในดวงตาของพอลเมื่อเจ้าตัวมองไปที่โรเอล อย่างไรก็ตามพฤติกรรมแปลกประหลาดของอีกฝ่ายก็ได้รับการอธิบายในเวลาต่อมา เมื่อเด็กสาวผู้มีดวงตาสีอเมทิสต์มาถึงคฤหาสน์สีกรมท่า ทำให้ฝูงชนต่างสับสนไปตาม ๆ กัน
รุ่นพี่ลิเลียน?
โรเอลประหลาดใจกับการมาถึงของลิเลียน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงแวะมาที่นี่ เมื่อทั้งสองคนตั้งใจจะปกปิดความสัมพันธ์ของพวกเขา
แน่นอนว่าลิเลียนเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำอะไรบ้าบิ่นโดยไม่มีแผนการรองรับเช่นกัน
“โรเอล ในฐานะตัวแทนของตระกูลแอคเคอร์มันน์ ฉันมาเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่เธอมอบให้กับพอล แอคเคอร์มันน์น้องชายต่างมารดาของฉัน ขอโทษที่แวะมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ฉันรีบมาหลังจากที่งานเลี้ยงของฝ่ายกุหลาบม่วงจบลง ดังนั้นจึงไม่มีเวลาแจ้งข่าวล่วงหน้า”
“ไม่เลย ช่างเป็นเกียรติสำหรับพวกเราที่รุ่นพี่ลิเลียนมาที่นี่ การร่วมมือกันของพวกเราสองฝ่ายเองก็เพิ่งผ่านมาไม่นาน ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากพวกเราสามารถสานสัมพันธ์นี้ต่อไปได้ อีกอย่างความสำเร็จของพอล เป็นผลพวงมาจากความพยายามของเขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นฉันจึงไม่อาจอ้างสิทธิ์ในเรื่องนี้ได้”
โรเอลตอบด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนมีทักษะในการทักทายอย่างเป็นทางการมากพอที่จะทำให้บุคคลภายนอกไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในการโต้ตอบของพวกเขา
ระหว่างการแลกเปลี่ยน พอลแอบดึงเก้าอี้มาอย่างเงียบ ๆ และวางมันไว้ข้าง ๆ ที่นั่งของโรเอลอย่างเรียบร้อย
ในฐานะผู้นำกลุ่มและผู้ถือแหวน โรเอลและลิเลียนมีสถานะเท่าเทียมกัน โดยธรรมชาติแล้ว ที่นั่งของพวกเขาจะต้องวางเคียงข้างกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพ โชคดีที่ฝูงชนเข้าใจสิ่งนี้จึงไม่มีใครถามถึงมัน
ลิเลียนนั่งลงและเริ่มสนทนากับพอล ทำให้นักเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ เลือกที่จะเดินจากไป เพื่อให้พี่น้องมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง
“โอ้? ฉันประหลาดใจจริง ๆ ที่เธอสามารถใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอาณาจักรได้ในลักษณะนี้ มีคนจำนวนไม่มากในประวัติศาสตร์ของตระกูลของเราที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ให้สำเร็จได้”
“พี่สาว มีคนทำแบบเดียวกับผมในตระกูลของเราด้วยงั้นเหรอ?”
พอลถาม
การสนทนาส่วนตัวระหว่างตระกูลแอคเคอร์มันน์ทั้งสองทำให้โรเอลอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดเล็กน้อย เนื่องจากมันไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะแทรกแซงบทสนทนานี้ ดังนั้นเขาจึงหันไปหาเกอรัลโดยหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการสนทนากับอีกฝ่าย แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลที่มือ
ภายในงานเลี้ยงอันพลุกพล่านนี้ ลิเลียนที่กำลังยิ้มแย้มแอบจับมือของโรเอลจากใต้โต๊ะอย่างช่ำชอง