ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋องเล่มที่ 9 บทที่ 266 หลงจู๊หญิงผู้มากไมตรี

เล่มที่ 9 บทที่ 266 หลงจู๊หญิงผู้มากไมตรี

บท​ที่​ 276 แกล้ง​ทำเป็น​บาดเจ็บสาหัส​

หลิน​ซีเหยียน​กะพริบตา​ปริบ ๆ​ ด้วย​คาดไม่ถึง​ว่า​แม่ทัพ​เฒ่าจะพูด​เช่นนี้​ออกมา​ นาง​จึงตอบ​ออก​ไป​อย่าง​เสีย​ไม่ได้​ “ไม่มีใคร​ที่​รู้​แน่นอน​เกี่ยวกับ​อนาคต​ตัวเอง​ แม้ว่า​ท่าน​จะถามข้า​ แต่​ในเวลานี้​ข้า​เอง​ก็​ไม่อาจ​ตอบ​ท่าน​ได้​”

เมื่อ​เห็น​ว่า​หลานสาว​ของ​ตัวเอง​ดู​มีลับลมคมใน​และ​ไม่ยอม​ตอบคำถาม​มา แม่ทัพ​เฒ่าจึงได้​กล่าว​ออก​ไป​ตรง ๆ​ “ถ้าเกิด​ว่า​มีหนทาง​ล่ะ​ ถ้าหากว่า​เจ้าชอบ​เจียง​หวาย​เย่​แล้ว​ ข้า​ก็​มีหนทาง​ที่จะ​รื้อฟื้น​การ​หมั้น​หมาย​ของ​เจ้าได้​”

หลิน​ซีเหยียน​มีสีหน้า​เย็นชา​ขึ้น​มาทันทีทันใด​ พร้อมกับ​กล่าว​ปัด​ตก​สิ่งที่​อีก​ฝ่ายเสนอ​ “ถึงแม้ว่า​ข้า​จะไม่รู้​ว่า​พวก​ท่าน​วางแผน​อะไร​กัน​อยู่​ แต่​ข้า​ไม่ขอ​ร่วม​ด้วย​” จากนั้น​ก็​ผุด​ลุกขึ้น​ “ซีเหยียน​ยัง​มีธุระ​อื่น​ต้อง​จัดการ​ ข้า​ขอตัว​ก่อน​”

เดิมที​หญิงสาว​คิด​ว่า​คนใน​บ้าน​ตระกูล​เยี่ย​นั้น​จะไม่เหมือน​คนอื่น​และ​ไม่เจ้ากี้เจ้าการ​เรื่อง​ของ​นาง​ แต่​ดูเหมือนว่า​นาง​จะคิดผิด​เสียแล้ว​

แม่ทัพ​เฒ่าที่​รู้สึก​ได้​ว่า​หลิน​ซีเหยียน​นั้น​รู้สึก​ไม่พอใจ​จึงได้​รีบ​อธิบาย​ให้​เข้าใจ​ “เดี๋ยวก่อน​สิเจ้าหลาน​คน​นี้​ ข้า​ไม่ได้​หมายความ​เช่นนั้น​ ข้า​ก็​แค่​เห็น​ว่า​ใน​คืน​นั้น​องค์​ชาย​ได้​ให้​คำสาบาน​กับ​ข้า​ไว้​ ซึ่งฟังแล้ว​จริงใจ​มาก​ นั่น​จึงเป็น​เหตุผล​ที่​ข้า​บอ​กว่า​ยัง​พอ​มีหนทาง​”

เยี่ย​จุน​เจี๋ย​เอง​ก็​พูด​เสริม​เช่นกัน​ “อีกไม่ช้า​หรือ​เร็ว​ ตระกูล​แม่ทัพ​เจิ้นกว๋อ​ของ​เรา​ก็​จะเข้า​ร่วมกับ​องค์​ชาย​เย่​แล้ว​ พวกเรา​จึงได้คิด​ที่จะ​มองหา​ผลประโยชน์​บางอย่าง​ให้​แก่​เจ้าด้วย​ หากว่า​น้อง​ซีเหยียน​ไม่สนใจ​ ก็​ขอให้​คิด​ว่า​พวกเรา​ไม่ได้​พูด​เรื่อง​นี้​ก็แล้วกัน​”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ สีหน้า​ของ​หลิน​ซีเหยียน​ก็​ค่อย ๆ​ เปลี่ยนไป​อย่าง​ช้า ๆ “ท่าน​ตา​กับ​ท่าน​พี่​จุน​เจี๋ย​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​หรอก​เจ้าค่ะ​ ข้า​จะสู้เพื่อ​สิ่งที่​ข้า​ต้องการ​เอง​”

“ดี​” แม่ทัพ​เฒ่า พลัน​ตบ​โต๊ะ​เมื่อ​เขา​ได้ยิน​ที่​พูด​ “ต้อง​แน่วแน่​แบบนี้​สิ ถึงจะเป็น​หลานสาว​ของ​ข้า​”

เมื่อ​เสร็จสิ้น​ธุระ​ใน​จวน​แล้ว​ หลิน​ซีเหยียน​กับ​เทียน​เอ๋อ​ก็​อยู่ร่วม​ทานอาหาร​ด้วยกัน​ตาม​คำชักชวน​ของ​ฮูหยิน​เฒ่าต่อ​ ใน​ระหว่าง​มื้อ​อาหาร​ที่​ได้​คุย​สัพเพเหระ​ไป​ด้วย​นั้น​เอง​ เจิ้นกว๋อ​ก็ได้​รู้​ว่า​เหลน​ของ​ตน​นั้น​รู้​วรยุทธ์​อยู่​บ้าง​ จึงได้​รบเร้า​หลิน​ซีเหยียน​ ให้​ฝาก​เทียน​เอ๋อ​ไว้​ที่นี่​สักวัน​สอง​วัน​

เมื่อ​เจอ​กับ​สายตา​ที่​ดู​น่าสงสาร​ของ​ผู้​เป็น​ปู่​เช่นนั้น​ มีเหลือ​หลิน​ซีเหยียน​จะไม่ใจอ่อน​ได้​ นาง​จึงจำใจต้อง​ปล่อย​เทียน​เอ๋อ​ไป​และ​กลับบ้าน​อย่าง​มีความสุข​….ไม่สิ อย่าง​เป็นทุกข์​ต่างหาก​

เทียน​เอ๋อ​ เจ้าเด็ก​ตัวแสบ​นั่น​ ได้​ใช้ชีวิต​ที่​สุขสบาย​อยู่​ที่​บ้าน​ท่าน​แม่ทัพ​เจิ้นกว๋อ​แล้ว​!

เมื่อ​หลิน​ซีเหยียน​กลับ​ไป​ถึงเรือน​เชีย​นเหยียน​แล้ว​ นาง​ก็​พบ​ว่า​เจียง​หวาย​เย่​กับ​หลี​เจี้ยนเฉิน​ยังอยู่​ที่นี่​!!

หลิน​เจี้ยนเฉิน​อยู่​ก็​ยัง​พอทำเนา​ เพราะว่า​ฝ่าย​นั้น​แอบ​ปีน​กำแพง​เข้ามา​ แต่​เจียง​หวาย​เย่​น่ะ​ต่าง​ออก​ไป​ เพราะ​เขา​เดิน​เข้ามา​อย่าง​เปิดเผย​ท่ามกลาง​สายตา​ของ​คน​ไม่รู้​ตั้ง​กี่​คน​

หาก​อยู่​ใน​เหย้าเรือน​ของ​ผู้หญิง​จนกระทั่ง​ถึงเวลา​ค่ำมืด​ คง​ได้​มีข่าว​ซุบซิบนินทา​เกิดขึ้น​อย่าง​แน่นอน​แบบ​ไม่ต้องสงสัย​

ถึงแม้ว่า​นาง​จะไม่ค่อย​สนใจ​เรื่อง​พวก​นี้​ก็ตามที​ แต่​ก็​ไม่ได้​หมายความว่า​นาง​จะยินดี​ที่​ได้ยิน​มัน​

“องค์​ชาย​ เพื่อ​เห็นแก่​ชื่อเสียง​ของ​ลูกสาว​ของ​คนอื่น​แล้ว​ ขอให้​ท่าน​รีบ​กลับ​ไป​ด้วย​เถอะ​เพคะ​”

เจียง​หวาย​เย่​พลัน​แกล้ง​ทำเป็น​เจ็บ​ปวดใจ​อย่าง​แรง​ “ทำไม​เสี่ยว​เหยียน​เอ๋อ​ถึงปฏิบัติ​เช่นนี้​กับ​เปิ่น​หว่าง​คนเดียว​ด้วย​?”

หลี​เจี้ยนเฉิน​ที่​ได้ที​ก็​ยักคิ้วหลิ่วตา​ไป​ที่​เจียง​หวาย​เย่อย่าง​ยียวน​ แล้ว​กล่าว​อย่าง​ภูมิใจ “แน่นอน​ว่า​ เป็น​เพราะ​ท่าน​หมอ​หลิน​สงสาร​ข้า​ยังไง​ล่ะ​ ข้า​น่ะ​เป็น​ผู้ป่วย​อยู่​นาง​จึงไม่อาจ​ไล่​ข้า​ออก​ไป​ได้​”

เมื่อ​เห็น​ทั้งสอง​คน​ทะเลาะ​กัน​ หลิน​ซีเหยียน​ก็​อด​รู้สึก​ปวด​ขมับ​ขึ้น​มาอย่าง​เสีย​ไม่ได้​

สุดท้าย​นาง​จึงต้อง​ไล่ตะเพิด​ทั้งสอง​คน​ออกจาก​เรือน​ไป​พร้อมกัน​ แต่​ทันทีที่​นาง​เดิน​กลับ​เข้ามา​ใน​เรือน​ ทั้งสอง​คน​ก็​เดินตาม​กลับมา​ด้วย​

“พวก​ท่าน​ต้องการ​จะทำ​อะไร​กัน​แน่​?” หลิน​ซีเหยียน​มอง​ไป​ยัง​บุรุษ​สอง​คน​เบื้องหน้า​อย่าง​เหลือเชื่อ​

เจียง​หวาย​เย่​รีบ​พูด​อธิบาย​ทันที​ “อย่า​เพิ่ง​โกรธ​นะ​เสี่ยว​เหยียน​เอ๋อ​ เปิ่น​หวา​งน่ะ​ได้​กลับ​ไป​ที่​พระราชวัง​นาน​แล้ว​ ดังนั้น​ที่​ข้า​แอบ​มาที่นี่​จึงยัง​ไม่มีใคร​รู้​”

“ถึงไม่มีใคร​รู้​ พวก​ท่าน​ก็​ยัง​ต้อง​กลับ​ออก​ไป​อยู่ดี​ เพราะ​ใน​เรือน​นี้​มีห้องรับแขก​อยู่​ไม่มาก​นัก​” หลิน​ซีเหยียน​มอง​ไป​ที่​ทั้งสอง​คน​อย่าง​หมด​ความอดทน​ ทว่า​ว่า​เพียง​ครู่​ต่อมา​ก็​เหมือน​จะนึก​อะไร​บางอย่าง​ออก​ได้​ หญิงสาว​จึงงอ​นิ้วชี้​เรียก​ให้​ทั้งสอง​คน​เข้ามา​ใกล้​ ๆ “พรุ่งนี้​พวก​ท่าน​ช่วย​ข้า​สัก​เรื่อง​ที​สิ”

ถึงแม้ว่า​รอยยิ้ม​ของ​เสี่ยว​เหยียน​เอ๋อ​นั้น​จะวิเศษ​และ​น่าหลงใหล​ แต่​เจียง​หวาย​เย่​กลับ​รู้สึก​หนาว​ขึ้น​มาแปลก ๆ​ กระนั้น​ก็​ยัง​เข้าไป​ใกล้​ ๆ พร้อมกับ​หลี​เจี้ยนเฉิน​

“ถ้าเจ้าต้องการ​ให้​ช่วย​อะไร​ ก็​พูด​มาได้​เลย​”

“พรุ่งนี้​ พวก​ท่าน​ช่วย​…”

หลังจากที่​หลิน​ซีเหยียน​บอก​แผนการ​ของ​ตัวเอง​เสร็จ​ เจียง​หวาย​เย่​ก็​พยักหน้า​เข้าใจ​ แต่​หลี​เจี้ยนเฉิน​นั้น​กลับ​ถามอย่าง​สงสัย​ “ท่าน​หมอ​หลิน​มีความสัมพันธ์​ที่​ไม่ดี​กับ​ครอบครัว​ของ​ท่าน​หมอ​เอง​อย่างนั้น​หรือ​?”

“ไม่ใช้แค่​ไม่ดี​หรอก​ แต่​แย่​ยิ่งกว่า​ไร้ความรู้สึก​ให้​กัน​เสีย​อีก​ ส่วน​เหตุผล​นั้น​ข้า​ยัง​ไม่คิด​ที่จะ​บอก​ท่าน​ในเวลานี้​” หลิน​ซีเหยียน​พูด​ดักทาง​ก่อนที่​หลี​เจี้ยนเฉิน​จะถามอะไร​

ใน​วัน​ต่อมา​นั้น​เอง​ หลิน​ซีเหยียน​นั้น​ได้​ออก​ไป​ซื้อ​ของ​พร้อมกับ​สาวใช้​ แต่​เมื่อ​เดิน​ไป​จน​ไป​ถึงตรอก​แคบ​ ๆ นาง​ก็​โชคร้าย​พบ​กับ​มือสังหาร​ชุด​ดำ​สอง​คน​เข้า​ พวก​มัน​พุ่ง​เข้า​ไปหา​หลิน​ซีเหยียน​พร้อมกับ​มีด​ใน​มือ​โดยไม่รั้งรอ​

เมื่อ​เห็น​ดังนั้น​ หลิน​ซีเหยียน​กับ​จิ่งชุน​ก็​พา​กัน​วิ่ง​กระหืดกระหอบ​ไป​ยัง​ถนน​ที่​มีคน​อยู่​พลุกพล่าน​ จากนั้น​ก็​อาศัย​ผู้คน​หลบหนี​ไป​ยัง​ร้าน​น้ำชา​แห่ง​หนึ่ง​อย่าง​หวุดหวิด​

ในขณะที่​พวก​นาง​กำลัง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​อยู่​นั้น​ ชาย​ชุด​ดำ​สอง​คน​ก็​ตามมา​จน​พบ​พวก​นาง​อีกครั้ง​

หลิน​ซีเหยีย​นรี​บ​หยิบ​ยาพิษ​ออก​มาจาก​กระเป๋า​แล้ว​โปรย​ออก​ไป​ ทว่า​เมื่อ​นาง​พบ​ว่า​อีก​คน​หนึ่ง​กำลัง​แอบ​เข้าใกล้​จิ่งชุน​ พร้อมกับ​มีด​ที่​กำลังจะ​เชือดเฉือน​ไป​ยัง​ลำคอ​

“จิ่งชุน​ระวัง​!” หลิน​ซีเหยียน​ตะโกน​เตือน​ดังลั่น​ พลาง​คว้า​เอา​มือ​ของ​จิ่งชุน​ดึง​เข้ามา​ ก่อน​จะเอา​ตัวเอง​มากัน​นาง​ไว้​

เหตุการณ์​นี้​ทำเอา​ทุก​คนใน​ร้าน​น้ำชา​ตกใจ​

คุณหนู​เอา​ตัวเอง​บัง​มีด​ให้​สาวใช้​ นี่​มัน​อะไร​กัน​เนี่ย​?

มีด​แหลมคม​เสียบ​เข้า​อก​หลิน​ซีเหยียน​ จากนั้น​นาง​ก็​สลบเหมือด​คาที่​ เมื่อ​เห็น​นาง​นิ่ง​ไป​เช่นนั้น​ชาย​ชุด​ดำ​สอง​คน​ก็​รีบ​หนี​ไป​ท่ามกลาง​ความ​ชุลมุน​

ด้วย​ความช่วยเหลือ​ของ​คนใจดี​ หลิน​ซีเหยียน​จึงถูก​นำ​ตัว​พา​ไป​ส่งโรง​หมอ​หุย​ชุน​ แล้ว​หมอ​จงที่​เห็น​ว่า​เป็น​หลิน​ซีเหยียน​ก็​รีบ​จัดแจง​ให้​คน​พา​นาง​ไป​ไว้​ด้านใน​

เมื่อ​ลับสายตา​ของ​ทุกคน​ไป​แล้ว​ เจียง​หวาย​เย่​ก็​เดิน​มาหา​หลิน​ซีเหยียน​พร้อม​รอยยิ้ม​ ก่อน​จะกระซิบ​กับ​หญิงสาว​ว่า​ “เสี่ยว​เหยียน​เอ๋อ​ การแสดง​ของ​เรา​เป็น​อย่างไรบ้าง​?”

ในเวลานี้​ หลิน​ซีเหยียน​ที่​ตัว​ชุ่มไป​ด้วย​เลือด​และ​น่าจะ​บาดเจ็บสาหัส​จน​หมดสติ​ไป​นั้น​ ก็​ผุด​ลุกขึ้น​มาและ​ลืมตา​ นาง​พูด​พลาง​เลิกคิ้ว​ “ก็​ไม่เลว​”

ใน​ยาม​นี้​นาง​ช่างดู​เจ้าเล่ห์​มาก​แผนการ​ยิ่งนัก​

พลัน​นั้น​หลี​เจี้ยนเฉิน​ก็​เอนตัว​มาข้างหน้า​แล้ว​กล่าว​พลาง​กระหยิ่ม​ยิ้ม​ “ท่าน​หมอ​หลิน​ เจ้านี่​ช่างเจ้าเล่ห์​จริง ๆ​ ต้อง​ขอบคุณ​เจ้าหน่อย​แล้ว​กระมัง​ที่​ทำให้​ฮ่องเต้​อย่าง​ข้า​กลาย​มาเป็น​มือสังหาร​ได้​”

จิ่งชุน​ที่นั่ง​อยู่​ข้าง ๆ​ ด้วย​สีหน้า​อึ้งกิมกี่​นั้น​ เมื่อ​ได้​มองดู​นาย​หญิง​ของ​นาง​ที่​ไม่เป็นอะไร​ รวม​ทึ้ง​ชายหนุ่ม​สูงศักดิ์​ทั้งสอง​คน​ที่อยู่​ตรงหน้า​นาง​แล้ว​ นาง​ก็​พอ​จะเข้าใจ​อะไร​บางอย่าง​ได้​ในทันที​

“ท่าน​….พวก​ท่าน​ทั้งสอง​คน​คือ​ชาย​ชุด​ดำ​ที่​คิด​จะฆ่าคุณหนู​!”

จิ่งชุน​พลัน​ถอย​ออกมา​ด้วย​ความหวาดกลัว​ แต่​เหมือน​จะฉุก​คิดได้​ว่า​ตัวเอง​ต้อง​ทำตัว​ให้​สมกับ​หน้าที่​ จึงเปลี่ยนเป็น​เดิน​มาข้างหน้า​แล้ว​ยืน​ขวาง​คุณหนู​ของ​ตน​เอาไว้​ ถึงแม้ว่า​นาง​จะกลัว​มาก​เพียงใด​ แต่​ก็​ยัง​กัดฟัน​โพล่ง​ออก​ไป​ด้วย​เสียงสั่น​ ๆ “พวก​ท่าน​จะทำร้าย​จะ….จะทำร้าย​คุณหนู​ไม่ได้​นะ​”

“จิ่งชุน​ข้า​ไม่เป็นอะไร​ ข้า​ไม่ได้​บอก​เจ้าเอง​แหละ​ ทั้งหมด​นี้​เป็นการ​แสดงละคร​ที่​ใช้ตบตา​คนอื่น​เท่านั้น​” เมื่อ​ชี้แจงคน​ของ​ตน​เสร็จ​แล้ว​ หลิน​ซีเหยียน​ก็​เบน​สายตา​ออก​ไป​มอง​ข้างนอก​หน้าต่าง​ แววตา​ที่​เคย​เห็นอกเห็นใจ​เปลี่ยนเป็น​แข็งกร้าว​ น้ำเสียง​กล่าว​ออกมา​อย่าง​เย็นชา​ “ใน​ตอนนี้​ข่าว​เรื่อง​ที่​ข้า​บาดเจ็บสาหัส​ก็​น่าจะ​รู้​ไป​ถึงหู​ของ​ฮูหยิน​อวี้​แล้ว​”

“ฮูหยิน​อวี้​จะฆ่าคุณหนู​หรือ​เจ้าคะ​?”

ที่​จวน​มหา​เสนาบดี​หลิน​นั้น​เอง​ ฮูหยิน​อวี้​กำลัง​งับ​ประตู​ห้อง​ตน​ลง​อย่าง​เงียบเชียบ​ จากนั้น​ก็​หันไป​ถามคน​มาส่งข่าว​ที่อยู่​ข้างหลัง​อย่าง​ตื่นเต้น​ “เจ้าหมายความว่า​นาง​นั่น​ถูก​แทง​เข้าที่​หน้าอก​อย่างนั้น​หรือ​?”

ชิวฉุ่ย​รีบ​ก้มหัว​ลง​ไป​ซ่อน​แววตา​ดูถูก​ของ​ตน​เอาไว้​ ขณะที่​ตอบ​ด้วย​น้ำเสียง​เคารพ​เชื่อฟัง​ “เจ้าค่ะ​ ข้า​ได้ยิน​มาว่า​มีคน​พา​นาง​ไป​ส่งที่​โรง​หมอ​หุย​ชุน​เจ้าค่ะ​”

ฮูหยิน​อวี้​พลัน​เลิกคิ้ว​ขึ้น​มา “ข้า​ไม่เคย​ได้ยิน​โรง​หมอ​ชื่อ​นี้​มาก่อน​เลย​”

“ดูเหมือนว่า​ตอนที่​หลิน​ซีเหยียน​ถูก​ลอบสังหาร​ ที่นั่น​จะเป็น​โรง​หมอ​ที่อยู่​ใกล้​กับ​โรงน้ำชา​มาก​ที่สุด​เจ้าค่ะ​ เป็น​สถานที่​ที่​ดู​ซอมซ่อ​มาก​ ถ้าฮูหยิน​จะไม่เคย​ได้ยิน​ก็​ไม่แปลก​หรอก​เจ้าค่ะ​”

ตอนต่อไป
บทที่ 277 ความจริงของคุณชายซางกวนจิ่น
ยอดเหรียญของคุณ
ไอคอนเหรียญทอง
251.00

ไอคอนเหรียญทอง
3 เหรียญทอง
โหมดอ่านต่อเนื่อง

ปิด
เมื่อเข้าสู่หน้าอ่านที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น
0 / 1000

สปอยล์

เซียว​อี้​ “พวกเรา​มาจาก​ทางเหนือ​ ระหว่างทาง​ได้ยิน​เช่นกัน​ว่า​ที่นี่​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​หิมะ​ตก​ค่อนข้าง​รุนแรง​ ทว่า​ปี​นี้​ทาง​ราชสำนัก​ได้​ส่งเงินช่วยเหลือ​ลงมา​เนิ่นนาน​แล้ว​ ควรจะ​นำ​ส่งมาถึงแต่ละ​อำเภอ​เป็นที่​เรียบร้อย​แล้วจึง​จะถูก​ อำเภอ​ก่อนหน้านี้​ที่​พวกเรา​ผ่าน​มาเห็น​ชาวบ้าน​ได้รับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​ขุนนาง​ เปิด​คลัง​แจกจ่าย​เสบียงอาหาร​ แต่ละ​ครอบครัว​ล้วน​ได้รับ​เสื้อกันหนาว​ เมื่อ​มาถึงเมือง​จิงโจว​กลับ​ไม่เห็น​การเคลื่อนไหว​ใดๆ​ แต่กลับ​พบเห็น​ขุนนาง​เจ้าหน้าที่​ขับไล่​คน​ไร้​บ้าน​ทุกวัน​ หรือ​เงินช่วยเหลือ​บรรเทาทุกข์​ของ​ราชสำนัก​มาไม่ถึงที่นี่​?”

สีหน้า​ของ​หลงจู๊​เปลี่ยนไป​ทันที​ “ใต้เท้า​ท่าน​เจ้าเมือง​ของ​ที่นี่​บอ​กว่า​ราชสำนัก​ไม่มีเงินช่วยเหลือ​มาถึงที่นี่​ แต่​ผู้ใด​จะรู้​เล่า​ วันนั้น​ท่าน​ข้าหลวง​ผู้แทนพระองค์​พา​คน​มากมาย​เข้า​เมือง​ ท่าน​เจ้าเมือง​ออกไป​ต้อนรับ​ที่​ประตูเมือง​ด้วย​ตนเอง​ ทุกคน​ล้วน​เห็น​กับ​ตา​ มาบัดนี้​ท่าน​เจ้าเมือง​กลับ​บอ​กว่า​ไม่มีเงิน​ ข้า​ถุย​ขุนนาง​สุนัข​เช่น​เขา​ ใน​ยาม​ปกติ​ขูดรีด​ชาวบ้าน​ก็​ช่างเถิด​ แต่​ถึงกับ​กล้า​เบียดบัง​เงิน​บรรเทาทุกข์​ของ​ชาวบ้าน​มาเป็น​ของ​ตนเอง​ ยินดี​ใช้เงิน​หนึ่ง​พัน​ตำลึง​แลก​กับ​รอยยิ้ม​ของ​หญิง​งาม ทว่า​กลับ​มีคน​มากมาย​ต้อง​สูญเสีย​ทุกอย่าง​ไม่มีบ้าน​ให้​กลับ​ หนาว​ตาย​อยู่​บน​ถนน​ สุนัข​รับใช้​ใน​ศาลา​ว่าการ​เหล่านั้น​ล้วน​เป็น​คน​ไร้​มโนธรรม​ พวกเขา​แต่ละคน​กิน​อิ่ม​คนใน​ครอบครัว​ไม่อดอยาก​ รังแก​ข่มเหง​ชาวบ้าน​ทุกวัน​ ต่อให้​ชาวบ้าน​โกรธแค้น​เท่าใด​ก็​ไม่กล้า​พูด​ออกมา​ คน​เหล่านี้​ช้าเร็ว​ต้อง​ถูก​สวรรค์​ลงโทษ​”

หลิน​ชิงเวย​เงยหน้า​ขึ้น​มาจาก​ถ้วย​บะหมี่​ พิจารณา​สีหน้า​ของ​หลงจู๊​ ความโกรธแค้น​บน​ใบหน้า​นั้น​เป็น​ของจริง​ ดวงตา​นั้น​สว่างไสว​ไม่หลบเลี่ยง​ หลิน​ชิงเวย​ก้มหน้า​ลง​มอง​ถ้วย​ใน​มือ​ของ​ตน​ มีดอกไม้​สีเขียว​ที่​ขอบ​ถ้วย​ ธรรมดา​สามัญ และ​มีลวดลาย​คล้ายคลึง​กับ​ถ้วย​ที่​นาง​เห็น​อยู่​ข้าง​กาย​ขอ​ทานบน​ถนน​เมื่อ​สักครู่​

หลิน​ชิงเวย​ครุ่นคิด​แล้ว​พูด​ขึ้น​ว่า​ “เป็น​หลงจู๊​ที่​ให้อาหาร​ขอทาน​ที่อยู่​บน​ถนน​เหล่านั้น​กระมัง​?”

หลงจู๊​ตะลึงงัน​ อด​ที่จะ​มอง​ประเมิน​หลิน​ชิงเวย​ไม่ได้​ “แม่นาง​รู้​ได้​อย่างไร​?”

มือ​ของ​หลิน​ชิงเวย​ลูบ​ลวดลาย​บน​ขอบ​ถ้วย​ “ถ้วย​ที่​ใส่อาหาร​ของ​พวกเขา​เป็น​ของ​โรงเตี๊ยม​ท่าน​กระมัง​”

หลงจู๊​ไม่ปิดบัง​เช่นกัน​ “ใน​โรงเตี๊ยม​มีบะหมี่​ส่วนหนึ่ง​เป็น​ของเก่า​ อย่างไร​ก็​เหลือ​ทิ้ง​ไว้​ อย่าง​มาก​ก็​ทำ​บะหมี่​เพิ่มขึ้น​ไม่กี่​ถ้วย​ สิ่งของ​เหล่านั้น​สำหรับ​พวกเขา​แล้ว​เป็น​เพียง​น้ำ​เพียง​เล็กน้อย​ที่​นำ​ไป​ดับไฟ​กอง​ใหญ่​เท่านั้น​ บางที​พวกเขา​อาจจะ​มีชีวิต​ไม่ผ่านพ้น​คืนนี้​ก็​เป็นได้​ ข้า​เพียงแต่​ทำให้​พวกเขา​สบาย​ขึ้น​เล็กน้อย​ก่อน​จะจากไป​ เมื่อ​ต้อง​ไป​อยู่​ใน​ดิน​ก็​เป็น​ผี​ที่​กิน​อิ่ม​ท้อง​”

เซียว​อี้​เลิกคิ้ว​ “ใน​เมื่อ​หลงจู๊​มีจิตใจ​เมตตา​ปรานี​เช่นนี้​ ใน​โรงเตี๊ยม​แห่ง​นี้​ล้วน​มีห้อง​ว่าง​ ไย​ไม่ให้​พวกเขา​เข้ามา​พัก​ใน​โรงเตี๊ยม​ชั่วคราว​เล่า​?”

หลงจู๊​ยิ้ม​อย่าง​จนปัญญา​ “ข้า​ไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม​ ต่อให้​ใช่ก็​ต้อง​เอา​ตัวเอง​ให้​รอด​ก่อน​ หา​กรับ​คน​เร่ร่อน​ทั้งหมด​ใน​เมือง​เข้ามา​พัก​ใน​โรงเตี๊ยม​ของ​ข้า​จริงๆ​ พวกเขา​ต้อง​กิน​อาหาร​วัน​ละ​สามมื้อ​ แม้ใน​โรงเตี๊ยม​ของ​ข้า​จะมีเสบียง​อยู่​เล็กน้อย​แต่​ไม่อาจ​ยืนหยัด​ได้​นาน​นัก​ เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ กระทั่ง​ข้า​และ​คนงาน​ใน​โรงเตี๊ยม​ล้วน​ไม่อาจ​อยู่รอด​ได้​ ไฉน​เลย​จะช่วยเหลือ​คน​มากมาย​เช่นนั้น​ได้​เล่า​”

เซียว​อี้​พยักหน้า​ “คิดดู​แล้วก็​ใช่”

หลิน​ชิงเวย​พูด​เรียบๆ​ “ใน​เมื่อ​เจ้าเมือง​จิงโจว​เป็น​ขุนนาง​ฉ้อราษฎร์บังหลวง​ เหตุใด​เมื่อ​ท่าน​ข้าหลวง​ผู้แทนพระองค์​มาถึงที่นี่​ ชาวบ้าน​ใน​เมือง​จึงไม่ลงชื่อ​ร่วมกัน​ร้องเรียน​?”

หลงจู๊​ “ไหน​เลย​จะง่ายดาย​เช่นนั้น​ ท่าน​เจ้าเมือง​เตรียม​การป้องกัน​ล่วงหน้า​ ไม่เปิดโอกาส​ให้​ชาวบ้าน​คนใด​มีโอกาส​เข้าถึง​ตัว​ท่าน​ข้าหลวง​ผู้แทนพระองค์​ ชาวบ้าน​ใน​เมือง​พยายาม​หลายครั้ง​แล้ว​ทว่า​ทำ​ไม่สำเร็จ​”

หลิน​ชิงเวย​ถามอี​กว่า​ “เมื่อ​สักครู่​ได้ยิน​ท่าน​กล่าวว่า​ ท่าน​เจ้าเมือง​ใช้เงิน​หนึ่ง​พัน​ตำลึง​ที่​หอ​จิน​ห​ลิง​?”

“หอ​จิน​ห​ลิง​เป็น​หอ​คณิกา​ที่​มีชื่อเสียง​ที่สุด​ใน​เมือง​แห่ง​นี้​” หลงจู๊​เอ่ยถึง​สถานที่​แห่ง​นี้​ด้วย​น้ำเสียง​กระซิบกระซาบ​ “วีรบุรุษ​มากมาย​เท่าใด​ที่​วนเวียน​อยู่​นั่น​จน​กลายเป็น​กระดูก​ขาว​ ขุนนาง​สุนัข​นั่น​ไหน​เลย​จะเป็น​ข้อยกเว้น​ เขา​หลงใหล​เจ้าของ​หอ​คณิกา​ หง​ห​ลิง​ นั่น​เป็นเรื่อง​ที่​คน​ทั้งเมือง​ต่าง​รู้ดี​ คิดดู​แล้ว​เงิน​บรรเทาทุกข์​เหล่านั้น​ล้วน​ถูก​เขา​นำ​ไป​ประเคน​ให้​หญิง​งาม”

หลิน​ชิงเวย​หรี่ตา​ลง​มอง​หลงจู๊​ “หลงจู๊​สนิทสนม​คุ้นเคย​กับ​หอ​จิน​ห​ลิง​หรือไม่​?”

“ไม่คุ้นเคย​” หลงจู๊​หัวเราะ​เบา​ๆ แล้ว​เลื่อน​สายตา​ออก​ไป​

หลิน​ชิงเวย​หัวเราะ​เช่นกัน​ “ไม่ หลงจู๊​ควรจะ​คุ้นเคย​ ข้า​เห็น​หลงจู๊​มีรูปโฉม​งดงาม​และ​มีไมตรีจิต​ ท่าน​ออก​มาจาก​หอ​จิน​ห​ลิง​ใช่หรือไม่​?”

หลงจู๊​ตะลึงงัน​ไม่พูดจา​

หลิน​ชิงเวย​พูด​อี​กว่า​ “หลงจู๊​เป็น​สตรี​บอบ​บางคน​หนึ่ง​ หาก​มิใช่มีเงินทอง​มาก​พอ​และ​มีมนุษยสัมพันธ์​ดีเลิศ​ คิด​จะเปิด​โรงเตี๊ยม​ใหญ่​ที่สุด​ใน​เมือง​นี้​คง​มีความยากลำบาก​ไม่น้อย​กระมัง​ ข้า​ดู​แล้ว​หลงจู๊​และ​เจ้าของ​หอ​คณิกา​ หง​ห​ลิง​น่าจะเป็น​สหาย​กัน​ เมื่อ​ท่าน​เอ่ยถึง​นาง​สีหน้า​ของ​ท่าน​เต็มไปด้วย​ความเจ็บปวด​ลึก​ๆ และ​มีความผิดหวัง​อยู่​ใน​นั้น​ด้วย​”

หลงจู๊​มอง​หลิน​ชิงเวย​ด้วย​สายตา​พินิจพิเคราะห์​ “คิดไม่ถึง​ว่า​แม่นาง​เป็น​คน​ช่างสังเกต​สีหน้า​ผู้คน​นัก​ เมื่อก่อน​ข้า​เคย​เป็น​คนใน​หอ​จิน​ห​ลิง​จริงๆ​ หง​ห​ลิง​เป็น​พี่น้อง​ของ​ข้า​ แต่​เมื่อ​เลือก​เดิน​คนละ​เส้นทาง​จึงไม่อาจ​อยู่​ร่วมกัน​ได้​ นาง​ชื่นชอบ​เงินทอง​และ​อยู่​ใน​สถานที่​เช่นนั้น​ ส่วน​ข้า​ขอ​เพียง​มีชีวิต​อยู่​ให้​ดี​”

หอ​จิน​ห​ลิง​เป็น​สถานที่​อะไร​ หลิน​ชิงเวย​ไม่ต้อง​คิด​ก็​รู้​ น่าจะเป็น​สถานที่​เช่นเดียวกับ​หอ​นางโลม​ใน​เมืองหลวง​กระมัง​

หลิน​ชิงเวย​ไม่ได้​ถามต่อไป​ คืน​นั้น​เมื่อ​นาง​กิน​บะหมี่​แล้วก็​ขึ้น​เตียง​เอนหลัง​เข้านอน​ ก่อนหน้า​มาถึงเมือง​จิงโจว​ นาง​และ​เซียว​อี้​เร่ง​เดินทาง​มาเป็นระยะ​ทางไกล​เช่นนั้น​ วันนี้​ยาม​กลางวัน​ไม่ได้​พักผ่อน​ ยาม​นี้​เหน็ดเหนื่อย​แล้ว​จริงๆ​

เรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​ใน​เมือง​จิงโจว​ล้วน​ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​นาง​ นาง​คิด​เพียงแต่​พบ​เซียว​เยี่ยน​โดยเร็ว​ แต่​ถ้าหาก​เซียว​เยี่ยน​เดิน​ทางผ่าน​ที่นี่​เขา​จะนิ่งดูดาย​หรือไม่​?

หลิน​ชิงเวย​หลับตา​ลง​ท่ามกลาง​ความ​ง่วงงุน​ นาง​คิดถึง​เงาร่าง​สูงใหญ่​ของ​บุรุษ​จอม​เย็นชา​ ไม่พบ​หน้า​กัน​เนิ่นนาน​ กรอบหน้า​ของ​เขา​ยังคง​ประทับตรา​แน่น​อยู่​ใน​สมอง​ของ​นาง​ เวลา​ยิ่ง​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าใด​ กลับ​จด​จำได้​ยิ่ง​แม่นยำ​

ในเวลาเดียวกัน​ เซียว​เยี่ยน​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​นับ​พัน​ลี้​ ร่าง​ของ​เขา​อยู่​ใน​อาภรณ์​สีม่วง​เข้ม​ ข้าง​กาย​มีองครักษ์​ลับ​หลาย​คน​ กำลัง​ควบม้า​ทะยาน​ไป​ข้างหน้า​ฝ่าหิมะ​ยาม​ราตรี​ ข้างหลัง​มีมือสังหาร​กลุ่ม​หนึ่ง​ไล่​ตามมา​อย่าง​ไม่ลดละ​

ชาย​อาภรณ์​และ​เส้น​ผม​ของ​เขา​ปลิว​สะบัด​ตาม​แรง​ลมหนาว​ที่​พัดกระหน่ำ​ จนกระทั่ง​เขา​ไม่อาจ​วิ่ง​ไป​ข้างหน้า​ได้​อีก​ จึงไม่อาจ​ไม่หยุด​ลง​แล้ว​กลับมา​สังหาร​มือสังหาร​ โลหิต​ร้อนระอุ​สาด​ลง​บน​พื้น​หิมะ​สีขาว​ การต่อสู้​ดำเนิน​อยู่​ตลอด​ทั้งคืน​ เขา​สังหาร​ฝ่าวงล้อม​ออก​ไป​ องครักษ์​ลับ​ข้าง​กาย​ที่​ปฏิบัติหน้าที่​คุ้มกัน​เขา​ล้ม​ลง​ทีละ​คน​

ร่าง​ของ​เซียว​เยี่ยม​เต็มไปด้วย​โลหิต​สดๆ​ มีทั้ง​โลหิต​ของ​ตนเอง​และ​ของ​ศัตรู​ กระบี่​เล่ม​ยาว​ปัก​ลง​ใน​หิมะ​ เงาร่าง​ของ​เขา​เด็ดเดี่ยว​เป็น​หนึ่งไม่มีสอง​หัน​กาย​เดิน​จากไป​

ฟ้าสางใน​วันรุ่งขึ้น​ หลิน​ชิงเวย​ตื่น​แต่เช้า​ บังเอิญ​ยิ่งนัก​เมื่อ​นาง​เปิด​ประตู​ห้อง​ออกมา​ เซียว​อี้​กำลัง​เดิน​ออกมา​จากห้อง​เช่นกัน​ ทว่า​เขา​กลับ​ไม่ได้​เดิน​ออกมา​จากห้อง​ของ​ตน​ แต่​เดิน​ออกมา​จากห้อง​ของ​หลงจู๊​

หลิน​ชิงเวย​ไม่ได้​ประหลาดใจ​นัก​ เมื่อคืน​นาง​มิใช่ไม่รู้​ว่า​เขา​และ​หลงจู๊​ส่งสายตา​ให้​กัน​

เซียว​อี้​เอง​ไม่ได้​รู้สึก​กระอักกระอ่วน​ใจเมื่อ​ถูก​หลิน​ชิงเวย​พบเห็น​เข้า​ เขา​เพียงแต่​ยิ้ม​ตาหยี​ให้​หลิน​ชิงเวย​ “อรุณสวัสดิ์​เวยเวย”​

หลิน​ชิงเวย​เห็น​หลงจู๊​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ตามหลัง​ออกมา​ พร้อมกับ​กลัดกระดุม​บน​อาภรณ์​ตัว​บน​เพื่อ​ปิดบัง​ลำคอ​ระหง​ บน​ลำคอ​ยัง​ปรากฏ​ให้​เห็น​ร่องรอย​รำไร​ นาง​เพิ่ง​ตื่นนอน​ทว่า​ทุกๆ​ อิริยาบถ​ล้วน​งดงาม​เย้ายวน​ เมื่อ​เห็น​ว่า​หลิน​ชิงเวย​กำลัง​มอง​นาง​อยู่​จึงตะลึงงัน​ ต่อมา​จึงปรับ​สีหน้า​เป็นปกติ​อีกครั้ง​ นาง​เอ่ย​สัพยอก​ว่า​ “แม่นาง​คง​ไม่ได้​กำลังกิน​น้ำส้ม​กระมัง​? บุรุษ​ใน​ใต้​หล้า​ล้วน​เหมือนกัน​ทุกคน​ กิน​ของ​ใน​ถ้วย​มอง​ ของ​ใน​หม้อ​”

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

Score 10
Status: Completed
เพราะไม่อยากแต่งไปเป็นนางสนมที่ถูกลืม “หลินเสวี่ยหรง” จึงได้วางยา “หลินชิงเวย” พี่สาวของตนให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทน ทั้งยังตามมาวางยากำหนัดนางอีกถึงในวัง เพื่อใส่ร้ายว่านางคบชู้ ทำให้ ‘หลินชิงเวย’ หญิงสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติเข้าร่างมาต้องตกกระไดพลอยโจรไปมีอะไรกับหนุ่มนิรนามที่มาช่วยนางไว้ จนถูกจับได้ว่าคบชู้สู่ชาย ทำให้นางโดนเนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น แม้นางจะทำใจ ยอมอยู่อย่างสงบในตำหนักเย็น ทว่าโลกใบนี้ ไม่ปล่อยให้นางมีความสุขง่ายๆ เช่นนั้น นางจึงต้องใช้ปัญญาและความสามารถทางแพทย์ปกป้องตัวเอง ผนวกกับการได้พบกับชายผู้ยิ่งใหญ่เย็นชาปากไม่ตรงกับใจอย่าง “เซ่อเจิ้งอ๋อง” การได้พบกับเขาทำให้นางค่อยๆ พบความหวัง ที่จะได้กลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง! หลินชิงเวย: ท่านอ๋อง ท่านมองลำคออันขาวผ่องของข้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเช่นนั้น นี่ข้ากำลังปลุกอารมณ์ของท่านหรือ ? เซ่อเจิ้งอ๋อง: คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเจ้าจะเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !

Options

not work with dark mode
Reset