ตำนานเทพกู้จักรวาล 778 นับเป็นอันดับเท่าไรในโลกหล้า

ตอนที่ 778 นับเป็นอันดับเท่าไรในโลกหล้า

หนอนหนังสือ​ผู้​นั้น​หยุด​ลา​ของ​เขา​ และ​กวาดตา​มอง​พวกเขา​สอง​สามที​ เขา​มีสีหน้า​อัน​ซุกซน​พลาง​กล่าว​ “ข้า​กะ​ว่า​ผสมโรง​กับ​พวกเขา​ไป​เพื่อ​เยี่ยม​พบ​เจ้าของ​ดินแดน​แห่ง​นี้​ แล้ว​ทำไม​น้องชาย​เจ้าก็​จะไป​ด้วย​ล่ะ​”

ฉิน​มู่กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พวกเรา​ก็​กะ​จะผสมโรง​เข้าไป​ และ​ชมดู​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ใน​เมื่อ​พวกเรา​มีเป้าหมาย​เดียวกัน​ ไฉน​พวกเรา​ไม่เดินทาง​ไป​ด้วยกัน​สักหน่อย​ล่ะ​”

หนอนหนังสือ​หนุ่ม​ผู้​นั้น​ครุ่นคิด​ แล้วจึง​กล่าว​กับ​ลา​ “ลวี่เจิง​ มีหม้อ​ให้​แบก​ อีก​สอง​ใบ​ข้างๆ​ เจ้าไหว​ไหม​”

ลา​นั้น​ยก​มุมปาก​และ​กล่าว​ “ฮวี้”​

หนอนหนังสือ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “แครอท​บอ​กว่า​ได้​อยู่​ ดังนั้น​พวกเรา​สามารถ​เดินทาง​ไป​ด้วยกัน​ได้​”

“หม้อ​ให้​แบก​?”

ฉิน​มู่ระมัดระวัง​ และ​เขา​ถามอย่าง​ถ่อมตน​และ​สุภาพ​ “พี่​ท่าน​ ระหว่าง​หม้อ​ให้​แบก​ กระทะ​ดำ​ และ​อ่าง​ขี้​ มีอะไร​แตก​ต่างกัน​หรือ​”

หนอนหนังสือ​หนุ่ม​ผู้​นั้น​หัวเราะ​ด้วย​ความพึงพอใจ​ “ไม่มีอะไร​ต่าง​”

ฉิน​มู่หัวเราะ​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​และ​มอง​ไป​ยัง​สนามรบ​โบราณ​ตรงหน้า​เขา​ สนามรบ​โบราณ​นั้น​ถูก​คลี่​คลุม​ไป​ด้วย​หมอก​เรียบร้อย​แล้ว​ และ​เขา​ก็​สามารถ​มองเห็น​สิ่งก่อสร้าง​และ​ซาก​โบราณ​อัน​กระจัดกระจาย​ทั้งหลาย​ด้วย​ตาเปล่า​ มัน​มีทั้ง​กำแพงเมือง​อัน​สูงเยี่ยม​ ราช​วัง​อัน​มหึมา​และ​ยิ่งใหญ่​ เช่นเดียวกับ​ซุ้มโค้ง​อนุสรณ์​ และ​ประตู​ใหญ่​มากมาย​

มีร่องรอย​ของ​ครึ่ง​เทพ​อยู่​บน​พื้น​ และ​เมื่อ​ตาม​ร่องรอย​นั้น​ไป​ พวกเขา​ก็​จะสามารถ​พบ​เจอ​พระ​แม่ธรณี​

กิเลน​มังกร​และ​กิเลน​วารี​เดิน​ตรง​ไป​ข้างหน้า​กับ​ลา​ กิเลน​วารี​มอง​ไป​ที่​ลา​ตัว​นั้น​และ​เผย​สายตา​หมิ่น​แคลน​ไป​ “สัตว์เลี้ยง​น้อย​ตัว​นี้​นี่​ทึ่ม​จริงๆ​ เขา​รู้จัก​จะเดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​ได้​ก็​เมื่อ​มีแครอท​ดีด​เด้ง​อยู่​ข้างหน้า​เขา​เท่านั้น​ แต่​เขา​ก็​ไม่รู้ตัว​เลย​สักนิด​ว่า​ไม่มีวันที่​เขา​จะได้​กิน​แครอท​”

ลา​ปรายตา​มอง​เขา​และ​เผย​สายตา​เหยียดหยาม​กลับมา​

กิเลน​วารี​คิด​อยู่​ใน​ใจ ข้า​ได้​กระทำ​สัตยาบัน​ภูติ​บดี​น้อย​เอาไว้​ ดังนั้น​ข้า​จึงไม่อาจ​กิน​นาย​ท่าน​ห​ลัน​ แต่ทว่า​ ข้า​สามารถ​กิน​เจ้าลา​นี่​ได้​! แต่ว่า​ เจ้านาย​ของ​กิเลน​มังกร​นี่​เจ้ากี้เจ้าการ​ไม่น้อย​ เขา​และ​หนอนหนังสือ​นั่น​พูดจา​กัน​ถูกคอ​ ดังนั้น​หากว่า​ข้า​กิน​ลา​นี้​เข้าไป​ เขา​ก็​คงจะ​เชือด​ข้า​ไป​เป็น​อาหาร​ด้วย​ความ​เดือดดาล​

ฉิน​มู่คอย​แต่​จ้องมอง​หนอนหนังสือ​หนุ่ม​ขึ้นๆ ลงๆ​ และ​ยิ่ง​เขา​มองดู​ เขา​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​สงสัย​ แต่ทว่า​เมื่อ​สายตา​ของ​เขา​ตกลง​ไป​ที่​หน้าอก​ของ​หนอนหนังสือ​ เขา​ก็​มองไม่เห็น​ความ​พอง​เลย​แม้แต่น้อย​ ดังนั้น​เขา​จึงแน่ใจ​ไม่ได้​

หนอนหนังสือ​เห็น​สายตา​ของ​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ลวี่เจิง​ หนุ่ม​ผู้​นี้​มีสายตา​อัน​สอดส่าย​ เขา​ถึงกับ​มอง​หน้าอก​ของ​ผู้ชาย​เชียว​”

ฉิน​มู่หน้า​แดงฉาน​ และ​ลา​ก็​หัวเราะ​ “อั๊ง​ อั๊ง​–”

ฉิน​มู่ถามหยั่ง​ “พี่​สา– เออะ​ พี่ชาย​ ข้า​จะเรียกหา​ท่าน​ว่า​อย่างไร​”

หนอนหนังสือ​ผู้​นี้​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “จะพบพาน​กัน​ไฉน​จะต้อง​คุ้นเคย​รู้จัก​ ฉิน​มู่ ฉิน​เฟิงชิง ข้า​ได้​ถามชื่อ​ของ​เจ้าอย่างนั้น​หรือ​ หากว่า​ข้า​ยัง​ไม่ได้​ถาม แล้ว​ทำไม​เจ้าถึงมาถามข้า​”

ฉิน​มู่ยิ่ง​สงสัย​เข้าไป​ใหญ่​ “ท่าน​รู้​ชื่อ​ของ​ข้า​ แต่​ข้า​ไม่รู้จัก​ท่าน​ นี่​มัน​จะไม่เป็นธรรม​ไป​หน่อย​หรือ​ อีก​อย่าง​ท่าน​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​ข้า​คือ​ฉิน​มู่”

“จ้าว​ลัทธิ​นักบุญ​สวรรค์​ฉิน​มู่นั้น​ล้ำเลิศ​เหนือ​ธรรมดา​ และ​มีความสามารถ​อัน​หลากหลาย​ ใคร​ล่ะ​จะไม่รู้จัก​เจ้า”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ต่อ​ “ส่วน​สำหรับ​ข้า​ เป็น​แค่​คน​ต่ำต้อย​ที่​ไม่มีชื่อเสียง​ ย่อม​ไม่แปลกที่​จ้าว​ลัทธิ​จะไม่รู้จัก​ข้า​”

ฉิน​มู่ไม่อาจ​ไต่ถาม​นาม​ของ​เขา​มาได้​ ดังนั้น​เขา​จึงได้​แต่​มอง​ไป​ที่​ลา​ “ไฉน​พี่​ลวี่​ถึงถูก​เรียก​หาว่า​ลวี่เจิง”​

หนอนหนังสือ​กล่าว​ “เขา​เป็น​ลา​ตัว​หนึ่ง​ และ​คำพูด​ของ​เขา​ก็​ยอกย้อน​ เขา​ชอบ​ถกเถียง​กับ​ผู้อื่น​ ดังนั้น​ข้า​จึงให้​ชื่อ​เขา​ว่า​เจิง”

สายตา​ของ​ฉิน​มู่ไหว​วูบ​ และ​เขา​ก็​กล่าว​ “ข้า​ก็​ยัง​รู้จัก​วัว​ที่​ชื่อ​หนิ​ว​ซาน​ตัว​ และ​เสือ​อีก​ตัว​หนึ่ง​ที่​ข้า​เรียก​เขา​ว่า​ศิษย์​พี่​เสือ​”

ลา​ตัว​นั้น​ยก​มุมปาก​ด้วย​ความ​เหยียดหยาม​ “ฮวี้​ ฮวี้”​

ใบหน้า​ของ​ฉิน​มู่ดำมืด​ และ​เขา​ก็​คิดในใจ​ เขา​ไม่เข้าใจ​ว่า​ลา​กำลัง​พูดว่า​อะไร​ เขา​มิได้​เรียน​ภาษาลา​มาก่อน​ ดังนั้น​ข้า​จึงไม่รู้​ความหมาย​ของ​เขา​ แต่ทว่า​นาย​และ​สัตว์​ขี่​คู่​นี้​น่าสงสัย​เอา​มาก​ๆ หรือ​เขา​จะเป็น​ครูบา​สวรรค์​หนอนหนังสือ​

พวกเขา​เดิน​เข้าไป​ใน​สนามรบ​อัน​ปกคลุม​ไป​ด้วย​หมอก​ และ​ก็​มีรังสี​แสงตะวัน​อยู่​ใน​หมอก​ สิ่งก่อสร้าง​ข้างใน​ก็​ดู​โบราณ​เป็น​อย่างยิ่ง​ และ​พวก​มัน​ก็​ยังมี​ลวดลาย​อัน​แปลก​พิสดาร​อีกด้วย​ ฉิน​มู่ให้​กิเลน​มังกร​หยุด​เดิน​ขณะที่​เขา​สำรวจ​ตรวจตรา​ลวดลาย​บน​กำแพง​เก่า​พัง​เหล่านั้น​ จากนั้น​เขา​ก็​นำ​พู่กัน​กับ​กระดาษ​ออกมา​วาด​คัดลอก​ลวดลาย​เอาไว้​

หนอนหนังสือ​ชมดู​การวาดเขียน​ของ​เขา​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “จ้าว​ลัทธิ​ฉิน​เปี่ยม​ด้วย​ความสามารถ​จริงๆ​ ถึงกับ​มีความสามารถ​อัน​เหนือ​ธรรมดา​ใน​มรรคา​แห่ง​ภาพเขียน​และ​อักษร​วิจิตร​”

ใบหน้า​ของ​ฉิน​มู่แดง​เรื่อ​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ และ​เขา​ก็​กล่าว​อย่าง​ถ่อมตน​ “ข้า​มิกล้า​กล่าว​ชมตนเอง​ใน​มรรคา​แห่ง​ภาพเขียน​และ​อักษร​วิจิตร​ อย่าง​มาก​ข้า​ก็​เป็น​อันดับ​สอง​ใน​โลก​หล้า​ อันดับ​หนึ่ง​ใน​โลก​หล้า​คือ​ท่าน​ปู่​หนวก​ของ​ข้า​ เขา​ได้​ย่างกราย​สู่เต๋า​ด้วย​มรรคา​ภาพวาด​และ​อักษร​วิจิตร​ และ​ถึงกับ​มีความแตกต่าง​ระหว่าง​โลก​ภายใน​กับ​โลก​ภายนอก​”

หนอนหนังสือ​แตกตื่น​และ​เอ่ย​ชม “ภาพเขียน​และ​อักษร​วิจิตร​ของ​เขา​ได้​บรรลุ​ถึงเขต​ขั้น​ที่​สร้างสรรค์​บางสิ่ง​ขึ้น​มาจาก​ความว่างเปล่า​เชียว​หรือ​ และ​มีแม้กระทั่ง​ความแตกต่าง​ระหว่าง​ภายใน​กับ​ภายนอก​ ความสำเร็จ​ของ​เขา​นั้น​ไม่ตื้นเขิน​เลย​จริงๆ​ แต่ทว่า​การ​ที่​เขา​จะเป็น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​โลก​หล้า​นั้น​ยัง​เป็นที่​น่า​ถกเถียง​อยู่​ และ​แม้แต่​การ​ที่​เจ้าเป็น​อันดับ​สอง​ใน​โลก​หล้า​ก็​ยัง​เป็นที่​น่า​ถกเถียง​ด้วย​เช่นกัน​”

ฉิน​มู่ถามด้วย​รอยยิ้ม​ “ถ้าเช่นนั้น​ ใคร​คือ​อันดับ​หนึ่ง​ใน​โลก​หล้า​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ “ข้า​ก็ได้​ศึกษา​มรรคา​ภาพวาด​และ​อักษร​วิจิตร​ เมื่อ​ฝึกปรือ​มรรคา​ภาพวาด​และ​อักษร​วิจิตร​จนถึง​เขต​ขั้น​ลึกล้ำ​ มัน​ก็​จะกลาย​เป็นการ​เสกสรร​ การ​เสกสรร​ที่ว่า​มิใช่ใด​อื่น​นอก​เสีย​จาก​ทักษะ​เท​วะ​เสกสรร​ แต่​ใน​ด้าน​ของ​ทักษะ​เท​วะ​เสกสรร​แล้ว​ ไม่มีใคร​ที่​สามารถ​เอาชนะ​ข้า​ได้​”

ฉิน​มู่ส่งพู่กัน​ใน​มือ​ไป​ให้​เขา​ และ​ถาม “ถ้าเช่นนั้น​ ขอ​พี่​ท่าน​โปรด​วาด​ให้​ชม”

หนอนหนังสือ​ส่าย​ศีรษะ​และ​กล่าว​ “ปกติ​แล้ว​ข้า​ไม่วาด​ไป​ส่งๆ ข้า​จะวาด​ก็ต่อเมื่อ​จำเป็น​เท่านั้น​”

ฉิน​มู่เงยหน้า​มอง​ประตู​ใหญ่​บาน​หนึ่ง​ที่​ยืดยาว​ไป​ถึงชั้น​เมฆ “ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​อีก​บาน​…น่าเสียดาย​ที่​มัน​แตกหัก​ไป​แล้ว​! ให้​ข้า​ลอง​วาด​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​สักหน่อย​!”

เขา​ดีด​ปลาย​พู่กัน​ และ​กระดาษ​ผืน​ใหญ่​ก็​กาง​ตั้ง​ไป​ใน​อากาศ​ เขา​พลิก​ฝ่ามือ​ มือซ้าย​ถือ​พู่กัน​สี่แท่ง​ ขณะที่​มือ​ขวาง​เคลื่อนไหว​เป็น​วงกลม​วาดภาพ​ไป​ หมึก​ได้​ก่อตัว​ขึ้น​มาเอง​ และ​หมุน​วน​ไป​ใน​อากาศ​

ฉิน​มู่ยก​พู่กัน​เพื่อ​วาดภาพ​ และ​พู่กัน​ของ​เขา​ก็​ตวัด​เฉวียน​ประดุจ​งูและ​มังกร​ รายละเอียด​จำนวน​นับไม่ถ้วน​หลั่งไหล​ออกมา​ และ​ก่อ​ขึ้น​เป็น​ลวดลาย​ของ​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​

ฉิน​มู่ขยับ​พู่กัน​ของ​เขา​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​ปลาย​พู่กัน​ก็​ถึงกับ​แยง​เข้าไป​ใน​กระดาษ​ราวกับว่า​มีจักรวาล​อีก​แห่ง​หนึ่ง​อยู่​ใน​นั้น​ แม้ว่า​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​นี้​จะวาด​เอาไว้​บน​กระดาษ​ แต่​มัน​ก็​เหมือน​จะมีอีก​โลก​มิติ​หนึ่ง​อัน​กว้างใหญ่​ไพศาล​ซ่อน​อยู่​ข้างใน​นั้น​

พู่กัน​ของ​เขา​แปร​เปลี่ยนเป็น​มหา​วัตถุ​โบราณ​เท​วะ​ที่​สามารถ​เสกสรร​ได้​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ เขา​ก่อสร้าง​ออกมา​เป็น​ลวดลาย​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ของ​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ และ​พวก​มัน​ก็​ละเอียดยิบ​มาก​เท่า​ที่จะ​เป็นไปได้​

หลังจากนั้น​ พู่กัน​สี่แท่ง​ก็​เหาะ​เข้าไป​ใน​กระดาษ​ และ​เริ่มต้น​วาด​ระบาย​ข้างใน​ มัน​มหัศจรรย์​อย่างยิ่ง​จน​ยาก​ที่จะ​บรรยาย​ออกมา​เป็น​คำพูด​

หลังจาก​ผ่าน​มาพักใหญ่​ๆ ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ก็​ก่อตัว​ขึ้น​มา

ฉิน​มู่เก็บ​พู่กัน​และ​หมึก​ของ​เขา​ ก่อนที่จะ​ปลด​ภาพวาด​ลง​มาจาก​ท้องฟ้า​ สะบัด​มัน​ไป​ด้วย​กำลัง​แรง​ ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ลอย​ออก​มาจาก​ภาพวาด​ และ​ตั้ง​ลง​ยัง​พื้น​อย่าง​สนั่นหวั่นไหว​

ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​นี้​สูงหนึ่ง​หมื่น​ห้า​พัน​วา​ และ​มัน​ดู​ยิ่งใหญ่​น่าเกรงขาม​อย่าง​ผิดธรรมดา​ มัน​เผย​ให้​เห็น​ความ​น่ายำเกรง​แห่ง​สภาสวรรค์​บรรพกาล​ เมื่อ​มัน​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ใน​สนามรบ​โบราณ​แห่ง​นี้​ มัน​แสดงถึง​สิทธิ​ราชย์​ของ​จักรพรรดิ​ฟ้า

ฉิน​มู่มอง​ไป​ยัง​หนอนหนังสือ​และ​ถามด้วย​รอยยิ้ม​ “วิชา​เสกสรร​ของ​ข้า​เป็น​อย่างไรบ้าง​ล่ะ​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ชมอย่าง​เต็มปากเต็มคำ​และ​พูด​ต่อ​ “ถึงกับ​มีความสำเร็จ​ระดับ​นี้​ตั้งแต่​เมื่อ​เจ้ายัง​ไม่ทัน​ย่างกราย​สู่เต๋า​ เจ้าพอ​จะกล้อมแกล้ม​นับ​ได้​อยู่​ว่า​เป็น​อันดับ​สามใน​โลก​หล้า​ หากว่า​เจ้าสามารถ​เหนือ​ล้ำ​ไป​กว่า​ท่าน​ปู่​หนวก​ของ​เจ้า เจ้าก็​คง​พอ​ถูๆ ไถๆ มาเป็น​อันดับ​สอง​ หากว่า​เจ้าสามารถ​ปล่อย​พู่กัน​และ​กระดาษ​โดยที่​ไม่ถูก​พวก​มัน​จำกัด​พันธนาการ​ แบบ​นั้น​แล้ว​ เจ้าก็​จะเป็น​อันดับ​สอง​อย่าง​แท้จริง​ ส่วน​ตอนนี้​มาตรฐาน​ของ​เจ้านั้น​ยังอยู่​เพียงแค่​ภาพวาด​ดู​คล้าย​กับ​สิ่งดำรง​ เจ้ายังอยู่​ห่างไกล​นัก​จาก​อันดับ​หนึ่ง​”

ฉิน​มู่ไต่ถาม​คำ​ชี้แนะ​อย่าง​จริงใจ​ “ถ้าเช่นนั้น​ อะไร​คือ​มาตรฐาน​ของ​อันดับ​หนึ่ง​”

“ใน​มรรคา​ภาพวาด​มีสามเขต​ขั้น​ วาด​คล้าย​กับ​สิ่งดำรง​นั้น​คือ​ขั้นแรก​ วาด​จน​เป็น​สิ่งดำรง​นั่น​คือ​ขั้น​ที่สอง​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ต่อ​ “ไม่วาด​และ​ดำเนิน​ตาม​มรรคา​ ไร้​หมึก​และ​ก่อเกิด​จาก​ฟ้าและ​ดิน​ นั่น​คือ​เขต​ขั้น​ที่สาม​”

ขณะที่​เขา​กล่าว​อยู่​นั้น​ ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​ที่​ฉิน​มู่วาด​ขึ้น​มาก็​พลัน​ถล่ม​และ​แปร​เปลี่ยนไป​เป็น​หมึก​ที่​ร่วง​พราว​ลง​มาจาก​ท้องฟ้า​

“นี่​คือ​เขต​ขั้นแรก​ วาด​คล้าย​กับ​สิ่งดำรง​ มัน​ยาก​ที่จะ​คงทน​อยู่​นาน​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ “หากว่า​เจ้าสำเร็จ​ขั้น​วาด​จน​เป็น​สิ่งดำรง​ และ​ทำให้​ประตู​สวรรค์​ทักษิณ​สามารถ​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ได้​เป็นเวลา​นาน​ เปลี่ยน​อากาศธาตุ​ให้​กลายเป็น​ของจริง​ นั่น​ถึงจะเป็น​เขต​ขั้น​ที่สอง​”

ฉิน​มู่เต็มไปด้วย​ความเลื่อมใส​ และ​เขา​กล่าว​ “ท่าน​ปู่​หนวก​ไม่เคย​บอก​ข้า​ถึงเรื่อง​พวก​นี้​ เขา​น่าจะ​ยัง​ไม่บรรลุ​ไป​ถึงขั้น​ที่สาม​ใน​มรรคา​ภาพเขียน​ ขอบคุณ​สำหรับ​การ​ชี้แนะ​ยิ่งนัก​ พี่​ท่าน​ ข้า​ได้​เรียนรู้​แล้ว​!”

กิเลน​วารี​เห็น​เช่นนี้​ และ​เขา​ก็​กล่าว​กับ​กิเลน​มังกร​อย่าง​ระแวง​สงสัย​ “หนอนหนังสือ​ผู้​นี้​ดู​ไม่เหมือน​บัณฑิต​ แต่​ดูเหมือน​นักต้มตุ๋น​ที่​ดีแต่​พูด​ นาย​ของ​เจ้านั้น​เอาแต่​จ้อง​ตาค้าง​จาก​คำ​โกหก​ที่​เห็น​อยู่​โต้งๆ​ ของ​เขา​ ตอนแรก​ที่​เจอกัน​ หาก​ข้า​รู้​ว่า​เขา​จะถูก​หลอก​เอา​ได้​ง่ายๆ​ แบบนี้​ ไฉน​ข้า​ถึงจะใช้กำลัง​ล่ะ​ ข้า​สามารถ​ปั้นน้ำเป็นตัว​จน​นาย​ของ​เจ้าหมดเนื้อหมดตัว​ไม่เหลือ​แม้แต่​กางเกงใน​ แล้ว​ยัง​จะมาขอบใจ​ข้า​เสีย​อีก​!”

กิเลน​มังกร​ยก​มุมปาก​และ​กล่าว​ด้วย​ความ​หมิ่น​แคลน​ “ฮวี้​ ฮวี้”​

“เจ้าก็​ยัง​ไม่เชื่อ​ข้า​อีก​ ข้า​คือ​สุดยอด​นักปราชญ์​ใน​เผ่า​เทพ​กิเลน​ของ​พวกเรา​นะ​!”

ฉิน​มู่และ​คนอื่นๆ​ เดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​ และ​ทันใดนั้น​ แสงมีด​ก็​กรีด​ผ่าน​หมอก​ แสงมีด​นั้น​ยืดยาว​ข้าม​ฟ้าและ​ผ่า​แยก​ออก​ไป​เป็น​พยุหะ​ค่าย​กล​อัน​มีระบบ​ระเบียบ​ มัน​ฟาดฟัน​ลงมา​ด้วย​ค่าย​กล​มีด​พิสดาร​

เสียง​กู่​ร้อง​คำราม​ดัง​ออกมา​ และ​เงาร่าง​ใหญ่โต​หนึ่ง​ก็​ล้มคว่ำ​ไป​ใน​หมอก​

แสงมีด​ที่​เกลื่อน​ฟ้าอยู่​นั้น​ หดกลับ​เข้าไป​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​ตกลง​เบื้องหลัง​ชาย​แขน​เดียว​ที่อยู่​ใน​หมอก​ พวก​มัน​เข้าไป​ใน​ปลอก​ดาบ​ของ​เขา​

ฉิน​มู่มอง​ไป​ยัง​แสงมีด​อัน​เป็นระบบ​ระเบียบ​นั้น​ และ​หัวใจ​ของ​เขา​ก็​เต้น​โครมคราม​ เพ​ลงมีด​นี้​ดู​คุ้นตา​จริงๆ​…

เสื้อผ้า​ของ​เงาร่าง​แขน​เดียว​นั้น​สะบัด​ใน​สายลม​ และ​เขา​ก็​เดิน​ลึก​เข้าไป​ใน​ดง​หมอก​ รูปเงา​มากมาย​เดินตาม​เขา​ไป​ และ​พวกเขา​ก็​หาย​ลับ​อย่าง​รวดเร็ว​

“ดาบ​เท​วะ​แขน​เดียว​ ดาบ​เท​วะ​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​สภาสวรรค์​นอก​โลก​!”

หนอนหนังสือ​ตา​เป็นประกาย​ และ​เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ดาบ​เท​วะ​ลั่วอู๋ชวง​แห่ง​สภาสวรรค์​นอก​โลก​ ข้า​ได้ยิน​ว่า​เขา​พบพาน​กับ​กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​แห่ง​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่งเมื่อ​เขา​ยัง​เยาว์​ และ​ถูก​ตัด​แขน​ไป​โดย​เพลิง​กระบี่​อัน​มหัศจรรย์​ไร้​เทียมทาน​จาก​กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​จักรพรรดิ​สูงส่ง ดาบ​เท​วะ​ผู้​นี้​ได้​ใคร่ครวญ​ประสบการณ์​อัน​เจ็บปวด​ของ​ตนเอง​ และ​ย่างกราย​สู่มรรคา​มีด​ด้วย​แขน​เดียว​ หลังจาก​ฝึกปรือ​มาเป็นเวลา​หลาย​หมื่น​ปี​ เขา​ก็​เคย​เข้าไป​ใน​แท่น​ประหาร​เทพ​ และ​ไม่แพ้​ให้​กับ​มีด​ปริศนา​ประหาร​เทพ​ เขา​นั้น​เป็น​ดาบ​เท​วะ​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​สภาสวรรค์​อย่าง​แท้จริง​! พวก​คนหนุ่มสาว​ข้างๆ​ เขา​น่าจะเป็น​ทัพ​ห​ลิง​ซิ่ว​”

วิญญูชน​สวรรค์​อวี้​กล่าว​อย่าง​ตื่นเต้น​ “กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่งหรือ​ แข็งแกร่ง​อะไร​อย่างนี้​! พี่​มู่ เจ้าเอง​ก็​เป็น​กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​ เจ้าก็​แข็งแกร่ง​เหมือนกัน​สิ!”

หนอนหนังสือ​เหลือบ​แล​ฉิน​มู่ก่อน​จะส่าย​หัว​ “กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​จักร​พร​รด​สูงส่งได้​สะบั้น​แขน​ข้าง​หนึ่ง​ออก​ไป​จาก​ดาบ​เท​วะ​ลั่ว​ นั่น​มัน​อัศจรรย์​จน​แทบ​ลืม​หายใจ​ขนาด​ไหน​ กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​ฉิน​ยัง​ห่างไกล​นัก​จาก​มาตรฐาน​นั้น​”

หาง​ตา​ของ​ฉิน​มู่กระตุก​เมื่อ​เขา​ครุ่น​คิดในใจ​ กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​จักรพรรดิ​สูงส่งที่​ตัด​แขน​ของ​เขา​อยู่​ข้างๆ​ ท่าน​อย่างไร​ล่ะ​ แต่​ข้า​จะไม่ปริปาก​สัก​คำ​ ดาบ​เท​วะ​ของ​ลั่วอู๋ชวง​นั้น​แข็งแกร่ง​อย่าง​แท้จริง​ เขา​เก่งกาจ​กว่า​เมื่อ​กาล​ครั้งนั้น​ไป​หลาย​เท่าตัว​ ต่อให้​ไม่นับ​เรื่อง​ขั้น​วร​ยุทธ​ของ​เขา​ ก็​ยัง​ยาก​ที่​ข้า​จะทำลาย​ดาบ​เท​วะ​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​

“แต่ทว่า​ ดาบ​เท​วะ​ลั่ว​มีความเคยชิน​อัน​ย่ำแย่​ คือ​ศิษย์​ของ​เขา​ทุกคน​จะต้อง​ตัด​แขน​ออก​ไป​ข้าง​หนึ่ง​ มิเช่นนั้น​ก็​ไม่อาจ​เรียน​เพ​ลงมีด​ของ​เขา​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ดังนั้น​คนหนุ่มสาว​แห่ง​สภาสวรรค์​ใน​ทัพ​ห​ลิง​ซิ่ว​จึงมักจะ​มีแขน​เดียว​”

ฉิน​มู่นึกถึง​เจ๋อ​หัว​หลี​ และ​เขา​ก็​คิด​อยู่​ใน​ใจ เจ๋อ​หัว​หลี​เอง​ก็​เกือบ​สะบั้น​แขน​ของ​เขา​ออก​ไป​หนึ่ง​ข้าง​ แต่​ในที่สุด​ ภายใต้​แรงกดดัน​ของ​ข้า​ เขา​ก็​เดิน​ออกจาก​เงื้อม​เงาของ​ลั่วอู๋ชวง​จนได้​ คิดค้น​มรรคา​มีด​ของ​ตนเอง​! บัดนี้​เมื่อ​ลั่วอู๋ชวง​ปรากฏตัว​ ข้า​ก็​สงสัย​ว่า​เขา​จะไป​พบ​กับ​ฟู่ยื่อลัว​หรือเปล่า​ ก็​ใน​เมื่อ​พวกเขา​เป็น​คนรู้จัก​กัน​ หากว่า​เขา​ไป​พบ​กับ​ฟู่ยื่อลัว​ ฟู่ยื่อลัว​ก็​คง​ทรยศ​ไป​แล้ว​…หากว่า​ข้า​เห็น​เจ๋อ​หัว​หลี​อยู่​ข้าง​กาย​ลั่วอู๋ชวง​ ก็​แปล​ว่า​ฟู่ยื่อลัว​ทรยศ​แล้ว​แน่ๆ​!

พวกเขา​ไป​ยัง​จุด​ที่​ลั่วอู๋ชวง​ขับเคลื่อน​เพ​ลงมีด​ของ​เขา​ และ​พวกเขา​ก็​ และ​ก็​พบ​ว่า​พวก​ที่​ถูก​ลั่วอู๋ชวง​สังหาร​คือ​ครึ่ง​เทพ​ ร่าง​ของ​ครึ่ง​เทพ​ตน​นั้น​ทั้ง​แข็งแกร่ง​และ​กำยำ​ เขา​มีศีรษะ​ของ​เทพเจ้า​อัน​มีรูปทรง​คล้าย​มังกร​และ​มีเรือน​กาย​ของ​มนุษย์​ที่​มีแปด​แขน​งอก​ออกมา​ พลัง​ชีวิต​ของ​เขา​ยัง​ไม่ทัน​สลาย​ไป​ ดังนั้น​เขา​ยังคง​เปล่ง​เทวา​นุ​ภาพ​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ออกมา​!

“ครึ่ง​เทพ​ใน​ขั้น​แท่น​ประหาร​เทพ​!”

หนอนหนังสือ​ตรวจตรา​ดู​รอย​มีด​ และ​เขา​ก็​เอ่ย​ชม “เพ​ลงมีด​อัน​ยอดเยี่ยม​! ดาบ​เท​วะ​ลั่ว​ใช้วร​ยุทธ​ขั้น​อัคร​นคร​หยก​เพื่อ​สังหาร​ครึ่ง​เทพ​ราชา​มังกร​ตน​นี้​”

ฉิน​มู่สำรวจ​ร่องรอย​มีด​ และ​เขา​ก็​พยายาม​วิเคราะห์​อนุมาน​ว่า​เพ​ลงมีด​ของ​ลั่วอู๋ชวง​ได้​วิวัฒน์​ไป​ถึงขั้น​ไหน​แล้ว​ เขา​มอง​ไป​ยัง​พวก​มัน​อย่าง​ถี่ถ้วน​

หนอนหนังสือ​ถามด้วย​ความสงสัย​ “หรือว่า​จ้าว​ลัทธิ​ฉิน​ก็​ศึกษา​เพ​ลงมีด​ด้วย​”

ฉิน​มู่กล่าว​อย่าง​ถ่อมตน​ “ท่าน​ยกยอ​ข้า​เกินไป​แล้ว​ ข้า​นั้น​เป็น​อันดับ​ที่​…เอิ่ม​ ไม่สามก็​สี่”

หนอนหนังสือ​เผย​รอยยิ้ม​และ​คลี่​พัด​ออกมา​พัด​ให้​กับ​ตนเอง​ “อันดับ​สามหรือ​สี่? ไม่ใช่ว่า​จ้าว​ลัทธิ​ฉิน​จะคุยโว​เกินไป​หน่อย​ไหม​ ข้า​ได้ยิน​ว่า​มีเทพเจ้า​นาม​ว่า​เถียน​ฉู่ใน​สภาสวรรค์​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ ผู้​ซึ่งเชี่ยวชาญ​ใน​เพ​ลงมีด​ ดาบ​สวรรค์​ประตู​เท​วะ​ของ​เขา​สามารถ​สะบั้น​เขา​ของ​ภูติ​บดี​ได้​ ถ้าจ้าว​ลัทธิ​ไป​เทียบ​กับ​เขา​จะเป็น​เช่นไร​”

ฉิน​มู่สีหน้ามืด​ดำ​ และ​ส่ายหน้า​ “ข้า​ด้อย​กว่า​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ “ข้า​ได้ยิน​ว่า​มีดาบ​สวรรค์​ใน​สันติ​นิรันดร์​ ผู้​ซึ่งชี้ดาบ​ท้าทาย​สรวงสวรรค์​ เขา​ย่างกราย​สู่เต๋า​ด้วย​มรรคา​มีด​และ​คิดค้น​เก้า​วิชา​ดาบ​สวรรค์​อัน​สามารถ​สังหาร​เทพเจ้า​ได้​แม้เขา​จะอยู่​เพียง​ขั้น​สะพาน​เท​วะ​ จ้าว​ลัทธิ​เทียบ​กับ​เขา​แล้ว​นับว่า​เป็น​อย่างไร​”

“ข้า​ก็​ยัง​อ่อนหัด​กว่า​” สีหน้า​ของ​ฉิน​มู่มืด​ดำ​เข้าไป​ใหญ่​

หนอนหนังสือ​ยังคง​ถามต่อ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ลั่วอู๋ชวง​มีศิษย์​คน​หนึ่ง​นาม​ว่า​เจ๋อ​หัว​หลี​ เขา​ย่างกราย​สู่เต๋า​ด้วย​มรรคา​มีด​ และ​คิดค้น​เพ​ลงมีด​ขึ้น​มา เพ​ลงมีด​ของ​จ้าว​ลัทธิ​ฉิน​นับว่า​เป็น​อย่างไร​เมื่อ​เทียบ​กับ​ของ​เขา​”

“ด้อย​กว่า​!” ฉิน​มู่ตอบ​ไป​อย่าง​เดือดดาล​

“ถ้าเช่นนั้น​ เจ้าก็​ยัง​ด้อย​กว่า​ข้า​ด้วย​เช่นกัน​”

หนอนหนังสือ​กล่าว​ต่อ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​เอง​ก็​ย่างกราย​สู่เต๋า​ด้วย​มรรคา​มีด​ และ​แม้ว่า​ข้า​จะไม่เลิศ​ล้ำ​ไป​ด้วย​พรสวรรค์​เหมือนกับ​ดาบ​สวรรค์​ ที่​ถึงกับ​บุกเบิก​ออกมา​เก้า​วิชา​ แต่​ข้า​ก็​ยัง​คิดค้น​มาได้​เจ็ด​กระบวนท่า​”

ฝ่ามือ​ของ​ฉิน​มู่สั่น​ระริก​ และ​เขา​ทึ้ง​เอา​หนวด​หร็อมแหร็ม​ใต้​คาง​ออกมา​สี่ห้า​เส้น​ด้วย​กำลัง​แรง​

หนอนหนังสือ​แย้มยิ้ม​โดย​ไม่กล่าว​คำ​

พวกเขา​เดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​และ​ก็​เห็น​แต่​มาร​เท​วะ​แห่ง​เผ่า​มาร​อยู่​ที่นี่​ รัศมี​ของ​มาร​เท​วะ​ทั้งหลาย​น่าสะพรึงกลัว​ และ​พวกเขา​ก็​นำพา​สัตว์ร้าย​ตัว​ใหญ่​ปาน​ภูเขา​มาด้วย​ข้างหลัง​ พวกเขา​เดิน​หาย​ผลุบๆ โผล่ๆ​ อยู่​ใน​มวล​หมอก​ และ​ดู​น่า​ประหวั่นพรั่นพรึง​เป็น​อย่างยิ่ง​

ทันใดนั้น​ เสียงร้อง​ของ​กระบี่​ก็​ดัง​มาตรงหน้า​พวกเขา​ และ​แสงกระบี่​ก็​กระจาย​เกลื่อน​ฟ้า แสงกระบี่​ปรากฏ​ท่ามกลาง​แสงมีด​ และ​พวก​มัน​ก็​เข้า​ปะทะ​กัน​

ฉิน​มู่มอง​ไป​ที่​เพลง​กระบี่​ และ​เขา​ก็​ตะลึง​ไป​

เพลง​กระบี่​นั้น​คุ้นตา​ของ​เขา​เกินไป​แล้ว​ นั่น​คือ​เพลง​กระบี่​ของ​เขา​!

“ระบำ​ดาบ​มังกร​ขาว​! กระบี่​เท​วะ​จักรพรรดิ​สูงส่ง!”

ดวงตา​ของ​หนอนหนังสือ​เป็นประกาย​ และ​นาง​ก็​แย้มยิ้ม​ “กระบี่​เท​วะ​จักรพรรดิ​สูงส่งเป็น​สตรี​ และ​นาง​เป็น​คู่อาฆาต​ตัวเอ้​ของ​ลั่ว​อู่​ชว​ง ไม่คิด​เลย​ว่า​นาง​จะมาด้วย​เช่นกัน​! ข้า​ได้ยิน​ว่า​ตอนที่​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่งถูก​ทำลายล้าง​ กระบี่​เท​วะ​จักรพรรดิ​สูงส่งยังคง​เป็น​เด็กสาว​อายุ​เยาว์​อัน​มีกำลัง​ฝีมือ​และ​ความสามารถ​ต่ำต้อย​ แต่ทว่า​นาง​บุกบั่น​ฝ่าฟัน​ออกจาก​ความมืด​ไป​พร้อมกับ​กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​จักรพรรดิ​สูงส่ง! กา​ยา​จ้าว​แดนดิน​จักรพรรดิ​สูงส่งหายตัว​ไป​ แต่​นาง​ได้​สืบทอด​เพลง​กระบี่​ของ​เขา​และ​ก็​ใช้มัน​เป็น​รากฐาน​เพื่อ​กรุยทาง​เต๋า​กระบี่​ของ​นาง​เอง​ ใน​เดือน​ปี​อัน​มืดมิด​หลังจากที่​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่งสิ้นสุด​ไป​ เพลง​กระบี่​ของ​นาง​ก็​เจิด​จรัส​อยู่​เป็นเวลา​หลาย​ร้อย​ปี​ และ​กระเดื่อง​เลื่องลือ​ว่า​นาง​คือ​วีรชน​ใน​เหล่า​สตรี​! จ้าว​ลัทธิ​ฉิน​”

เขา​ถามด้วย​รอยยิ้ม​ “แล้ว​อย่างนั้น​ เพลง​กระบี่​ของ​เจ้านับ​เป็น​อันดับ​เท่าไร​ใน​โลก​หล้า​ล่ะ​”

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Score 10
Status: Completed

อ่าน ตำนานเทพกู้จักรวาล PDF ตอน 1 – 443 คลิกเพื่ออ่าน

( อ่านต่อด้านล่าง )


ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก

เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่

ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย

บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู

ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน

เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ!

ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่

ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร

ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา…

เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่

นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก!

‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Options

not work with dark mode
Reset